ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ สำหรับเหตุร้าย 17 ชั่วโมงที่ห้างเทอร์มินัล 21 โคราช ช็อกประเทศทำเอาคนไทยหายใจติดขัดข้ามคืน เป็นเหตุร้ายแรงครั้งแรก มีความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ผลกระทบด้านจิตใจจะฝังใจคนไทยอีกนาน พร้อมคำถามต่างๆ
จะมีใครหรือหน่วยงานใดพยายามแสวงหาความจริงมาเป็นคำตอบให้คนไทยได้รับรู้กระจ่างชัด กับคำถามที่ว่า “เมืองไทยได้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จะมีอีกหรือไม่?”
ต้องใช้เวลา ถ้ามีความตั้งใจจะสอบสวนขุดคุ้ยหาสาเหตุต้นตอ ต้นเรื่องของเหตุการณ์วิปโยคที่โคราช มีผู้เสียชีวิตรวม 30 ราย บาดเจ็บต่างกัน 57 ราย เป็นผลความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการทหารชั้นประทวน 1 นาย
จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา เป็นทหารหน่วยรบ มีความชำนาญในด้านอาวุธปืนสั้นและปืนยาว อายุเพียง 32 ปี ควรจะเป็นทรัพยากรของกองทัพ แต่ต้องมาประกอบอาชญากรรมร้ายแรงจากแรงกดดันต่อเนื่องเกี่ยวโยงกับเรื่องเงินประมาณ 4 แสนบาท
คู่พิพาทเป็นนายทหารยศพันเอกและแม่ยายต้องจบชีวิตด้วยฝีมือของจักรพันธ์ ตามความคับแค้นใจที่พรรณนาในสื่อโซเชียล เป็นปัญหาในหน่วยงานของกองทัพเหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งคงไม่มีใครกล้าลงไปดูว่ามีขนาดใหญ่เพียงใด
ทั้ง 2 ฝ่ายต้องชดใช้ด้วยชีวิต พร้อมกับชีวิตของผู้อื่นกว่า 20 รายซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นผลของอารมณ์ระเบิดของจักรพันธ์ ซึ่งก่อเหตุลุกลามถึงขั้นบุกคลังแสงเอาอาวุธสงครามร้ายแรงมายิงชาวบ้านไม่เลือกหน้า บุกเข้าไปยึดตัวประกันในห้าง
จะมีใครกล้าสอบสวนหาความจริงมาบอกกล่าวให้ประชาชนได้รับรู้หรือไม่ และเรื่องเงินๆ ทองๆ ความไม่ยุติธรรมระหว่างผู้บังคับบัญชากับทหารชั้นผู้น้อยมักเป็นข่าวโดยตลอด และเกิดในหน่วยราชการอื่นๆ ด้วย เช่น ตำรวจยิงนายตำรวจ
กองทัพพร้อมหรือไม่ที่จะตรวจดูว่าขยะใต้พรม กระดูกซุกในตู้นั้นมีหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด เพราะข้อครหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใส การทุจริต การเอาเปรียบกดขี่ทหารเกณฑ์ ทหารชั้นประทวนมีอยู่ทุกยุค มีระบบปกป้องพวกเดียวกัน
อดีต ผบ.ทบ. 3 ป. ไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากจบสิ้นแล้ว ก่อนหน้านั้น ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.ปัจจุบัน ก็ไปมีบทบาทคนละอย่างตามภาพที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ความคิดเห็นของประชาชนเป็นอย่างไร ก็แพร่กระจายตามเครือข่ายสื่อต่างๆ แล้ว
ภารกิจต่อไปของหน่วยงานต่างๆ คือการประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมา การตั้งรับกับสภาวะวิกฤตฉุกเฉิน และการจัดการแก้ไขว่าควรจะเป็นอย่างไร เพราะเหตุร้ายระดับใหญ่ที่เกิดขึ้นในโคราชเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มีความซับซ้อนกว่าที่อื่น
