xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ชีวิตหรูครูกอล์ฟ” กับ “เฟกนิวส์” และปริศนาที่ต้องการคำตอบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังควานหาตัวมาพักใหญ่ ในที่สุด “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)” ภายใต้การนำของ “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เจอตัว “โจรปล้นร้านทองออโรร่า ในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี” ชิงทองคำไปได้ 26 บาท 2 สลึง รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท พร้อมสาดกระสุน 13 นัด กรุยทางเพื่อหลบหนี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีก 6 ราย

“ไอ้เหี้ยม” รายนี้มีชื่อว่า “ประสิทธิชัย เขาแก้ว”

ในช่วงที่เกิดเหตุ มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า “ใครคือโจรเหี้ยม” คนนั้น เพราะเมื่อพิจารณาจากการแต่งกายและการใช้อาวุธปืน สังคมพุ่งเป้าไปที่ “ตำรวจ-ทหาร”

ทว่า ในที่สุดทุกอย่างก็คลี่คลาย และกลายเป็น “ครู” และมีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึง “ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ชัย จ.สิงห์บุรี” อีกต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ช็อกสังคม” เป็นอย่างมาก

และหลังการขุดคุ้ยข้อมูลก็พบ “ความจริง” และ “ปริศนา” มากมาย

ความจริงและปริศนาที่ว่านั้นก็คือ “ผอ.กอล์ฟ” ใช้ชีวิตติดหรูหราจนเกิดความสงสัยว่า เขานำเงินทองที่ไหนมาใช้จ่าย เพราะลำพังเงินเดือนครูก็มิได้มากมายอะไรนัก แม้จะสามารถ “กู้เงิน” จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูหรือฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนสมาชิกคุรุสภา(ช.พ.ค.) ก็ไม่น่าจะมีบ้านหลังงาม ขับรถบีเอ็มซีรีส์ 5 และมี “สปีดโบ้ต” ลำเบ้อเร่อจอดอยู่ที่บ้าน

ขณะที่ในการ “คลี่คลาย” คดีซึ่งประชาชนเฝ้าติดตามกันทั้งประเทศด้วยเหตุมี “เด็กอายุ 2 ขวบ” เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ก็เกิด “เฟกนิวส์” ที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อและสับสนอลหม่านอยู่ไม่น้อยเช่นกันก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีบทสรุปให้สังคมกระจ่างแจ้ง เช่น เรื่องสืบจากเหงื่อ เรื่อง “ครูปอย” ซึ่งเป็นภรรยาเป็นคนนำทองที่ปล้นไปซ่อน เป็นต้น

“ครูกอล์ฟ” ใช้ชีวิตอู้ฟู่ อยู่เกินฐานะครู
นายประสิทธิชัยหรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี เป็นลูกชายอดีตตำรวจคนหนึ่งที่เคยปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สภ.เมืองลพบุรี ปัจจุบันเกษียณราชการไปแล้วประมาณ 2 ปี ส่วนแม่เป็นครู ขณะที่ภรรยาคนสวยก็เป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ และเพิ่งแต่งงานกันเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา

กล่าวสำหรับเส้นทางชีวิตราชการนั้น แรกเริ่มนายประสิทธิชัยเป็น “ครูพละ” ที่จังหวัดลพบุรี จากนั้นก็ไต่เต้าในสายบริหารโดยหลังจบการศึกษาปริญญาโท วิชาเอกบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ก็สามารถสอบเลื่อนชั้นขึ้นเป็น “ผู้อำนวยการ” และเพิ่งเดินทางไปรับหน้าที่ดังกล่าวที่โรงเรียนวัดโพธิ์ชัยจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

โดยเขามักเดินทางไปกลับระหว่างโรงเรียนกลับบ้านหลังงาม ซึ่งอยู่ที่ “หมู่บ้านลพบุรีวิว” ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี

เห็น “โปรไฟล์” แล้ว ใครๆ ก็บอกว่า ไม่น่าจะเปลี่ยนจากครูกลายเป็นโจรไปได้ เพราะพื้นฐานครอบครัวก็ดี การศึกษาก็ดี หน้าที่การงานก็เจริญก้าวหน้า

