ผู้จัดการรายวัน360- เลขาสภาฯ รับมีคนเสียบบัตรแทน"ฉลอง"จริง แต่ดมมือคนทำไม่ได้ เหตุกล้องวงจรปิดจับภาพไม่ชัด ชี้ช่องสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 10 ยื่นศาลรธน. ตีความได้ "ชวน"ระบุไม่น่าเป็นเหตุให้ พ.ร.บ.งบฯ 63 เป็นโมฆะ แนะห่วงความชอบธรรม มากกว่าภาพลักษณ์ ด้าน"นิพิฏฐ์" แฉอีก ภาพ"นาที"อยู่จีน ในวันโหวตวาระ 3 ร่าง งบประมาณ 63 ท้าภูมิใจไทยพิสูจน์ข้อมูล “อนุทิน” ลั่นผิดจริงพร้อมหวดไม่เลี้ยง เหน็บ “นิพิฎฐ์” ควรอยู่แพ้รู้ชนะ อย่านำเรื่องส่วนตัวทำบ้านเมืองเสียหาย
วานนี้ (21ม.ค.) นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ผลการตรวจสอบของ คณะกรรมการกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย มีชื่อลงมติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 แต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาฯ ตามที่ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา ว่า
1. ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักชวเลขมาตรวจสอบ พบว่าใน มาตรา 31-55 และข้อสังเกต มีชื่อนายฉลอง ร่วมลงมติจริง
2.ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการเก็บรักษาบัตรลงคะแนนในห้องประชุมมาให้ข้อมูล ปรากฏว่า บัตรนายฉลอง เบิกไปใช้จริง และลงมติในวันที่ 8-11ม.ค. โดยไม่ได้มีการส่งบัตรคืนเจ้าหน้าที่ และพบอีกครั้งว่า บัตรเสียบค้างไว้ที่เครื่องลงคะแนน ในวันที่ 11 ม.ค.
3.ได้เรียกฝ่ายเทคนิคมาช่วยตรวจสอบช่องเสียบบัตรลงคะแนน แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เสียบบัตรในตำแหน่งใด อีกทั้งกล้องของฝ่ายเทคนิคไม่ได้จับภาพบุคคล
ทั้งนี้ คณะกรรมการจึงมีความเห็นว่า ข้อกล่าวหาเป็นจริง ทำให้ผลการลงมติ ตั้งแต่ มาตรา 31-55 และข้อสังเกต ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้นกระบวนการที่จะทำให้ถูกต้อง คือต้องทำตาม รธน. มาตรา 139 ที่ให้สมาชิกของรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 75 คน เสนอประธานสภาฯ ให้ส่งเรื่องต่อศาลรธน. เพื่อวินิจฉัยว่า เป็นร่างกฎหมายที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
"ข้อสังเกตของคณะกรรมการเห็นว่ากรณีนี้ ไม่ทำให้ร่างกฎหมายต้องตกไป เพราะเป็นเพียงแค่เสียงเดียว แต่คณะกรรมการฯ ก็เคารพการตัดสินของศาลรธน. เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ ทั้งนี้ได้แจ้งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทราบแล้ว เรื่องนี้ต้องนำไปหารือในที่ประชุมสภาฯ ในวันนี้ (22ม.ค.) ซึ่งต้องรอดูว่า ที่ประชุมจะเห็นเป็นอย่างไร อาจเห็นไม่ตรงกับทีมฎหมาย ก็ได้" เลขาธิการสภาฯ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการเสียบบัตรและกดลงมติแทนนายฉลอง จริงใช่หรือไม่ นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่า เป็นบุคคลใดที่นำบัตรไปเสียบไว้ในช่องไหน เพราะที่นั่งมีเป็นจำนวนมาก และจากที่ดูกล้องวงจรปิด ก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดว่า ใครเป็นคนกดบัตรแทน เพราะกล้องจะไม่จับจ้องที่สมาชิกทุกคน
"ชวน"ชี้พ.ร.บ.งบฯไม่น่าโมฆะ
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า การเสียบบัตรแทนกันครั้งนี้ จะมีผลให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯไปแล้ว ต้องเป็นโมฆะ หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน สภาฯ ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน แต่โดยหลักแล้วบัตรของใคร ถือว่าเป็นของคนนั้น เป็นผู้ทำหน้าที่ แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นไปได้ที่มีคนแอบฝากกัน แต่ไม่สามารถเป็นเหตุที่จะอ้างได้
"อย่าไปห่วงภาพลักษณ์ ให้ห่วงความชอบธรรมความถูกต้องดีกว่า เมื่อสภาฯเป็นสถาบันหลัก ต้องสร้างมาตรฐาน ไม่ใช่ไปปกปิดความจริงกัน ต้องให้โอกาสความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"
ก่อนหน้านี้เคยสั่งให้ตรวจสอบกรณี นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในกรณีลักษณะเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้ว ไม่สามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนกดบัตรให้ อย่างไรก็ดี ถ้าไม่สมคบกันคงไม่มีใครที่อยู่ดีๆ จะไปกดบัตรแทนคนอื่นได้
นิพิฏฐ์"แฉภาพ"นาที"อยู่จีนวันโหวตวาระ 3
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคปชป. โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวใจความว่า คุณศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย พูดว่า ผมเหมือนสุนัขพันธุ์บูลด็อก ที่กัดไม่ปล่อย ผมว่าท่านไม่สุภาพ พูดไม่ให้เกียรติกัน แต่ไม่เป็นไรสันดานของท่านอาจเป็นคนอย่างนั้น ผมเพียงทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เอาเถอะไหนๆ ท่านก็ว่าผมกัดไม่ปล่อยแล้ว ผมก็จะขอให้ท่านศุภชัย ใจสมุทร ช่วยตรวจสอบการกดบัตรของ ส.ส.ให้ผมอีกสักราย ดูซิว่าข้อมูลในมือของผม กับข้อมูลในมือของท่าน จะตรงกันไหม
"วันที่ 11 ม.ค.63 ขณะที่มีการประชุมงบประมาณ ผมได้ข่าวว่านางนาที รัชกิจประการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เดินทางไปประเทศจีน ลองตรวจดูหน่อยสิครับว่า หลังจาก check in(เช็กอิน) ที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว บัตรของ คุณนาที รัชกิจประการ ยังมีการกดโหวตอยู่ที่สภาฯหรือเปล่า อย่าว่าใครผิดใครถูกเลย ถือว่างานนี้ ผมท้าให้ท่านเปิดเผยข้อมูลก็แล้วกันครับ แล้วมาดูกันว่า ข้อมูลในมือของท่านกับข้อมูลในมือของผม ตรงกันหรือเปล่า"
“อนุทิน” ลั่นผิดจริงพร้อมหวดไม่เลี้ยง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ได้เซ็นหนังสือตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรม นายฉลอง มีชื่อลงมติร่างพ.ร.บ. งบประมาณแต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ระหว่างโหวต ซึ่งต้องรอผลการสอบก่อน ขอย้ำว่ากฎระเบียบของพรรค ชัดเจนว่าหาก ส.ส. คนใดทำผิดกฎระเบียบของพรรค ก็จะมีมาตรการลงโทษอย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นทราบว่านายฉลองลืมบัตรไว้ที่สภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนลืมไว้ และในวันดังกล่าวนายฉลอง มีภารกิจต้องลงพื้นที่ เนื่องจากมีการนัดหมายนานแล้ว และนึกไม่ถึงว่าการพิจารณางบจะยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้าในวันที่ 22 ม.ค. ที่จะมีการประชุมพรรค หากเจอตัว ตนจะต้องตำหนิอย่างรุนแรง ต้องมีหวดกันบ้าง เพราะถือว่าการประชุมสภาฯ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องขออภัยด้วย
ส่วนกรณี นางนาที รัชกิจปราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่มีรูปปรากฏตัวอยู่ที่ประเทศจีน แต่กลับมีชื่อเป็นองค์ประชุมในการโหวตนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่การที่นางนาทีเดินทางไปครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามีการแจ้งให้ทราบ ต้องกลับไปดูอีกครั้ง ทั้งนี้ เวลาประชุมพรรคก็บอกตลอดว่าต้องใส่ใจ ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญก็ต้องอยู่ประชุม
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นายนิพิฏฐ์ แพ้ให้กับนายฉลอง แล้วออกมาแฉในเรื่องนี้ จะทำให้กระทบความสัมพันธ์หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ความจริง ทุกคนควรมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะก็ต้องไม่ประมาท ถ้าแพ้ก็ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่ใช้อารมณ์ส่วนตัว มาหาวิธีแก้มือกัน ซึ่งคิดว่าคงจะไม่กระทบ เพราะทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
