ผู้จัดการรายวัน360-"สมคิด"สั่ง "คลัง" ตั้งคณะทำงานพิจารณามาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว คาดเสนอแพกเกจให้ ครม.พิจารณาได้วันที่ 7 ม.ค.63 มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับเอสเอ็มอีไทย แย้มแนวทางประสาน ธปท. ผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อ ดึง บสย. ช่วยค้ำประกัน ขอแบงก์พาณิชย์ร่วมวงช่วย ปิ้งดึงเงินกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 1 หมื่นล้าน เสริมสภาพคล่อง "อุตตม"แย้มสายรูดปี๊ด จะได้รับการดูแลเรื่องหนี้ด้วย ธปท.รับลูก สั่งช่วยปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอีที่ถูกฟ้องคดี 4 หมื่นล้าน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าไทย และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ว่า ได้สั่งการให้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานคณะทำงานจัดทำมาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยจะมีการจัดทำแพกเกจออกมาช่วยเหลือเอสเอ็มอี คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในวันที่ 7 ม.ค.2563 เพื่อเป็นของขวัญแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
"ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในเวลานี้ ถือว่าอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการธนาคาร ทั้งของรัฐและเอกชน จะต้องหารือกันถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างไรบ้าง โดยหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะอยู่รอดและฟื้นตัวได้ โดยตั้งเป้าหลังจากเดินทางกลับจากฉลองปีใหม่แล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับข่าวดีอย่างแน่นอน"
นายสมคิดกล่าวว่า ยังจะประสานให้ ธปท. พิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่หละหลวมจนเกินไป เพื่อช่วยเหลือในการเติมเงินให้แก่ผู้ประกอบการได้ โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะเป็นกลไกหลักในการช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ส่วนธนาคารพาณิชย์ต้องผ่อนคลายกฏระเบียนการพิจารณาสินเชื่อด้วย
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้พิจารณาถึงการใช้ประโยชน์จากกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ซึ่งมีเงินกองทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่ใช้ปรับเปลี่ยนธุรกิจของเอสเอ็มอี โดยให้พิจารณาว่าจะสามารถนำเงินบางส่วนมาใช้ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีได้อย่างไรด้วย
ทั้งนี้ นายสมคิดยังกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ที่มีการมองกันว่าจะเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ว่า ต้องการให้สื่อก้าวข้ามในเรื่องดังกล่าวนี้ไป อีกทั้งไม่ต้องการให้ถามคำถามง่ายเกินไปเช่นนี้ เนื่องจากไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจประเทศเติบโต 3% หรือ 4% แล้วจะดี ส่วนเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่า 3% จะส่งผลกระทบกับความเขื่อมั่นของประเทศด้วยหรือไม่นั้น ควรไปถามหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และยังระบุถึงความรู้สึกต่อฉายา "ชายน้อยประชารัฐ" ที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ว่า ตนไม่สนใจอยู่แล้ว และไม่ต้องมาถาม
ด้านนายอุตมกล่าวว่า นอกจากให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีแล้ว กระทรวงการคลังยังมีแนวคิดให้ธนาคารรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ช่วยเหลือดูแลภาระหนี้ส่วนบุคคลจากปัญหาบัตรเครดิต เพื่อลดภาระการผ่อนชำระให้น้อยลงด้วย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์พร้อมปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการผ่านมาตรการของรัฐ และประสานกรมสรรพากรช่วยดูแลการปรับโครงสร้างหนี้ ไม่ให้มีภาระภาษีเกิดขึ้น ตลอดจนการปรับเงื่อนไข พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าไปแข่งขันงานจากภาครัฐ เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ได้ให้สมาคมธนาคารไทยไปหารือกับ บสย. เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้และถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอีกกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยเบื้องต้นจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเหล่านี้มีความสามารถที่จะชำระหนี้และดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตนต้องการให้ภาคเอกชนปรับลดเป้าหมายยอดขายลง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และเพื่อลดแรงกดดันกับกระแสเงินสดที่มีความสอดคล้องกับยอดขาย เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศมีปัญหา การส่งออกหดตัว จึงส่งผลกระทบทุกส่วน ธนาคารพาณิชย์ก็ต้องคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีความสอดคล้องตามนโยบายของรัฐ
ส่วนนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ประเทศไทยเคยผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 มาแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ เมื่อหลายฝ่ายร่วมกันผลักดันและให้ความช่วยเหลือ ตนก็คาดว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นไปได้