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบ “ไลฟ์สไตล์” หรือ “การใช้ชีวิต” ของนายประสิทธิชัยลึกลงไปก็สามารถใช้คำว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะดำเนินไปในท่วงทำนอง “กินหรู-อยู่สบาย” ซึ่งนั่นน่าจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจปล้น

ประสิทธิชัย เขาแก้ว


ทั้งนี้ จากภาพที่ปรากฏออกมาหลังถูกจับกุม พบว่า นายประสิทธิชัยขับรถยี่ห้อหรู BMW Series 5 แถมมีเรือสปีดโบ๊ตส่วนตัวจอดอยู่ที่บ้าน มีรสนิยมใช้ของแบรนด์เนมราคาแพง เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า ฯลฯ และดูจากในโชซียลฯ มักโพสต์ภาพแฮปปี้ดี๊ด๊าแสดงความร่ำรวยอู้ฟู่ กินร้านอาหารหรู ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อยู่เป็นระยะ

นอกจากนั้น ไลฟสไตล์ส่วนตัวชอบเล่นปืน แถมเป็นครูสอนยิงปืน จึงไม่แปลกที่ลักษณะท่าทางใช้ปืนในการปล้นจะคล่องแคล่วมีความเป็นมืออาชีพ แถมขณะก่อเหตุยังสวมใส่ของแบรนด์เนม กางเกงลายพรางทหาร กระเป๋าเป้ ยี่ห้อ the north face แบรนด์ดังสัญชาติอเมริกา ราคาประมาณ 4,000 - 6,000 บาท ถุงมือ Probiker สำหรับขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ รองเท้ายี่ห้อ adidas ทรงล้ำสมัย รุ่นฮิตTubular X Primeknit CORE BLACK ผลิตขึ้นมาเจาะลูกค้าตลาดระดับ ไฮเอนด์ ลักษณะพิเศษมีความความเบาและนุ่ม ราคาประมาณ 5,000 บาท

และเมื่อค้นดูภาพเก่าๆ เมื่อครั้งที่เขาแต่งงาน ก็พบว่า รถคันที่ปรากฏอยู่ในภาพก็เป็น BMW Z4 เปิดประทุนสีขาว ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า ครูกอล์ฟซื้อมาเมื่อครั้งแต่งงาน ทว่า เป็นรถเถื่อนสวมทะเบียนทำให้โดนกรมศุลกากรยึดรถ ต้องหาเงินมาเสียค่าปรับเกือบ 600,000 บาท

“เกิดจากปัญหาส่วนตัว ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทางด้านการเงิน”

นั่นคือคำให้การของ ผอ.กอล์ฟในการโฟนอินขณะสำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวแสดงรายละเอียดในการจับกุม เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคำตอบของเรื่องทั้งหมดได้เป็นอย่างดี เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าจัดอยู่ในประเภท “รายได้ต่ำ รสนิยมสูง”

บ้านหลังงามที่หมู่บ้านลพบุรีวิว รถบีเอ็มและสปีดโบ้ทลำใหญ่ของนายประสิทธิชัย



BMW Z4 เปิดประทุนสีขาว รถเถื่อนสวมทะเบียนที่นายประสิทธิชัยซื้อมาเมื่อตอนแต่งงาน จนกรมศุลกากรยึดและต้องหาเงินมาเสียค่าปรับเกือบ 600,000 บาท
ทั้งนี้จากการสอบสวนของตำรวจกองปราบปราบพบว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ ครูกอล์ฟลงมือก่อเหตุปล้นร้านทองในครั้งนี้ มาจากปัญหาหนี้สิน จำนวนมากกว่า 2 ล้านบาท ทั้งเงินกู้สหกรณ์ครูกว่า 900,000 บาท และเงินกู้แบงก์อีกกว่า 1,000,000 บาท ทำให้เงินเดือนข้าราชการครูที่ได้รับเดือนละ 3 หมื่นกว่าๆ ไม่พอใช้ ยิ่งถูกหักหนี้เงินกู้ต่างๆ ก็จะเหลือใช้เพียงแค่เดือนละ 5 พันบาทเท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมานายประสิทธิชัย ประสบปัญหาการเงินมาตลอด บางครั้งก็ถึงกับต้องหยิบยืมเงินจากที่บ้านอีกด้วย

ทั้งนี้ หากอ้างอิงตาม พระราชบัญญัติ เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 ฐานเงินเดือนของ ผอ.กอล์ฟ ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนระดับ คศ. 1 อัตราเงินเดือนจะอยู่ระหว่าง 15,440 - 34,310 บาท เมื่อรวมค่าวิทยฐานะเป็นข้าราชการระดับชำนาญการ (ชน.) อีก 3,500 บาท รายได้ต่ำสุดต่อเดือนจะอยู่ที่ 18,940 และสูงสุดจะอยู่ที่ 37,810 บาท


ที่สุดแห่ง “เฟกนิวส์”
โคตรมโนและโคตรมั่ว
อย่างไรก็ตาม หลังศาลอนุมัติหมายจับนำสู่การจับกุม “นายประสิทธิชัย เขาแก้ว” หรือ “กอล์ฟ” ผู้ต้องหา คดีปล้นร้านทองออโรร่า ในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ตั้งแต่ช่วงช้าของ วันที่ 22 ม.ค. 2563 ได้เกิดปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลมากมาย โดยเฉพาะกระแส “เฟกนิวส์” จนผู้คนสับสนอลหม่านว่า อันไหนจริง อันไหนเท็จ

เป็นต้นว่า คำรับสารภาพของคนร้าย แรงจูงในลงมือก่อเหตุนั้นเนื่องมาจากประสบปัญหา รู้สึกเบื่อกับชีวิต ต้องการหาความท้าทาย ตื่นเต้น ชีวิตจะได้มีสีสัน อยากตายแบบมีสตอรี ฯลฯ รวมทั้งข่าวลือเรื่องภรรยาและพ่อตาพบพิรุธ คนในบ้านเป็นเบาะแสสำคัญสู่การจับกุมครูกอล์ฟ ข่าวลือภรรยานำทองที่ถูกปล้นมาไปซ่อนในบ้าน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่ “เฟก” ทั้งสิ้น

กรณีมูลเหตุในการปล้นนายประสิทธิชัยสารภาพชัดเจนว่า “เกิดจากปัญหาส่วนตัว ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทางด้านการเงิน มิได้เป็นไปตามข่าวแต่ประการใด”

กรณีภรรยาและพ่อตาพบพิรุธก็ไม่ใช่ เพราะเขาถูกจับจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่นเดียวกับเรื่องซ่อนทองซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า นายประสิทธิชัยเป็นคนเอาไปซ่อนเอง มิใช่ภรรยาเป็นคนเอาไปซ่อน

ขณะที่เรื่องพนักงานร้านทองเป็น “แฟนเก่า” ที่มโนกันอย่าเมามัน ผู้เป็นพ่อของเธอก็ยืนยันชัดเจนว่า “มั่ว”





นายประสิทธิชัยมีรสนิยมใช้ของราคาแพงและมักเดินทางไปรับประทานอาหาร หรือท่องเที่ยวอยู่เสมอๆ
นอกจากนี้ ยังมีการแชร์กันในโซเชียลอีกต่างหากว่า เหตุที่สามารถจับกุมนายประสิทธิชัยได้ก็เพราะ “สืบจาก DNA เหงื่อ” โดยตำรวจเก็บเหงื่อของคนร้ายจากประตูกระจกของห้าง และนำไปตรวจ DNA มัดตัวคนร้ายจนดิ้นไม่หลุด ซึ่งในประเด็นนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. ตอบชัดเจนแล้วว่า “ไม่เป็นความจริง” แต่สืบทราบจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ “ที่เก็บเสียงปืน” ที่มีตราสัญลักษณ์เฉพาะ รวมทั้งจับตาดูพฤติกรรมและเก็บพยานหลักฐานแวดล้อมต่างๆ กระทั่งสาวตัวถึงตัวผู้ก่อเหตุ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ รวมทั้งพยานวัตถุชิ้นสำคัญนำสู่การจับกุมคนร้ายในครั้งนี้