"อยากให้ยึดถือผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ถ้าผิดก็ว่าตามผิด พูดได้คำเดียวถ้าเขาผิดผมก็ไม่เลี้ยง" นายอนุทิน กล่าว
วานนี้ (21ม.ค.) นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ผลการตรวจสอบของ คณะกรรมการกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย มีชื่อลงมติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 แต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาฯ ตามที่ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา ว่า
1. ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักชวเลขมาตรวจสอบ พบว่าใน มาตรา 31-55 และข้อสังเกต มีชื่อนายฉลอง ร่วมลงมติจริง
2.ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการเก็บรักษาบัตรลงคะแนนในห้องประชุมมาให้ข้อมูล ปรากฏว่า บัตรนายฉลอง เบิกไปใช้จริง และลงมติในวันที่ 8-11ม.ค. โดยไม่ได้มีการส่งบัตรคืนเจ้าหน้าที่ และพบอีกครั้งว่า บัตรเสียบค้างไว้ที่เครื่องลงคะแนน ในวันที่ 11 ม.ค.
3.ได้เรียกฝ่ายเทคนิคมาช่วยตรวจสอบช่องเสียบบัตรลงคะแนน แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เสียบบัตรในตำแหน่งใด อีกทั้งกล้องของฝ่ายเทคนิคไม่ได้จับภาพบุคคล
ทั้งนี้ คณะกรรมการจึงมีความเห็นว่า ข้อกล่าวหาเป็นจริง ทำให้ผลการลงมติ ตั้งแต่ มาตรา 31-55 และข้อสังเกต ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้นกระบวนการที่จะทำให้ถูกต้อง คือต้องทำตาม รธน. มาตรา 139 ที่ให้สมาชิกของรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 75 คน เสนอประธานสภาฯ ให้ส่งเรื่องต่อศาลรธน. เพื่อวินิจฉัยว่า เป็นร่างกฎหมายที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
"ข้อสังเกตของคณะกรรมการเห็นว่ากรณีนี้ ไม่ทำให้ร่างกฎหมายต้องตกไป เพราะเป็นเพียงแค่เสียงเดียว แต่คณะกรรมการฯ ก็เคารพการตัดสินของศาลรธน. เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ ทั้งนี้ได้แจ้งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทราบแล้ว เรื่องนี้ต้องนำไปหารือในที่ประชุมสภาฯ ในวันนี้ (22ม.ค.) ซึ่งต้องรอดูว่า ที่ประชุมจะเห็นเป็นอย่างไร อาจเห็นไม่ตรงกับทีมฎหมาย ก็ได้" เลขาธิการสภาฯ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการเสียบบัตรและกดลงมติแทนนายฉลอง จริงใช่หรือไม่ นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่า เป็นบุคคลใดที่นำบัตรไปเสียบไว้ในช่องไหน เพราะที่นั่งมีเป็นจำนวนมาก และจากที่ดูกล้องวงจรปิด ก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดว่า ใครเป็นคนกดบัตรแทน เพราะกล้องจะไม่จับจ้องที่สมาชิกทุกคน
"ชวน"ชี้พ.ร.บ.งบฯไม่น่าโมฆะ
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า การเสียบบัตรแทนกันครั้งนี้ จะมีผลให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯไปแล้ว ต้องเป็นโมฆะ หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน สภาฯ ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน แต่โดยหลักแล้วบัตรของใคร ถือว่าเป็นของคนนั้น เป็นผู้ทำหน้าที่ แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นไปได้ที่มีคนแอบฝากกัน แต่ไม่สามารถเป็นเหตุที่จะอ้างได้
"อย่าไปห่วงภาพลักษณ์ ให้ห่วงความชอบธรรมความถูกต้องดีกว่า เมื่อสภาฯเป็นสถาบันหลัก ต้องสร้างมาตรฐาน ไม่ใช่ไปปกปิดความจริงกัน ต้องให้โอกาสความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"
