รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (12 ม.ค.) ว่า “ไม่แคร์สักนิด” ว่าอิหร่านจะขอเปิดเจรจากับวอชิงตันหรือไม่ ขณะที่ชาวอิหร่านทั่วประเทศจัดชุมนุมประท้วงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เพิ่มแรงกดดันต่อคณะผู้นำสูงสุดซึ่งปากแข็งอยู่นานหลายวันก่อนจะรับสารภาพว่ายิงเครื่องบินยูเครนตกโดยไม่ตั้งใจ
คลิปวิดีโอซึ่งถูกแชร์ผ่านทวิตเตอร์เผยภาพผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านนอกมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเตหะรานร้องตะโกนว่า “พวกเขาโกหกเราว่าศัตรูคืออเมริกา แต่ศัตรูของเราอยู่ตรงนี้นี่เอง”
ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งเดินเท้าไปที่จัตุรัสอาซาดี (สันติภาพ) ใจกลางกรุงเตหะราน และยังมีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นในอีกหลายเมือง
สื่อทางการอิหร่านบางสำนักรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาซึ่งออกมาชุมนุมต่อเนื่องตั้งแต่วันเสาร์ (11) หลังรัฐบาลอิหร่านยอมรับว่ากองทัพยิงเครื่องบินโดยสารยูเครนตกเมื่อวันพุธ (8) คร่าชีวิตคนบนเครื่องทั้งหมด 176 คน เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขีปนาวุธร่อนที่สหรัฐฯ ส่งมาแก้แค้น
ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุเมื่อวันเสาร์ (11) ว่ารู้สึก “มีแรงบันดาลใจ” เมื่อได้เห็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของผู้ประท้วงชาวอิหร่าน และได้ทวีตข้อความในวันอาทิตย์ (12) ว่า “ถึงพวกผู้นำอิหร่าน - จงอย่าเข่นฆ่าผู้ประท้วง มีคนเป็นพันๆ คนแล้วที่ถูกฆ่าหรือติดคุกด้วยฝีมือของพวกคุณ และโลกกำลังจับตาดูอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นสหรัฐฯ ก็กำลังจ้องมองอยู่ จงเปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและปล่อยให้สื่อมวลชนทำงานอย่างอิสระ!”
ทรัมป์ ยังประกาศว่าไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าอิหร่านจะยอมเจรจากับสหรัฐฯ หรือไม่ หลังจาก โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ในรายการ Fox News Sunday ว่านโยบายกดดันขั้นสูงสุดของ ทรัมป์ นั้นใช้ได้ผล และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมเจรจากับอเมริกา
ทรัมป์ ทวีตข้อความโดยอ้างถึงบทสัมภาษณ์ของ โอไบรอัน และเขียนว่า “อันที่จริงผมไม่ได้แคร์เลยสักนิดว่าพวกเขาจะยอมเจรจาหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่ห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์ และห้ามฆ่าผู้ประท้วง”
เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบิน ยูเครน อินเทอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส ถูกมิสไซล์อิหร่านยิงตกหลังออกเดินทางจากสนามบินเตหะรานมุ่งหน้าไปยังกรุงเคียฟได้เพียงไม่กี่นาทีเมื่อวันพุธที่ 8 ม.ค. ผู้โดยสารบนเครื่องส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านที่ถือ 2 สัญชาติ และมีผู้ถือหนังสือเดินทางแคนาดารวมอยู่ด้วย 57 คน
ชาวอิหร่านในกรุงเตหะรานให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลได้ส่งตำรวจปราบจลาจลเข้าสลายการชุมนุมในวันอาทิตย์ (12) โดยผู้ประท้วงบางคนที่จัตุรัสอาซาดีเรียกร้องให้ตำรวจเข้าร่วมการประท้วงด้วย ก่อนจะป่าวร้องสโลแกน “เผด็จการจงพินาศ” ซึ่งสื่อความถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน
หนังสือพิมพ์รายวัน Etemad ซึ่งเป็นสื่อสายกลางของอิหร่านลงข้อความพาดหัวในวันอาทิตย์ (12) ว่า “ขอโทษและลาออกเสีย” และย้ำ “ข้อเรียกร้องของประชาชน” ซึ่งต้องการเห็นผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในความผิดพลาดครั้งนี้ลาออกไป
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นล่าสุดยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลอิหร่าน ซึ่งพยายามดิ้นรนนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ไปรอดท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
เมื่อกลางเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ชาวอิหร่านทั่วประเทศได้ลุกฮือต่อต้านนโยบายขึ้นราคาน้ำมันจนนำมาสู่การใช้กำลังปราบปรามครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อิหร่านยืนยันกับรอยเตอร์ว่ามีผู้เสียชีวิตไปราว 1,500 คนภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติให้ตัวเลขที่ต่ำกว่านั้นมาก และรัฐบาลอิหร่านประณามข้อมูลของรอยเตอร์ว่าเป็น “ข่าวปลอม” (fake news)