xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อโคโรน่าไวรัสหวู่ฮั่นจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย แต่จงมีสติ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


ประเทศไทยเรามีพื้นฐานเศรษฐกิจอยู่ที่สองอย่างเป็นหลักคือการส่งออกและการท่องเที่ยว สำหรับการส่งออกเมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้นและเศรษฐกิจของคู่ค้าของเราไม่ดีมากนักเกือบจะทั่วโลก ก็ทำให้เราส่งออกได้ลำบากมากขึ้น ความสามารถในการแข่งขันก็ลำบาก ลดลง เพราะเราไม่ได้พัฒนาให้พ้นกับดักรายได้ปานกลาง ไม่สามารถผลิตสินค้าหรือให้บริการที่ใช้ความรู้สูงและไม่มีมูลค่าเพิ่มพอ

สำหรับการท่องเที่ยวนั้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) และนักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดนำรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศประมาณร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งหมด

ขณะนี้รัฐบาลจีนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกมานอกประเทศ บางประเทศเช่นฟิลิปปินส์ ก็ส่งนักท่องเที่ยวจีนกลับประเทศไปหลายร้อยคนเพราะเกรงการระบาดของโรค สำหรับไทยเรามีสถิติว่านักท่องเที่ยวชาวเมืองหวู่ฮั่นนิยมมากรุงเทพมากที่สุด และที่ยังอยู่ในไทยก็ไล่กว้านซื้อหน้ากากอนามัย N95 กันเป็นหลายโหลเพื่อขนกลับบ้าน

หลายคนถามว่า ทางรัฐบาลจีนใช้มาตรการขนาดนี้เป็นสิ่งที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ถึงขนาดปิดเมืองและห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศ

เหตุการณ์ล่าสุดมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปแคนาดา แต่ไปป่วยน่าจะเป็นโคโรน่าไวรัสหวู่ฮั่นด้วย เมื่อถึงแคนาคาก็คงต้องกักโรค (Quarantine) กันทั้งลำ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็อาจจะเข้าข่ายติดเชื้อไปด้วย

ถ้าพูดกันตามหลักวิชาการทางระบาดวิทยานั้น สิ่งที่รัฐบาลจีนทำ คือหยุดไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหว ไม่ให้คนเดินทางในบางเมือง คือปิดเมืองบางเมือง และห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งยังเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่คนจีนเดินทางมากที่สุด ไม่ต่างอะไรกับคนไทยที่ต้องเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ หรือบางส่วนจะพาครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันทั้งในประเทศและต่างแดน สำหรับคนจีนการเดินทางกลับบ้านในช่วงวันตรุษจีน หรือที่เรียกว่าการเดินทางเพื่อกลับบ้านฉลองเทศกาลตรุษจีน ชุนอวิ้น 春运 ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญเป็นที่พึงปรารถนาของทุกคน ลองหลับตานึกภาพคนจีนหลายร้อยล้านคนต่างต้องการกลับบ้านในช่วงดังกล่าว เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความรื่นเริงในเวลาเดียวกัน

แต่ปีนี้รัฐบาลห้ามเดินทาง และห้ามจัดการเฉลิมฉลองในที่สาธารณะที่รวมคนไว้มากๆ ด้วยเพราะจะทำให้เกิดการระบาดของไวรัสได้มากขึ้นและรวดเร็ว เนื่องจากการระบาดนั้นไม่ได้แตกต่างจากไข้หวัดที่ระบาดได้ค่อนข้างง่าย แน่นอนว่ามีคนไม่เห็นด้วย และคนจีนเองก็พยายามฝ่าฝืน แม้การเป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์จะทำให้การใช้อำนาจในการทำสิ่งที่ถูกต้องตามหลักการทางระบาดวิทยาสามารถทำได้ง่ายมากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด

ขอให้ลองนึกกันว่าหากมีการประกาศเช่นนี้โดยรัฐบาลไทย หากเกิดการระบาดของโรคไวรัสเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้น คงมีคนประท้วงและออกมาโวยวายว่าเป็นการรอนสิทธิ์กันมาก และคงยิ่งไม่ได้ผลและควบคุมไม่ได้เลย คงทำได้ไม่ดีเท่าที่รัฐบาลจีนพยายามทำอยู่

