xs
xsm
sm
md
lg

“รองฯ สมคิด” สั่งตั้งคณะทำงานหาแนวทางอุ้มเอสเอ็มอี เตรียมเสนอมาตรการใหม่ให้ ครม.พิจารณา 7 ม.ค.63

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รองนายกฯ สมคิด” แจกข่าวดีรับปีใหม่ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เร่ง “คลัง” ตั้งคณะทำงานพิจารณามาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ก่อนเสนอ ครม. พิจารณาใน 7 ม.ค.นี้ หวังช่วยผู้ประกอบการให้อยู่รอดและฟื้นตัวได้ในอนาคต ขอสื่อเลิกตั้งคำถามเศรษฐกิจปีหน้าโตต่ำกว่า 3% ด้าน “ประธานสมาคมแบงก์” อยากให้ภาคเอกชนลดเป้ายอดขายลงให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพื่อลดแรงกดดันกับกระแสเงินสดที่มี ทั้งยังย้ำพร้อมพิจารณาสินเชื่อให้สอดคล้องตามนโยบายรัฐ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เพื่อเป็นประธานในการประชุมหารือและมอบนโยบาย ร่วมกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวีรไธ สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงผู้บริหารกระทรวงการคลัง สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

โดยรองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ถือเป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจไทย และเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการเหล่านี้ย่อมได้รับผลกระทบก่อน ดังนั้น จึงต้องมีการหารือถึงมาตรการในการดูแลเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป หรือช่วยดูแลกลุ่มที่ดีอยู่ก่อนที่จะเกิดปัญหาในภายหลัง ตนจึงสั่งให้ตั้งคณะทำงานจากกระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคารไทย ภาคเอกชน เพื่อร่วมกันหารือออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และหากจำเป็นต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติก็ให้เสนอได้ในวันที่ 7 ม.ค.63 โดยทันที เพื่อให้เป็นของขวัญแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

นอกจากนี้ ยังจะมีการประสานให้ ธปท. พิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้เหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่หละหลวมจนเกินไป เพื่อช่วยเหลือในการเติมเงินให้แก่ผู้ประกอบการได้ ทั้งนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะเป็นกลไกหลักในการช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ส่วนธนาคารพาณิชย์ต้องผ่อนคลายกฎระเบียนการพิจารณาสินเชื่อด้วย ซึ่งหากทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกัน ตนเชื่อว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะอยู่รอดและฟื้นตัวได้ ดังนั้น หลังจากเดินทางกลับจากฉลองปีใหม่แล้วผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับข่าวดีอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ รองนายรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในเวลานี้ถือว่าอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการธนาคารทั้งของรัฐและเอกชน จะต้องหารือกันถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้พิจารณาถึงการใช้ประโยชน์จากกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอีของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ซึ่งมีเงินกองทุนฯ กว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่ใช้ปรับเปลี่ยนธุรกิจของเอสเอ็มอีนั้นจะสามารถนำเงินบางส่วนมาใช้ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีได้อย่างไร

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามกรณีที่มองกันว่าเศรษฐกิจไทยในปี 63 นั้นจะเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ว่า ตนต้องการให้สื่อก้าวข้ามในเรื่องดังกล่าวนี้ไป อีกทั้งไม่ต้องการให้ถามคำถามง่ายเกินไปเช่นนี้ เนื่องจากไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจประเทศเติบโต 3% หรือ 4% แล้วจะดี ส่วนเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่า 3% จะส่งผลกระทบต่อความเขื่อมั่นของประเทศด้วยหรือไม่นั้น ควรไปถามหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายสมคิด ยังกล่าวถึงความรู้สึกต่อฉาย าชายน้อยประชารัฐ ที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้รัฐบาลด้วยว่า ตนไม่สนใจอยู่แล้ว และไม่ต้องมาถาม

ด้าน นายอุตม กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีแล้ว กระทรวงการคลังยังมีแนวคิดให้ธนาคารรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ช่วยเหลือดูแลภาระหนี้ส่วนบุคคลจากปัญหาบัตรเครดิต เพื่อลดภาระการผ่อนชำระให้น้อยลงด้วย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์พร้อมปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการผ่านมาตรการของรัฐ และประสานกรมสรรพากรช่วยดูแลการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ให้มีภาระภาษีเกิดขึ้น ตลอดจนการปรับเงื่อนไข พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าไปแข่งขันงานจากภาครัฐ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย

ขณะที่ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตนต้องการให้ภาคเอกชนปรับลดเป้าหมายยอดขายลง เพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และเพื่อลดแรงกดดันกับกระแสเงินสดที่มีความสอดคล้องต่อยอดขายด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศมีปัญหาการส่งออกหดตัว จึงส่งผลกระทบทุกส่วน ธนาคารพาณิชย์ก็ต้องคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อให้เหมาะสมต่ิเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังย้ำด้วยว่า พร้อมพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีความสอดคล้องตามนโยบายรัฐด้วยเช่นกัน

ส่วน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ประเทศไทยเคยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 มาแล้ว ดังนั้น ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้เมื่อหลายฝ่ายร่วมกันผลักดันและให้ความช่วยเหลือ ตนคาดว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นไปได้


กำลังโหลดความคิดเห็น