เอพี - สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปวิดีโอ กองกำลังด้านความมั่นคงของอิหร่านกำลังยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการประท้วงของประชาชนที่โกรธเกรี้ยวซึ่งออกมารวมกันตัวในวันจันทร์(13ม.ค.) แสดงความไม่พอใจต่อเหตุยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินยูเครนตกโดยไม่ตั้งใจและความพยายามปิดบังความเกี่ยวข้องในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
สถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ร้อนระอุระหว่างวอชิงตันกับเตหะราน ซึ่งโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับการเปิดสงครามระหว่าง 2 ชาติ หลังสหรัฐฯปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน และอิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพ 2 แห่งในอิรัก ซึ่งเป็นฐานประจำการของทหารอเมริกา แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เตหะรานทำพลาดยิงเครื่องบินโดยสารยูเครนตกโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีตอบโต้ของสหรัฐฯ
วิดีโอต่างๆ ซึ่งถูกไปยังศูนย์สิทธิมนุษยชนในอิหร่าน ที่มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กและต่อมาผ่านการตรวจสอบว่าเป็นของจริงโดยสำนักข่าวเอพี พบเห็นพวกผู้ประท้วงใกล้จัตุรัสอาซาดี กำลังหลบหนีกระป๋องแก๊สน้ำตาที่ปลิวมาตกใกล้ๆพวกเขา บางคนไอและมีอาการสำลักตอนที่พยายามหนีออกจากกลุ่มควันและผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนออกมาว่า "พวกเขายิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน! จัตุรัสอาซาดี! ไปตายซะเผด็จการ"
ส่วนวิดีโอหนึ่งพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกหามออกไปโดยมีรอยเลือดที่ถูกพบเห็นไหลเป็นทางอยู่บนพื้น ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายจากคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวสตรีรายนี้ว่าเธอถูกยิง "โอ้พระเจ้า เลือดเธอไหลไม่หยุดเลย" เสียงคนหนึ่งตะโกน "มัดแผลไว้"
อย่างไรก็ตามต่อมาพลเอกฮอสเซน ราฮิมิ ผู้บัญชาการตำรวจเตหะราน ปฏิเสธว่าเจ้าหน้าที่ของเขาไม่ได้ยิงเข้าใส่ผู้ประท้วง "ตำรวจปฏิบัติกับประชาชนที่รวมตัวกันด้วยความอดทน ตำรวจไม่ได้ยิงเข้าใส่การชุมนุม เนื่องด้วยความอดทนและอดหลั้นคือระเบียบของกองกำลังตำรวจในเมืองหลวง"
กระนั้นก็ตามสำนักข่าวฟาร์สนิวส์ สื่อมวลชนกึ่งรัฐรายงานว่าตำรวจได้มีการใช้แก๊สน้ำตากับพวกผู้ประท้วงในบางพื้นที่
ตำรวจในเครื่องแบบเป็นหนึ่งในหลายกองกำลังด้านความมั่นคงจำนวนที่ถูกส่งเข้าประจำการตามท้องถนนสายต่างๆ หลังจากอิหร่านยอมรับว่าเป็นคนยิงเครื่องบินของสายการบินยูเครนตก
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติเคยถูกกล่าวหาว่ายิงเข้าใส่พวกผู้ชุมนุมระหว่างระลอกคลื่นของการประท้วงที่ผ่านๆมา ในนั้นรวมถึงการประท้วงต่อต้านขึ้นราคาเบนซินในเดือพฤศจิกายน ท่ามกลางรายงานข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คนในปฏิบัติการปราบปรามดังกล่าว
อีบราฮิม ไรซี ประธานศาลอิหร่าน เตือนพวกผู้ประท้วงว่า "สายลับอเมริกาและสายลับต่างชาติ" ต้องการใช้ความโกรธแค้นต่อโศกนาฏกรรมเครื่องบินมาก่ออันตรายแก่ความมั่นคงของอิหร่าน ขณะที่อิหร่านบ่อยครั้งมักกล่าวโทษว่าพวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเป็นผู้สมคบคิดต่างชาติ
ตลอด 3 วันแรก พวกเจ้าหน้าที่อิหร่านปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงร่วงเครื่องบินของสายการบินยูเครนอินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส คร่าชีวิตยกลำ 176 ศพ ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านและชาวอิหร่านเชื้อสายแคนาดา โดยบ่งชี้เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นกับเที่ยวบิน 752 มีต้นตอจากเหตุขัดข้องทางเทคนิค จนกระทั่งเมื่อวันเสาร์(11ม.ค.) พวกเขาถึงยอมรับว่าเป็นคนยิงเครื่องบินตกท่ามกลางหลักฐานที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆและหลังจากพวกผู้นำตะวันตกกล่าวหาอิหร่านเป็นคนผิด
ชาวอิหร่านโกรธแค้นต่อเหตุยิงเครื่องบินตกและคำชี้แจงที่หลอกลวงจากพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทั้งนี้การชุมนุมครั้งแรกเกิดขึ้นในกรุงเตหะราน โดยเดิมทีเป็นเพียงการรวมตัวจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ก่อนมันจะลุกลามบานปลายเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาล "พวกเขาโกหกที่บอกว่าศัตรูของเราคืออเมริกา! ศัตรูของเราอยู่ที่นี่แหละ!" บรรดานักศึกษาพากันตะโกน
เจ้าหน้าที่อิหร่านทำการจับกุมเอกอัครราชทูตอังกฤษช่วงสั้นๆ โทษฐานที่เขาไปร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตามต่อมาทางเอกอัครราชทูตรายนี้ชี้แจงว่าเขาเพียงเดินทางไปร่วมอาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกเท่านั้นและเดินทางกลับมาก่อนที่การรวมตัวจะลุกลามบานปลายสู่การชุมนุม
กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเรียกเอกอัครราชทูตอังกฤษเข้าพบในวันอาทิตย์(12ม.ค.) เพื่อประท้วงในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการเข้าร่วมกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามทางอังกฤษตอบโต้ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตอิหร่านเข้าพบเช่นกันในวันจันทร์(13ม.ค.) โดยบอกว่าเพื่อเป็นการส่งสารอันแข็งกร้าว คัดค้านสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์