ก่อนหน้านี้เคยสั่งให้ตรวจสอบกรณี นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในกรณีลักษณะเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้ว ไม่สามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนกดบัตรให้ อย่างไรก็ดี ถ้าไม่สมคบกันคงไม่มีใครที่อยู่ดีๆ จะไปกดบัตรแทนคนอื่นได้
นิพิฏฐ์"แฉภาพ"นาที"อยู่จีนวันโหวตวาระ 3
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคปชป. โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวใจความว่า คุณศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย พูดว่า ผมเหมือนสุนัขพันธุ์บูลด็อก ที่กัดไม่ปล่อย ผมว่าท่านไม่สุภาพ พูดไม่ให้เกียรติกัน แต่ไม่เป็นไรสันดานของท่านอาจเป็นคนอย่างนั้น ผมเพียงทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เอาเถอะไหนๆ ท่านก็ว่าผมกัดไม่ปล่อยแล้ว ผมก็จะขอให้ท่านศุภชัย ใจสมุทร ช่วยตรวจสอบการกดบัตรของ ส.ส.ให้ผมอีกสักราย ดูซิว่าข้อมูลในมือของผม กับข้อมูลในมือของท่าน จะตรงกันไหม
"วันที่ 11 ม.ค.63 ขณะที่มีการประชุมงบประมาณ ผมได้ข่าวว่านางนาที รัชกิจประการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เดินทางไปประเทศจีน ลองตรวจดูหน่อยสิครับว่า หลังจาก check in(เช็กอิน) ที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว บัตรของ คุณนาที รัชกิจประการ ยังมีการกดโหวตอยู่ที่สภาฯหรือเปล่า อย่าว่าใครผิดใครถูกเลย ถือว่างานนี้ ผมท้าให้ท่านเปิดเผยข้อมูลก็แล้วกันครับ แล้วมาดูกันว่า ข้อมูลในมือของท่านกับข้อมูลในมือของผม ตรงกันหรือเปล่า"
“อนุทิน” ลั่นผิดจริงพร้อมหวดไม่เลี้ยง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ได้เซ็นหนังสือตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรม นายฉลอง มีชื่อลงมติร่างพ.ร.บ. งบประมาณแต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ระหว่างโหวต ซึ่งต้องรอผลการสอบก่อน ขอย้ำว่ากฎระเบียบของพรรค ชัดเจนว่าหาก ส.ส. คนใดทำผิดกฎระเบียบของพรรค ก็จะมีมาตรการลงโทษอย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นทราบว่านายฉลองลืมบัตรไว้ที่สภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนลืมไว้ และในวันดังกล่าวนายฉลอง มีภารกิจต้องลงพื้นที่ เนื่องจากมีการนัดหมายนานแล้ว และนึกไม่ถึงว่าการพิจารณางบจะยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้าในวันที่ 22 ม.ค. ที่จะมีการประชุมพรรค หากเจอตัว ตนจะต้องตำหนิอย่างรุนแรง ต้องมีหวดกันบ้าง เพราะถือว่าการประชุมสภาฯ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องขออภัยด้วย
ส่วนกรณี นางนาที รัชกิจปราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่มีรูปปรากฏตัวอยู่ที่ประเทศจีน แต่กลับมีชื่อเป็นองค์ประชุมในการโหวตนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่การที่นางนาทีเดินทางไปครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามีการแจ้งให้ทราบ ต้องกลับไปดูอีกครั้ง ทั้งนี้ เวลาประชุมพรรคก็บอกตลอดว่าต้องใส่ใจ ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญก็ต้องอยู่ประชุม
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นายนิพิฏฐ์ แพ้ให้กับนายฉลอง แล้วออกมาแฉในเรื่องนี้ จะทำให้กระทบความสัมพันธ์หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ความจริง ทุกคนควรมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะก็ต้องไม่ประมาท ถ้าแพ้ก็ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่ใช้อารมณ์ส่วนตัว มาหาวิธีแก้มือกัน ซึ่งคิดว่าคงจะไม่กระทบ เพราะทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
"อยากให้ยึดถือผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ถ้าผิดก็ว่าตามผิด พูดได้คำเดียวถ้าเขาผิดผมก็ไม่เลี้ยง" นายอนุทิน กล่าว