xs
xsm
sm
md
lg

"ประยุทธ์" ประชุมป้องกันโรคติดต่ออุบัติใหม่ ไม่ประมาทเตรียมแผนรับระดับ 3

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมป้องกันโรคติดต่ออุบัติใหม่ ไม่ประมาทเตรียมแผนรับมือหากสถานการณ์ยกระดับ 3 ย้ำอย่าตื่นตระหนก-อย่าบิดเบือนเฟคนิวส์ ยันดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ สธ.-พณ.-คมนาคม รับลูกพร้อมเข้มมาตรการ

วันนี้ (20 ก.พ.) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทําเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ว่า ที่ประชุมหารือถึงมาตรการต่างๆ และรับทราบการดำเนินการตามมาตรการที่ผ่านมาในทุกมิติ ซึ่งมีผลที่มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ แต่มีความเป็นห่วงหากการแพร่กระจายและการแพร่ระบาดเกินระยะที่ 2 ไปเป็นระดับ3 จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงการผลิตหน้ากากอนามัยและเตรียมแผนดูแลผู้ได้รับผลกระทบในภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทุกอย่างเป็นห่วงโซ่เดียวกัน จึงบูรณาการทุกหน่วยงานมาช่วยกันทำงาน โดยขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันแก้ปัญหาเป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องเตรียมมาตรการเหมาะสมเพื่อรับมือต่อไป โดยขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ซึ่งเราต้องเตรียมการและความพร้อมเผื่อไว้เท่านั้น โดยทุกอย่างมีหลักเกณฑ์มีมาตรการและกฎหมายควบคุมทั้งหมด รัฐบาลนี้จะไม่แก้ปัญหาแบบได้อย่างแต่เสียสองอย่าง สิ่งสำคัญขออย่างเดียวอย่าตื่นตระหนก อย่าสร้างความบิดเบือน เฟคนิวส์หรือเฮทสปีชเพราะจะทำให้การทำงานไปไม่ได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เสียสละทำหน้าที่มาหลายสัปดาห์และต้องทำต่อไปจนกว่าสถา นการณ์จะเรียบร้อย โดยยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนทุก ภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อหามาตรการปฏิบัติต่อไป

ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุขว่าหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นต้องเตรียมการรองรับในเรื่องโรงพยาบาลและสถานพยาบาลให้เพียงพอ อีกทั้งเตรียมพร้อมในด้านเครื่องมือด้านการแพทย์ และหน้ากากอนามัย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการสำรวจและผลิต ย้ำว่าขณะนี้สถานการณ์ของไทยอยู่ในระดับที่ 2 และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ รวมทั้งผู้ป่วยที่รักษาอยู่ก็มีอาการที่ดีขึ้น โดยผู้ติดเชื้อยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทั้งนี้ปัจจุบันสถิติประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 7 โดยมีประเทศอื่นแซงไทยไปแล้ว

ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังมีการใช้มาตรการกำกับดูแลหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุมก็สามารถควบคุมดูแลสต๊อกต่างๆ ได้และมีการจำกัดการส่งออก โดยหลังประกาศใช้มาตรการมีการขออนุญาตส่งออก 32 ล้านชิ้น ซึ่งเทียบกับตัวเลขส่งออกปี 61 ที่ตลอดทั้งปี 67 ล้านชิ้น

โดยโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยมี 9 โรงงาน กำลังผลิตเดินเครื่องเต็มที่24 ชั่วโมง ผลิตได้ 35 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยเฉพาะช่วงนี้มีความต้องการสูงทำให้มีความต้องการซื้อมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ให้ผู้ผลิตส่งสินค้าเข้าสู้ระบบการจัดสรร ทำให้มีการบริหารจัดการกระจายให้กับโรงพยาบาลรัฐแล้วกว่า 3 ล้านชิ้น และกระจายร้านธงฟ้า 900 แห่งทั่วประเทศแล้วกว่า 2 ล้านชิ้น นอกจากนี้ได้ประสานร้านค้าปลีกที่มีสาขาทั่วประเทศอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นและบิ๊กซี ให้ช่วยวางจำหน่ายกระจายไปทั่วประเทศและกำลังเจรจากับกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ โดยยังจำกัดไม่เกิน 4 ชิ้นต่อคน อย่างไรก็ตามในภาวะมีความต้องการสูงบางที่จึงอาจขาดแคลนบ้าง แต่เรามีจุดจำหน่ายขอประชาชนติดต่อสอบถามมาได้ทางนักงานของกระทรวงพาณิชย์ทุกแห่ง โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้มากขึ้น

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวถึงการยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศว่า กระทรวงคมนามคมเฝ้าระวังท่าอากาศยานทั้งส่วนภูมิภาค และระดับประเทศทั้ง 6 แห่ง รวมถึงสถานีขนส่งสาธารณะต่างๆ และเพิ่มความถี่ในการฆ่าเชื้อโรคบนเครื่องบินโดยสาร รวมถึงรถสาธารณะต่างๆเราเน้นย้ำให้การดำเนินการรัดกุม และมีความถี่มากขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนการขนส่งทางอากาศ ทางการท่าอากาศยาน มีการสนับสนุนเครื่องเทอร์โมสแกน ให้มีความเพียงพอ เพือติดตั้งช่องทางเข้าจากต่างประเทศให้มีความเพียงพอ โดยรมว.คมนาคมได้แจ้งไปยังกระทรงสาธารณสุขหากมีการเพิ่มเติม สามารถสนับสนุนเพิ่มเติมได้ ส่วนการช่วยเหลือเยียวผู้ได้รับผลกระทบการเดินทางเส้นทางต่างๆขณะนี้ การบินไทย และไทยสมายได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ในเส้นทาง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้








กำลังโหลดความคิดเห็น