การที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปทั้งหมด นั้นกระทบกระเทือนเศรษฐกิจไทยอย่างมากแน่นอน ภาคการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก การขายของที่ระลึกและอื่นๆ หากการระบาดของไวรัสหวู่ฮั่นหนักมากและคุมไม่ได้ยาวนานเป็นปี ไม่มีนักท่องเที่ยวจีนมาประเทศไทยเลย น่าจะทำให้ GDP หายไปประมาณ 6% (20% ของ GDP มาจากการท่องเที่ยว และรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 30% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด) ซึ่งจะกระทบกระเทือนมาก ปีที่ผ่านมาการเติบโตของจีดีพีของไทยเท่ากับ 2.4% หากสถานการณ์ไวรัสหวู่ฮั่นยาวนาน ระบาดยาว GDP หายไป 6% จะเท่ากับ GDP ของไทยในปีนี้อาจจะติดลบถึง 4.6% ได้ นี่คือตัวเลขแบบคร่าวๆ และประเมินสถานการณ์ไปในทางเลวร้ายที่สุด

แต่สถานการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายขนาดนั้น รัฐบาลจีนน่าจะควบคุมสถานการณ์การระบาดของโนเวลโคโรน่าไวรัสได้ในเร็ววัน นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้ยาต้านไวรัส HIV ในการรักษาไวรัสหวู่ฮั่นที่มีโครงสร้างคล้ายกัน และมีแนวโน้มจะได้ผล อย่างไรก็ตามตัวช่วยสำคัญสุดน่าจะเป็นฤดูกาล เพราะหากฤดูหนาวสิ้นสุดลงการระบาดของไวรัสน่าจะลดลง อันเป็นธรรมชาติของไวรัสที่จะระบาดในฤดูหนาวที่อากาศเย็น ไวรัสจะเติบโตได้ดี ทั้งนี้หวู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย น่าจะอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม ที่น่าจะมีอุณหภูมิมากกว่า 10 องศาเซลเซียสและมากถึง 26 องศาเซลเซียส (ตามการพยากรณ์ของ https://www.accuweather.com/en/cn/wuhan/103847/march-weather/103847?year=2020) น่าจะทำให้สถานการณ์การระบาดของไวรัสลดลง

ทั้งนี้สถิติอุณหภูมิเฉลี่ยของหวู่ฮั่นทั้งปีแสดงในภาพด้านล่าง ซึ่งหากเข้าใกล้ฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่ อากาศอุ่นขึ้นการระบาดของไวรัสน่าจะลดลงโดยธรรมชาติ


ที่มา https://weatherspark.com/y/128408/Average-Weather-in-Wuhan-China-Year-Round


หากทางรัฐบาลจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเวลา 2 เดือน GDP ของประเทศไทยที่จะลดลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจะประมาณ 1% (2/12*20%*30%)

หากทางรัฐบาลจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเวลา 3 เดือน GDP ของประเทศไทยที่จะลดลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจะประมาณ 1.5% (3/12*20%*30%)

ทั้งนี้ข่าวในสังคมออนไลน์จีนเกี่ยวกับการดูแลนักท่องเที่ยวที่ป่วยและติดเชื้อโนเวลโคโรน่าไวรัสหวู่ฮั่น ค่อนข้างไปในทางที่ดี ในทำนองว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขดูแลดีมาก ให้การรักษาดีที่สุด และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาวเมืองหวู่ฮั่นที่มาเที่ยวในเมืองไทยในขณะนี้ก็ไม่ได้ถูกรังเกียจหรือต่อต้านแต่อย่างใด ยังใช้ชีวิตเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนานดี และมีความสุข แต่ในอีกด้านก็มีข่าวบอกต่อกันว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเมืองหวู่ฮั่นมากันเยอะ มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสหวู่ฮั่นนอกประเทศจีนมากที่สุดน่าจะต้องระวังเช่นกัน แต่ในภาพรวมสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามทำและดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสหวู่ฮั่นนั้น น่าจะส่งผลดีในระยะยาวต่อการท่องเที่ยวไทย

