เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งระบาดจากเมืองอู่ฮั่น ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวโลกหลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า เชื้อโรคร้ายนี้มีศักยภาพสามารถติดต่อจากคนสู่คน และได้ค้นพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นในจีนและเมืองอื่นๆ เช่น ปักกิ่ง และมาเก๊า
ในเกาหลีใต้และไทยก็มีการค้นพบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน และยังมี 2-3 รายในสหรัฐอเมริกาหลังจากเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ดังนั้นจึงมีคำแนะนำง่ายๆ “อย่าเดินทางไปอู่ฮั่น และอย่าเดินทางออกจากอู่ฮั่น” แต่ความเป็นจริงคงไม่เป็นเช่นนั้น
เทศกาลตรุษจีนที่กำลังมาถึงทำให้คนจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางในประเทศ และหลายสิบล้านคนจะเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ และเป้าหมายยอดนิยมคือญี่ปุ่น และประเทศไทย มาตรการต่างๆ จึงต้องพร้อมกว่าที่เป็นอยู่
ทางการจีนรวมทั้งองค์การอนามัยโลก ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมการระบาดให้ได้ และหาทางทำให้ผู้ติดเชื้อไม่อยู่ในอาการร้ายแรงจนเสียชีวิต
มาดูแหล่งต้นกำเนิดการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสตัวใหม่ที่ว่านี้ จากเมืองอู่ฮั่น ว่าเป็นอย่างไร ทำไมจึงเหมาะสำหรับการแพร่กระจายของเชื้อโรคร้ายนี้
อู่ฮั่นไม่ได้เป็นเมืองขนาดใหญ่ มีความสำคัญเหมือนมหานครปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ก็จริง แต่ก็มีจุดเด่นหลายประการ เป็นทั้งแหล่งการลงทุน และเมืองท่องเที่ยว
อู่ฮั่นเป็นมหานครขนาดใหญ่ มีเครือข่ายเชื่อมโยงติดต่อกับส่วนอื่นๆ ของโลก จากข้อมูลของสหประชาชาติ อู่ฮั่นมีประชากร 8.1 ล้านคน อาศัยอยู่ในส่วนกลางของเมืองจากการสำรวจในปี 2018 มีขนาดเล็กกว่ามหานครลอนดอน แต่ใหญ่กว่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
การพัฒนาตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้อู่ฮั่นทันสมัยไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในจีน
อู่ฮั่นเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 42 ของโลก แต่ใหญ่อันดับ 7 ในจีน แต่ด้วยเหตุผลที่เป็นเมืองสำคัญด้านเศรษฐกิจนี่เอง ทำให้การแพร่กระจายของเชื้อโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วในเอเชีย และไปถึงสหรัฐฯ ได้โดยง่าย เพราะมีคนไปเยือนอู่ฮั่นมากนั่นเอง
เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปอู่ฮั่นแล้ว ก็ทำตัวเป็นพาหะ นำโรคร้ายกลับบ้านด้วย!