ส่วนการตรวจสอบ DNA เจ้าหน้าที่ทำการเก็บตัวอย่างจากหมวกไหมพรมของคนร้ายที่พบทิ้งไว้ข้างถนน หลังจากขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไปได้ไม่ไกล ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมไว้เทียบ DNA กับผู้ต้องหา ทว่า สุดท้ายแล้วไม่มีการตรวจเทียบ เพราะหลังจับกุม ครูกอล์ฟ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

เปิดเบื้องหลังล่าตัว ผอ.โจร
กล่าวสำหรับเหตุการณ์ปล้นร้านทองใน จ.ลพบุรี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพวิดีโอ1.37 นาทีมรณะ จับภาพคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่ง เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวลายพราง สวมรองเท้าผ้าใบ สวมถุงมือสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์ มีเป้สะพายสำหรับชิงทอง ใช้อาวุธปืนสั้นเก็บเสียง รวมทั้ง ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

เป็นคลิปนาทีมรณะบีบหัวใจ คนร้ายยิงกรุยทาง 13 นัด นำมาซึ่งความสูญเสียใหญ่หลวง มีผู้ชีวิต 3 ศพ คือ พนักงานสาวร้านทอง, หนุ่ม รปภ.ห้าง และเด็กชาย 2 ขวบ ทั้งยังมีบาดเจ็บสาหัสอีก 6 ราย

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ชิงพื้นที่ในทุกฟีดกลายเป็นข่าวที่สังคมไทยให้ความสนใจสูงสุด แชร์กระหน่ำในเฟซบุ๊ก ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ ยึดครองหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ นักสืบโซเชียลพากันสันนิษฐานไปต่างๆ นานาอย่างอึกทึก ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรวบรวมที่ข้อมูลอย่างเงียบงัน ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนถึงวัตถุพยานสำคัญสำคัญต่อรูปคดีทำให้สังคมเกิดคำถามตั้งแต่วันแรกว่าจะจับกุมผู้ต้องหาได้หรือไม่? พร้อมตั้งคำถามว่าคดีนี้จะมีการจับแพะหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม แนวทางการสืบสวนของตำรวจเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนร้ายปกปิดร่างกายปิดบังอวัยวะทุกส่วน ไม่แม้แต่จะปริปากพูดข่มขู่ เร่งลงมือปล้นชิงทอง เปิดฉากยิงกระหน่ำก่อนหลบหนี้ ต่างจากเหตุปล้นทรัพย์ชิงทองทั่วไป คนร้ายมักจะตะโกนสั่งให้รู้ว่าจะลงมือก่อเหตุ ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูล จากพยานว่าน้ำเสียงเป็นแบบใดเป็นคนไทยท้องถิ่นจากภูมิภาคไหน หรือเป็นต่างชาติ

สำหรับเบื้องหลังการจับกุมครั้งนี้ มีรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักษ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกองปราบฯ ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนแกะรอยผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีของกองปราบฯได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่าคนร้ายที่น่าจะก่อเหตุดังกล่าวน่าจะเป็นนายประสิทธิชัยจึงได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบพร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐาน

หลังใช้เวลาสืบสวนประมาณ 7 วัน ก็พบว่ามีหลักฐานหลายอย่างโดยเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเกี่ยวพันกับ นายประสิทธิชัย พร้อมกับหลักฐานอื่นๆ เชื่อมโยงว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว จึงได้ประสานให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาลอาญา กระทั่งศาลออกหมายจับให้เมื่อค่ำวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อทราบตัวผู้ก่อเหตุแน่ชัดประกอบกับศาลออกหมายจับแล้ว พล.ต.ต.จิรภพ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิจักษ์ นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สนับสนุน บก.ป. หรือ ชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน” กองปราบฯ ตามแกะรอยจนทราบที่กบดานของผู้ต้องหารายนี้จนทราบว่ามีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และจะมีการขับรถเดินทางไปทำการสอนหนังสือที่โรงเรียนโพธิ์ชัยสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี ในช่วงเช้าของวันที่ 22 มกราคม เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สนับสนุน บก.ป. จึงจัดกำลังพร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเห็นนายประสิทธิชัย กำลังขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่นซีรีย์ 5 สีดำ หมายเลขทะเบียน 7 กณ 493 กทม. จึงได้ขับรถสะกดรอยติดตามนายประสิทธิชัย ไปจนถึงบริเวณทางหลวงสาย 311 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จึงแสดงตัวพร้อมอาวุธหนักครบมือบุกจู่โจมชาร์จจับกุม โดยระระหว่างที่เข้าจับกุมนั้นนายประสิทธิชัย ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือต่อสู้เจ้าหน้าที่เพราะตั้งตัวไม่ติด

ถอดรหัสโฟนอิน “ประสิทธิชัย”
อ้าง “ยิงเพื่อเปิดทาง” แย้งภาพจ่อยิง-ใช้ท่อเก็บเสียง
อย่างไรก็ดี หลังการจับกุม ผอ.กอล์ฟได้เปิดปากตอบคำถามผ่านโฟนอิน พบว่า มีคำให้การหลายข้อที่ฟังกันแล้วยัง “คาใจ”

ประเด็นแรก เหยื่อผู้หญิงพนักงานร้านทองที่ถูกยิงซ้ำ นายประสิทธิชัย อ้างว่า “หันปลายกระบอกปืนไปทางนั้นพอดี และถุงมือที่ใส่อยู่ไปขัดไกปืน พยายามดึงออกแต่กลายเป็นลั่นไป 2 นัด”



ขณะนำตัวไปตรวจหาวัตถุพยานในคดี
 แต่เมื่อไปคุยกับผู้ที่ใช้อาวุธปืนเป็นประจำ ได้ข้อมูลน่าสนใจว่า ถ้าถุงมือไปติดในโกร่งไกปืนจริง และไม่มีเจตนาจะยิงจริง วิธีการที่จะดึงนิ้วออก น่าจะใช้ “มืออีกข้าง” ไปจับกระบอกปืนก่อน แล้วจึงดึงมือที่ติดอยู่ออก ทั้งที่ในช่วงนั้นยังไม่ได้ใช้มือหยิบทองในตู้ ง่ายกว่านั้น คือ ยังไม่ต้องดึงออก และไม่ต้องเหนี่ยวไก ส่วนสมมติว่าถ้าจะปืนลั่นจริง ก็ “ควรจะ” ลั่นแค่นัดเดียว เป็นไปได้ยากมากที่จะลั่นถึง 2 นัด

ประเด็นที่สอง “การยิงเปิดทาง” นายประสิทธิชัย อ้างว่า “การยิงตั้งแต่นัดแรก มีเจตนาเพื่อเปิดทางหรือยิงให้กลัว แต่กระสุนที่ยิงกระจกไปถูกพนักงานร้านทอง จากนั้นจึงควบคุมสติไม่ได้ อารมณ์หลุด” ทำให้สถานการณ์บานปลาย

คำถามก็คือ ถ้าต้องการยิงเพื่อเปิดทางจริง ทำไมจึงใช้ “ปืนติดท่อเก็บเสียง” เพราะถ้าใช้ปืนเพื่อยิงเปิดทางหรือยิงให้กลัว ก็ควรจะใช้ “ปืนที่มีเสียงดัง” เพราะเสียงปืนมีอานุภาพที่จะข่มขวัญคนทั่วไปให้กลัวได้อยู่แล้ว ที่สำคัญ มีกระสุนอย่างน้อย 2 นัด ที่นายประสิทธิชัย เดินเข้าไป “จ่อยิง” ประชาชนที่ยืนอยู่ 3 คน ที่มาดูทองอยู่ที่หน้าตู้กระจกก่อนจะปีนตู้