สิ่งที่น่าห่วงมากกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยและการท่องเที่ยวที่จะตกลงคือ Fake news ที่ว่อนในโลกออนไลน์ของไทย ที่ดูจะรุนแรงหนักหนามาก และเป็นข่าวที่ไม่จริงมากกว่าจริง เกิดการแตกตื่นและตระหนกหวาดกลัว แชร์ข่าวลือ ข่าวไม่จริงกันให้ว่อนไปหมด มี Facebook ที่ชื่อว่า สติค่ะลูกกกก ได้โพสต์เตือนสติสังคมไทยดังนี้ว่า



เจ้ว่าจะพูดมาสักพักละ เรื่องการปั่นข่าวปลอม มโนกันขึ้นต่างๆนาๆ ในโลกโซเชียล ที่เป็นมลพิษทางข่าวสารมากในตอนนี้
แม้แต่คนใกล้ตัวเจ้ยังบ่นกันหลายคน ว่านี่มันเป็นอะไรกัน ต้องการอะไร?
เช่นเรื่องที่มาเล่าประมาณว่า
"มึงๆ ฉันเห็นคนจีนล้มในเกท ที่สนามบิน 2 คน น่ากลัวมากเลยมึง แต่ที่ไม่เป็นข่าวเพราะว่าเขาปิดข่าว"
เฮ้ย เจ้อยากจะบอกว่าไอ้คำว่าปิดข่าวสมัยนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ในยุคที่เพียงแค่จิ้มบนหน้าจอโทรศัพท์ครั้งเดียว ข้อมูลก็เผยแพร่ไปให้คนนับล้านเห็นได้แล้ว
ไม่ว่าจะภาพหรือข้อมูล มันห้ามไม่ได้แล้ว สมัยนี้
บอกว่าเพื่อนญาติป้าคนจีนติดเชื้อแล้วเป็นแสนคนงี้ แต่จีนปิดข่าวงี้
มึงกลับแชร์กันได้ แต่ข่าวทางการกลับไม่แชร์ มันคืออะไรวะ งง
สงสารเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงาน และพยายามชี้แจง... #สติค่ะลูกกกก #โคโรนาไวรัส


เรื่องข่าวลือไวรัสเมืองหวู่ฮั่นที่แพร่กันระบาดอย่างหนักนั้น เรียกว่า goes viral เสียยิ่งกว่าไวรัสโนเวลโคโรนาเมืองหวู่ฮั่นเสียอีก

การตื่นข่าวลือนี้เป็นลักษณะเฉพาะของคนไทย ดังสำนวนที่ว่า เจ๊กตื่นไฟ ไทยตื่นข่าว ว่าแต่ว่า Anti-fake news center ที่กระทรวงดีอีน่าจะต้องทำงานให้หนักกว่านี้ ผลงานรัฐบาลในการสื่อสารกับประชาชนนั้น ไม่ว่าจะโฆษกรัฐบาลหรือกระทั่งตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีส่วนใหญ่ ผมยังคิดว่าไม่ผ่านดีนัก ต้องปรับปรุงอีกมาก

ตัดกลับมาที่จีน นายกรัฐมนตรีจีนหลี่เค่อเฉียง สวมหน้ากาก N 95 อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เดินทางลงพื้นที่เมืองหวู่ฮั่น เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และทีมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยไวรัสในเมืองหวู่ฮั่น น่าจะเป็นกำลังใจที่ดี และสยบข่าวลือต่างๆ ในจีน ซึ่งก็มีมากเป็นปกติเช่นกัน

ท่าทีของไทย ผมคิดว่าควรให้กำลังใจและให้ความร่วมมือกับจีนในการควบคุมโรคโนเวลโคโรนาไวรัสเมืองหวู่ฮั่น ให้ดีที่สุด ควรเห็นใจ ช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือ เพราะมิตรในยามยากคือมิตรแท้ และหากปฏิบัติกับเขาดีแล้ว เขาย่อมประทับใจ ยิ่งในยามป่วยไข้ ยิ่งต้องดูแลรักษา ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับให้ดี คนเราหากมาเจ็บไข้ในต่างแดนและได้รับการดูแลอย่างดี ย่อมสำนึกในบุญคุณและพูดถึงประเทศไทยในทางที่ดี และย่อมส่งผลดีต่อประเทศไทย การท่องเที่ยวไทย และเศรษฐกิจไทยในภายภาคหน้าหลังผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น