ผู้ก่อเหตุเป็นทหารมีความชำนาญในการใช้อาวุธ มีอาวุธร้ายแรง เช่น ปืนไรเฟิล ปืนกลเอ็ม 60 พร้อมกระสุนหลายร้อยนัด สามารถต่อสู้ได้นาน รวมทั้งมีข่าวว่ามีระเบิดมือด้วย มีประชาชนอยู่ในอาคารหลายร้อยคน มีส่วนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน
การตั้งรับกับสถานการณ์หรือ Crisis Response หรือยุทธวิธีในการจัดการวิกฤตต้องให้หน่วยงานต่างๆ มาประเมินผล กำหนดวิธีในการรับมือ พร้อมจัดหาอุปกรณ์จำเป็น และตอบคำถามให้ได้ว่า “ทำไมใช้เวลานาน จนมีผู้เสียชีวิตมาก”
โครงสร้างของการสั่งการ บังคับบัญชาเป็นอย่างไรในหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่างๆ หลากหลายที่ระดมเข้ามาช่วยในครั้งนี้ และต้องประเมินด้วยว่า ถ้าบริหารจัดการได้ดีกว่า จะลดจำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และความเสียหายได้น้อยลงหรือไม่
การมีผู้เสียชีวิตรวม 27 ราย บาดเจ็บมากน้อย 57 ราย พอใจ ยอมรับได้หรือไม่ เมื่อประเมินเปรียบเทียบกับสถานการณ์และข้อจำกัดต่างๆ นี่เป็นภาวะจำเป็นเพื่อเตรียมตั้งรับกับเหตุร้ายลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
ผู้เสียชีวิต ไม่ใช่มีเพียงประชาชนและผู้ก่อเหตุ ยังมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นความยากลำบากในการจัดการวิกฤตครั้งนี้ การประเมินผลไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้ประชาชนได้รับรู้โดยละเอียด แต่ให้เป็นความพร้อมเสมอ
เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกหน่วยงานที่เผชิญกับการก่อเหตุร้ายเช่นนี้!
ยังต้องมีภาระในการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย บาดเจ็บ เสียชีวิต ด้านร่างกายและจิตใจ ความกดดัน ความเครียดจัดในสภาวะที่ไม่รู้ว่าจะตายหรือบาดเจ็บหรือไม่ ผู้ที่รอดมาได้ส่วนหนึ่งคงรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ต้องใช้เวลาเช่นกัน
ระบบการป้องกันรักษาคลังอาวุธ ยานพาหนะ ต้องได้รับการทบทวนเช่นกัน ใครจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประเมิน มีคำตอบด้วยว่าระบบป้องกันล้มเหลว ปล่อยให้ทหารนายเดียวเอาอาวุธมาฆ่าคนในเมืองได้อย่างไร
เป็นโศกนาฏกรรมสำหรับคนไทยทั้งประเทศ แต่ที่เกิดเป็นประเด็นซ้ำเติมความรู้สึกอย่างแรงสำหรับคนส่วนหนึ่งก็คือการแสดงออกของท่านลุงผู้นำในการแถลงสรุปผลของการปฏิบัติหน้าที่และความเสียหาย โดยมีอีก 2 ลุงมาร่วมด้วย
คณะ 3 ลุงมาถึงเมื่อเรื่องจบไปแล้ว เมื่อชาวบ้านเห็นลีลาท่าที กิริยาของลุงผู้นำ ก็มีคำถามว่า “ถ้าไม่มาจะดีกว่าหรือไม่” เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์อันใดด้านข้อมูลแล้ว การแถลงข่าวไม่ได้มีท่าทีโศกเศร้าเสียใจ พูดจาเหมือนมาหาเสียง
ขาดความสำรวม ไร้ sensitivity มีลีลาลูกเล่น ยิ้มแย้ม ยักคิ้ว โชว์มินิฮาร์ท โบกไม้โบกมือเสมือนเป็นผู้นำยอดนิยม ชาติจะขาดเสียมิได้ เป็นท่าทีซึ่งผู้นำหรือคนทั่วไปที่รู้จักกาลเทศะไม่สมควรกระทำ ไม่เคยเห็นว่ามีผู้นำชาติไหนทำเช่นนั้น
หรือเป็นลีลาที่ผู้นำไทยควรทำ ให้เหมาะกับคำที่เด็กโชว์ป้าย “ผนงรจตกม?”