การบินไทยยกระดับขั้นสูงสุดสกัด “เชื้อโคโรนา”-จ่อปรับตารางบินจีนหลังผู้โดยสารยกเลิกตั๋ว

วันนี้ (28 ม.ค.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ ได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเครื่องบินและการเช็ดทำความสะอาดภายในเครื่องบินอย่างละเอียด ซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทั้งตัวเครื่องบิน และการบริการบนเครื่องบิน รวมถึงฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ โดยมีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ณ โรงซ่อมเครื่องบิน (Hangar) ฝ่ายช่างการบินไทย สุวรรณภูมิ โดยมีการสาธิตวิธีการฉีดพ่นและอบยาฆ่าเชื้อ และทำความสะอาดภายในเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ซึ่งเตรียมที่จะนำไปบินให้บริการในเส้นทางประเทศจีน

นายถาวรกล่าวว่า ไวรัสโคโรนามีจุดตั้งต้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และมีการแพร่กระจายไปหลายๆ เมือง ดังนั้น เครื่องบินของการบินไทยและไทยสมายล์ที่ทำการบินไปยังประเทศจีนทุกลำจะมีการทำความสะอาดแบบละเอียดทุกตารางนิ้ว เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจได้สูงสุด นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในประเทศไทย จำนวน 9 ราย ซึ่งมีการดูแลรักษาตามขั้นตอนและมาตรฐาน และไม่มีการแพร่กระจาย ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเด็ดขาดขอให้ดำเนินการทุกมาตรการเพื่อดูแลไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อได้

สำหรับการตรวจผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีน ดำเนินการอย่างเข้มงวดรัดกุม รวมถึงผู้โดยสารจากเส้นทางอื่นๆ ก็ดำเนินการตามมาตรฐานเช่นกัน โดยสนามบินทุกแห่ง รวมถึงสนามบินในความดูแลของกรมท่าอากาศยาน 28 แห่ง ใช้มาตรฐานการตรวจผู้โดยสารเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่อง visa on arrival ซึ่งอาจจะขอความร่วมมือจากประเทศจีนให้ทำ Visa มาจากต้นทาง เพื่อให้มีการตรวจสอบในเรื่องสุขภาพมาจากต้นทาง เพื่อลดความเสี่ยงหรือข้อน่ากังวลสำหรับผู้โดยสารที่มาจากประเทศจีนในระยะนี้

ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างประเมินจำนวนผู้โดยสารเส้นทางประเทศจีน และอาจจะมีการปรับตารางบินลดความถี่ให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีการยกเลิกการเดินทางในระดับหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการทำการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินขาออกมีการยกเลิกตั๋วโดยสารค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม การยกเลิกเที่ยวบิน หรือปรับตารางบินจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารที่ยังต้องการเดินทางได้รับความเดือดร้อน

@การบินไทยยกระดับขั้นสูงสุด ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเครื่องบินไปจีนทุกลำ

นายเชิดพันธ์ โชติคุณ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง การบินไทย กล่าวว่า การบินไทยมีมาตรการในการทำความสะอาดเครื่องบิน และอุปกรณ์ในการให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันได้ยกระดับเป็นขั้นสูงสุด โดยมีการอบพ่นสเปรย์ Calla 1452 ฆ่าเชื้อโรคในอากาศยาน ทั้งในบริเวณห้องผู้โดยสาร และห้องนักบินในทุกเที่ยวบินที่ทำการบินกลับมาจากประเทศจีนทั้งหมด และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสำหรับเครื่องบินที่ทำการบินไปยังประเทศจีนทุกลำอย่างเข้มข้น โดยปัจจุบันการบินไทยทำการบินในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่ 6 จุดบินในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซี่ยเหมิน คุนหมิง เฉิงตู รวมจำนวน 9 เที่ยวบิน/วัน

และเที่ยวบินร่วมของไทยสมายล์ 3 จุดบิน ได้แก่ ฉงชิ่ง ฉางซา และเจิ้งโจว มีจำนวน 7 เที่ยวบิน/วัน ได้แก่ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง, กรุงเทพฯ-เกาสง, กรุงเทพฯ-ฉงชิ่ง, กรุงเทพฯ-ฉางซา, กรุงเทพฯ-เจิ้งโจว, เชียงใหม่-เกาสง, ภูเก็ต-ฮ่องกง/ ภูเก็ต-กรุงเทพฯ

สำหรับระยะเวลาในการพ่นยาฆ่าเชื้อบนเครื่องบิน เริ่มจากลูกเรือคนสุดท้ายลงจากเครื่อง ใช้เวลาทั้งหมด 45 นาที โดยเป็นการพ่นยา 15 นาที และอีก 30 นาทีเป็นการปิดเครื่องบินเพื่อทำการอบฆ่าเชื้อ รวมๆประมาณ 2 ชม.-2 ชม.ครึ่ง ซึ่งไม่กระทบหรือทำให้เที่ยวบินล่าช้า ขณะที่ไม่ได้ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดเพิ่มมากนัก น้ำยาฉีดพ่นเชื้อนั้นมีราคาประมาณ 62 ดอลลาร์สหรัฐต่อแกลลอน

นอกจากนี้ เนื่องจากการบินไทยเป็นบริการเต็มรูปแบบ (Full Service) มีระบบ In Flight Entertainment ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ผู้โดยสารจะสัมผัส รวมถึงจุดอื่นๆ ภายในเครื่องบินจะมีการทำความสะอาดอย่างเข้มข้น (Deep Cleaning) จำนวน 36 จุดสัมผัสร่วม ได้แก่ กระเป๋าหน้าที่นั่งผู้โดยสาร บริเวณภายในเครื่องบินทั่วไป ที่นั่งผู้โดยสาร ครัว และห้องน้ำ ส่วนคุณภาพแอร์ภายในห้องโดยสาร มีการกรองอากาศด้วย HEPA FILTER ซึ่งผู้ผลิตรับรอง 99.99%

ส่วนนักบินและลูกเรือรวมถึงพนักงานภาคพื้นมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นเช่นกัน นอกจากนี้ กรณีที่เกิดพบผู้โดยสารมีอาการที่อาจจะติดเชื้อจะมีการปฏิบัติตามมาตรฐานทุกขั้นตอน

สำหรับการรับขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์นั้น แม้จะยังไม่มีข้อมูลเรื่องการติดเชื้อ แต่จะมีการตรวจสอบหีบห่อสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน หลีกเลี่ยงการส่งสินค้าที่มีความเสี่ยง และจัดการคลังสินค้าให้ถูกสุขลักษณะปลอดจากการเป็นแหล่งเชื้อโรค