xs
xsm
sm
md
lg

ปกาศิต ธปท.ถึงแบงก์พาณิชย์ เลิกเอาเปรียบผู้บริโภคเสียที

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ ลดการเอาเปรียบประชาชนผู้เป็นลูกหนี้ โดยการคิดดอกเบี้ยในอัตราสูงอย่างไม่เป็นธรรม หรือ การคิดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน

ที่ผ่านมา แบงก์ชาติ ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล ระบบสถาบันการเงินให้มั่นคง แข็งแรง แต่ไม่เคยเข้าไปดูเรื่อง “ ราคา” คือ อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ธนาคารเก็บจากลูกค้าว่า เหมาะสม เป็นธรรม หรือ เอารัดเอาเปรียบลูกค้าที่ถูกมัดมือชกหรือเปล่า

ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายวิรไท สันติประภพ พูดบ่อยๆว่า เรื่องหนึ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญมาก คือการดูแลให้ผู้บริโภคที่มีอำนาจต่อรองต่ำกว่าสถาบันการเงิน ได้รับบริการทางการเงินอย่างเป็นธรรม ไม่ถูกหลอกลวง บังคับ หรือเอารัดเอาเปรียบจากผู้ให้บริการ ผลักดันให้สถาบันการเงินต้องยกระดับมาตรฐานด้านการให้บริการ

ล่าสุด ผู้ว่า ธปท บอกว่า ได้สั่งการให้สถาบันการเงินปรับปรุงการคิดดอกเบี้ยและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใน 3 เรื่อง เพื่อลดภาระของประชาชนและ SME และปรับปรุงให้การดำเนินการเรื่องนี้เป็นธรรมมากขึ้น ได้แก่


1.ค่าปรับการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด (prepayment) สำหรับสินเชื่อ SME และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีลักษณะการผ่อนชำระเป็นงวด ซึ่งเดิมผู้ประกอบการบางรายคิดค่าปรับจากฐานวงเงินสินเชื่อทั้งก้อน เกณฑ์ใหม่ให้คิดค่าปรับบนยอดเงินต้นคงเหลือ รวมทั้ง ให้กำหนดช่วงระยะเวลาที่จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าปรับการไถ่ถอน ความสำคัญของเรื่องนี้คือ ค่าปรับที่ไม่สูงจะช่วยให้ประชาชนมีสิทธิที่จะเลือกผู้ประกอบการที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุดและช่วยเพิ่มการแข่งขันในระบบ รวมทั้งทำให้ตลาด refinancing เกิดขึ้นในประเทศไทย

2.ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อ SME และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีลักษณะการผ่อนชำระเป็นงวด เดิมการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะคิดบนฐานของเงินต้นคงเหลือ เกณฑ์ใหม่ให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนค่างวด (installment) ที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระ เฉพาะส่วนที่เป็นเงินต้นของค่างวดนั้น ทั้งนี้ หากผู้ให้บริการมีลูกหนี้เดิมที่อยู่ระหว่างการเรียกเก็บดอกเบี้ยตามวิธีเดิม ขอให้ผู้ให้บริการพิจารณาปรับลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยตามสมควร

นอกจากนี้ให้สถาบันการเงินกำหนดช่วงระยะเวลาการผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ (grace period) ในกรณีที่ลูกหนี้อาจมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และให้แจงรายละเอียดของยอดหนี้ค้างชำระ เช่น ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ค่าธรรมเนียมทวงถามหนี้ ให้ลูกหนี้ทราบอย่างชัดเจน

การปรับปรุงในครั้งนี้นอกจากจะทำให้เป็นธรรมมากขึ้นแล้ว จะช่วยลดโอกาสที่ลูกหนี้จะไม่สามารถจ่ายหนี้คืนได้ (affordability risk)

3.ค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต กรณีผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บัตร เดิมไม่มีการคืนส่วนต่างหรือคืนเมื่อร้องขอเท่านั้น เกณฑ์ใหม่ให้คืนค่าธรรมเนียมรายปีตามสัดส่วนระยะเวลาคงเหลือของบัตรแก่ผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้บริการร้องขอ และกรณีต้องออกบัตรหรือรหัสบัตรทดแทน เดิมจะเรียกเก็บทุกกรณี เกณฑ์ใหม่ให้ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการออกบัตรหรือรหัสบัตรทดแทน แต่หากกรณีที่ออกบัตรหรือรหัสทดแทนมีต้นทุนสูงอาจพิจารณาจัดเก็บได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ธปท.ขอให้ผู้ให้บริการนำหลักการคิดดอกเบี้ยและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใน 4 เรื่องดังต่อไปนี้มาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ด้วย (1) ต้องสะท้อนต้นทุนจริงจากการให้บริการ (2) ต้องไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้บริการจนเกินสมควรและคำนึงถึงความสามารถในการชำระของผู้ใช้บริการ (3) ต้องไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน และ (4) ต้องเปิดเผยอัตราค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ธปท. จะจัดให้มีการเปรียบเทียบข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของผู้ให้บริการแต่ละรายเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้บริการและเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เหมาะสมมากขึ้นด้วย

หวังว่า นอกจาก เรื่องให้แบงก์ลดค่าปรับ เปลี่ยนวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ การยกเลิก ค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเม บัตรเดบิต ที่กล่าวใสข้างต้นแล้ว ธปท. จะมีมาตรการอื่นๆ ที่จะทำให้ การตั้งราคา ของธนาคารพาณิชย์ มีความเป็นธรรมกับผู้บริโภคมากขึ้น ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น