ประเด็นที่สาม ความพยายามทำลายหลักฐานที่ใช้ในวันก่อเหตุ จากข้อมูลที่ตำรวจนำมาแสดงในการแถลงข่าว จะเห็นว่า หลักฐานทุกชิ้นถูกทำลายอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่เครื่องแต่งกายที่เขาใส่ก่อเหตุ เสื้อแขนยาวสีดำ ถุงมือ และกางเกงลายพราง ถูกทิ้งแยกเป็น 3 จุด ได้แก่ ระหว่างทางจากจุดเกิดเหตุที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ลพบุรี กับบ้านของผู้ต้องหา ส่วนรองเท้าและกระเป๋า ถูกนำไปเผาทิ้งข้างห้องน้ำในโรงเรียนที่เขาเป็นผู้บริหารใน จ.สิงห์บุรี

ท่อเก็บเสียง ที่ยังหาไม่พบ ผู้ต้องหาอ้างว่า นำไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานบางระจัน ถนนเข้าเมืองสิงห์บุรี อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ส่วนปืนพบที่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี และทองคำ 31 เส้น พบที่บ้านของบิดานายประสิทธิชัย ใส่ไว้ในถุงเท้าก่อนจะยัดเข้าไปในช่องโครงเหล็กในโรงรถ

แต่ก็น่าสนใจมากตรงที่หลักฐานชิ้นสำคัญที่สุด 2 ชิ้น กลับไม่ถูกทำลาย คือ “ปืน CZ SP01” ที่ใช้ก่อเหตุนำกลับไปไว้ที่บ้านบิดาของเขาเอง และพาหนะที่ใช้หลบหนี คือ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง ปี 2018 ของพ่อตา ถูกนำกลับไปคืน ทั้งที่มีตำหนิใหญ่มาก ตรงสติ๊กเกอร์ที่บังโคลนหน้า ล้อแม็กลาย 5 ก้านสีดำ ต้องหาสาเหตุที่หลักฐาน 2 ชิ้นนี้ไม่ถูกทำลาย

แต่ถ้าวิเคราะห์เบื้องต้น ก็อาจเป็นเพียงการทำให้ไม่มีพิรุธกับคนในครอบครัว เพราะทั้ง 2 ชิ้น “ไม่ใช่ทรัพย์สิน” ของนายประสิทธิชัย จึงต้องนำไปคืนเจ้าของ

พฤติกรรมนี้น่าสนใจ เพราะนายประสิทธิชัย อ้างว่า หลังก่อเหตุไม่ได้คิดหลบหนี พยายามทำตัวให้เป็นปกติ และยังอ้างว่า ที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้ามอบตัว แม้จะสำนึกเสียใจ เพราะมีแผนจะเข้ามอบตัวหลังวันที่ 24 ม.ค. โดยอ้างว่ามีภารกิจที่จะต้องทำที่โรงเรียนให้กับนักเรียนก่อน

แต่ถ้าดูจากความพยายามที่จะทำลายหลักฐานต่างๆ แล้ว ช่าง “สวนทาง” กับคำให้การอย่างสิ้นเชิง

คำให้การของ “ประสิทธิชัย” ดูแล้วมีเป้าหมายชัดเจนว่า “เตรียมคำตอบมาเป็นอย่างดี” ก่อนจะโฟนอินให้สื่อมวลชนถาม

และยิ่งชัดว่า เขาพยายามทำให้คดีร้ายแรง ที่มีข้อหาเจตนาฆ่า หรือฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กลายเป็น “ควบคุมอารมณ์ไม่ได้” ไม่มีเจตนาฆ่ามาก่อน รวมทั้งข้ออ้างว่า “ปืนลั่น” จากถุงมือที่ติดในโกร่งไก แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียง “คำให้การของผู้ต้องหา” ที่ยังมีข้อโต้แย้งมากมาย

อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว เส้นทางชีวิตของผู้อำนวยการโจรคนนี้จะได้รับโทษทัณฑ์เช่นไร เพราะกระบวนการยุติธรรมเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และเมื่อดูจากสิ่งที่เขาก่อคดีและคำให้สัมภาษณ์ต่างๆ แล้ว บอกได้เลยว่า “ไม่ธรรมดา”


กำลังโหลดความคิดเห็น