ถ้ายังไม่ลืม อู่ฮั่นเป็นเมืองเจ้าภาพสำหรับการจัดการแข่งขันชิงแขมป์โลกบาสเกตบอลในปี 2019 รวมทั้งการดวลกันระหว่างทีมอาร์เจนตินาและไนจีเรีย
อู่ฮั่นมีสนามบินนานาชาติ รองรับผู้โดยสาร 20 ล้านคนในปี 2016 มีเที่ยวบินตรงไปลอนดอน ปารีส ดูไบ และเมืองหลักอื่นๆ ทั่วโลก เมืองอู่ฮั่นตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแยงซี เป็นฐานสำคัญสำหรับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมไฮเทคและสินค้าอุตสาหกรรมทั่วไป
อู่ฮั่นมีเขตอุตสาหกรรมหลายแห่ง มีสถาบันการศึกษาระดับสูงซึ่งมีนักศึกษามากกว่า 7 แสนคน และว่ากันว่ามีจำนวนนักศึกษาในระดับต่ำกว่าปริญญาตรีมากที่สุดในประเทศ มี 230 บริษัทซึ่งอยู่รวมใน 500 บริษัทขนาดใหญ่ของโลกลงทุนในอู่ฮั่น
มีการลงทุนจำนวนมากจากฝรั่งเศสซึ่งมีสัมปทานการลงทุนในฮั่นโค้วในช่วงปี 1886-1943 มีบริษัทฝรั่งเศสมากกว่า 100 รายลงทุนในอู่ฮั่น รวมทั้งกลุ่มเปอโยต์-ซีตรอง ซึ่งมีหุ้นส่วนชาวจีนร่วมลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ที่นั่นด้วย
อู่ฮั่นยังเป็นเมืองหน้าด่าน เป็นประตูผ่านเข้าสู่สถานที่ตั้งเขื่อน 3 โตรก ซึ่งเป็นเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ การสร้างเขื่อน 3 โตรกใช้เวลานานหลายปี ต้องอพยพประชากรจำนวนมหาศาลออกจากพื้นที่
เป็นจุดรวมของมวลน้ำขนาดใหญ่ในอ่างเก็บน้ำของเขื่อน
เมื่อตลาดขายอาหารทะเลเป็นแหล่งของเชื้อโรคร้ายนี้ คนเดินทางเข้าออกเมืองอู่ฮั่นจึงเป็นตัวพาหะแพร่เชื้อชั้นดี ผู้ป่วยรายหนึ่งในสหรัฐฯ ก็ได้เยือนอู่ฮั่นไม่นานมานี้ และก็เป็นเหมือนกับผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นอีก 2 ราย ผู้ป่วยที่เป็นชาวเกาหลีก็อาศัยอยู่ที่เมืองนั้น
ผู้ป่วยชาวจีนที่พบในประเทศไทย ก็เดินทางออกจากอู่ฮั่นเช่นกัน!
ยิ่งช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีคนจำนวนมากเดินทางออกจากอู่ฮั่น และมีคนจากเมืองอื่นๆ เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่อู่ฮั่นเช่นกัน ดังนั้นคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ จึงได้แนะนำให้นักท่องเที่ยวเลี่ยงการไปเยือนอู่ฮั่น และคนอู่ฮั่นไม่ควรออกนอกพื้นที่
แต่การที่อู่ฮั่นเป็นเมืองที่มีความเชื่อมโยงกับเมืองอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะควบคุมการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสตัวใหม่นี้ จึงเป็นปัญหาน่าหนักใจของรัฐบาลจีนและหลายประเทศซึ่งเกรงว่าอัตราการแพร่กระจาย การติดเชื้อจะเร็วจนควบคุมไม่อยู่
เชื้อตัวใหม่นี้ถือว่าเป็นตัวที่ 7 ของโคโรนาไวรัส ซึ่งทำให้มีอาการปอดบวมและโรคเกี่ยวกับปอดอื่นๆ คนทั่วโลกยังจำเชื้อโรคซาร์ส ซึ่งเป็นไวรัสประเภทเดียวกัน เมื่อเริ่มต้นระบาดในจีน ในปี 2002 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 774 รายจากจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 8,098 ราย
แม้จะสร้างความกังวล วงการแพทย์ทั่วโลกยืนยันว่าในยุคนี้มีความพร้อมมากกว่าหลังจากการระบาดของโรคซาร์ส เพราะอาการอาจมีเพียงเป็นไข้ และถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหากมีอาการติดเชื้อรุนแรงและผู้ป่วยอยู่ในสภาวะร่างกายอ่อนแอมีโรคแทรก
ดังนั้น วงการแพทย์ย่อมไม่มีทางเลือก นอกจากหาวิธีรักษาและพยายามสกัดกั้นการระบาดให้เร็วที่สุด ลดจำนวนคนติดเชื้อ และให้มีคนเสียชีวิตน้อยที่สุด
จากนั้นต้องเร่งคิดค้นวัคซีนสำหรับไวรัสตัวนี้ และเตรียมพร้อม ถ้ามีการกลายพันธุ์ต่อไป