เอเจนซีส์ - "ทรัมป์"ไม่แคร์อิหร่านจะขอเปิดเจรจากับวอชิงตันหรือไม่ แต่ห้ามเข่นฆ่าผู้ประท้วง ขณะที่ชาวอิหร่านทั่วประเทศยังจัดชุมนุมต่อเนื่อง เพิ่มแรงกดดันต่อคณะผู้นำสูงสุด ซึ่งปากแข็งอยู่นานหลายวันก่อนจะรับสารภาพว่ายิงเครื่องบินยูเครนตกโดยไม่ตั้งใจ ส่วนท่าทีของอิหร่านล่าสุด ต้องการผ่อนคลายความตึงเครียด พร้อมปัดยิงผู้ประท้วง
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตเตือนอิหร่าน ไม่ให้ปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในเดือนพ.ย.2562 จากการชุมนุมประท้วงการขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่งถือเป็นการปราบปรามครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 1979 โดยในครั้งนี้ มีการระบุว่ามีประชาชนถูกฆ่าตายราว 1,500 คนในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ทว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุตัวเลขเพียงหลักร้อย และรัฐบาลอิหร่านประณามว่า เป็นข่าวปลอม
จากนั้น ทรัมป์ ทวีตข้อความอีกครั้งว่า "อันที่จริงผมไม่ได้แคร์เลยสักนิดว่าพวกเขาจะยอมเจรจาหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่ห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์ และห้ามฆ่าผู้ประท้วง” หลังจากโรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติชี้ว่า การแซงก์ชันและการประท้วงทำให้เตหะรานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟื้นการเจรจากับวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ทรัมป์ยังยินดีฟื้นการเจรจากับอิหร่านโดยไม่มีเงื่อนไข
ขณะที่ทางการเตหะราน ได้แสดงท่าทีว่า ต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ส่งโดรนสังหารพลเอกกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาในแบกแดด จากที่ก่อนหน้านี้ ยืนกรานปฏิเสธการเจรจาจนกว่าวอชิงตันจะยกเลิกมาตรการแซงชัน
วันเดียวกันนี้ นายฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการหน่วยคุดส์คนใหม่ แถลงต่อรัฐสภาอิหร่านว่า ขีปนาวุธที่ยิงถล่มฐานทัพสองแห่งในอิรัก ไม่ได้มีเป้าหมายสังหารทหารอเมริกันแต่อย่างใด
สำหรับความคืบหน้าของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิต 176 คน หลังจากอิหร่านยิงเครื่องบินของยูเครเนียน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลนส์ (ยูไอเอ) ตกเมื่อวันพุธ เนื่องจากเข้าใจผิดว่า เป็นขีปนาวุธของศัตรู และก่อนหน้านี้ ได้ยืนกรานปฏิเสธมาหลายวัน แต่ในที่สุด ก็ยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ และยืนยันว่าไม่มีเจตนาปิดบังความผิด
ส่วนการชุมนุมที่มีนักศึกษาหลายร้อยคนเข้าร่วม ได้แปรสภาพจากการชุมนุมเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมยูไอเอ กลายเป็นการประท้วงเรียกร้องให้อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านลาออก รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการปิดบังความจริงเรื่องนี้
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบางฉบับวิจารณ์รัฐบาลอิหร่านกรณียิงเครื่องบินตกว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย บ้างเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาขอโทษและลาออก
ขณะที่สถานการณ์ในในเตหะรานยังตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง โดยมีการชุมนุมเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่สำนักข่าวกึ่งทางการ อิลนา รายงานว่า ช่วงคืนวันอาทิตย์ ตำรวจใช้กระบองและแก๊ซน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมในจัตุรัสอาซาดีกลางกรุงเตหะรานที่มีผู้ประท้วงถึง 3,000 คน และต่อมาในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ผู้บัญชาการตำรวจเตหะรานออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของสถานีทีวีของทางการอิหร่าน ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ยิงผู้ประท้วง และได้รับคำสั่งให้ใช้ความอดกลั้นในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตเตือนอิหร่าน ไม่ให้ปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในเดือนพ.ย.2562 จากการชุมนุมประท้วงการขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่งถือเป็นการปราบปรามครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 1979 โดยในครั้งนี้ มีการระบุว่ามีประชาชนถูกฆ่าตายราว 1,500 คนในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ทว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุตัวเลขเพียงหลักร้อย และรัฐบาลอิหร่านประณามว่า เป็นข่าวปลอม
จากนั้น ทรัมป์ ทวีตข้อความอีกครั้งว่า "อันที่จริงผมไม่ได้แคร์เลยสักนิดว่าพวกเขาจะยอมเจรจาหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่ห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์ และห้ามฆ่าผู้ประท้วง” หลังจากโรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติชี้ว่า การแซงก์ชันและการประท้วงทำให้เตหะรานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟื้นการเจรจากับวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ทรัมป์ยังยินดีฟื้นการเจรจากับอิหร่านโดยไม่มีเงื่อนไข
ขณะที่ทางการเตหะราน ได้แสดงท่าทีว่า ต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ส่งโดรนสังหารพลเอกกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาในแบกแดด จากที่ก่อนหน้านี้ ยืนกรานปฏิเสธการเจรจาจนกว่าวอชิงตันจะยกเลิกมาตรการแซงชัน
วันเดียวกันนี้ นายฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการหน่วยคุดส์คนใหม่ แถลงต่อรัฐสภาอิหร่านว่า ขีปนาวุธที่ยิงถล่มฐานทัพสองแห่งในอิรัก ไม่ได้มีเป้าหมายสังหารทหารอเมริกันแต่อย่างใด
สำหรับความคืบหน้าของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิต 176 คน หลังจากอิหร่านยิงเครื่องบินของยูเครเนียน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลนส์ (ยูไอเอ) ตกเมื่อวันพุธ เนื่องจากเข้าใจผิดว่า เป็นขีปนาวุธของศัตรู และก่อนหน้านี้ ได้ยืนกรานปฏิเสธมาหลายวัน แต่ในที่สุด ก็ยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ และยืนยันว่าไม่มีเจตนาปิดบังความผิด
ส่วนการชุมนุมที่มีนักศึกษาหลายร้อยคนเข้าร่วม ได้แปรสภาพจากการชุมนุมเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมยูไอเอ กลายเป็นการประท้วงเรียกร้องให้อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านลาออก รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการปิดบังความจริงเรื่องนี้
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบางฉบับวิจารณ์รัฐบาลอิหร่านกรณียิงเครื่องบินตกว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย บ้างเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาขอโทษและลาออก
ขณะที่สถานการณ์ในในเตหะรานยังตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง โดยมีการชุมนุมเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่สำนักข่าวกึ่งทางการ อิลนา รายงานว่า ช่วงคืนวันอาทิตย์ ตำรวจใช้กระบองและแก๊ซน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมในจัตุรัสอาซาดีกลางกรุงเตหะรานที่มีผู้ประท้วงถึง 3,000 คน และต่อมาในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ผู้บัญชาการตำรวจเตหะรานออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของสถานีทีวีของทางการอิหร่าน ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ยิงผู้ประท้วง และได้รับคำสั่งให้ใช้ความอดกลั้นในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม