ฮื่ออ์อ์อ์...อย่างที่การ์ตูนนิสต์ “ผู้จัดการ” คุณพี่ “บัญชา คามิน” ท่านว่าไว้ในการ์ตูนช่องของท่านนั่นแ หละว่า ปฏิบัติการลอบสังหารนายพลอิหร่าน “กอเซ็ม สุไลมานี” ของคุณพ่ออเมริกาคราวนี้ ไม่ใช่แค่ตายกัน 5 ศพ 6 ศพ แต่ตายกันเป็นแสนๆ หรืออาจเป็นล้านๆ เอาเลยก็ไม่แน่ นั่นก็คือ...บรรดา “นักลงทุน” ทั้งหลาย ที่ต้องบาดเจ็บล้มตายกันระเนนระนาด อันเนื่องมาจากการขึ้นๆ ลงๆ ของ “ราคาหุ้น” ที่ปักหัวดิ่งกันไปตลอดทั่วทั้งโลก...
ส่วนที่เด้งพรวดๆ พราดๆ ขึ้นมาแทนที่...ก็คือ “ราคาทองคำ” นั่นแล จากที่เคยอยู่ในระดับราคา 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ วูบเดียวพุ่งขึ้นมาถึง 1,588 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ใกล้ๆ จะแตะ 1,600 และภายในปีนี้อาจพุ่งไปถึง 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์เอาเลยก็ไม่แน่ ตามการวิเคราะห์ คาดการณ์ของบรรดานักเล่นแร่แปรทอง ส่วนจะขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างที่ “นายFawad Razaqzada” นักวิเคราะห์ตลาดโลหะมีค่า เคยทำนายทายทักเอาไว้ก่อนหน้านี้ หรือก่อนที่จะเกิดปฏิบัติการลอบสังหารนายพลอิหร่าน หรือไม่ อย่างไรนั้น ก็คงต้องคอยไปลุ้นกันดูอีกที แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้...คงหนีไม่พ้นต้องเกี่ยวพันไปถึงแนวโน้มแห่งการ “ล้างแค้น” หรือตอบโต้เอาคืนของอิหร่านเขานั่นแหละ ว่าจะออกมาในรูปไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร เพราะยังไงๆ...ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงหนีไม่พ้นต้องเป็นไปอย่างที่ “Global Times” สื่อทางการของจีน เขาสรุปไว้ในข้อเขียน บทความ เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า “US naïve to think Iran won’t fight back” หรือมันคงเป็นอะไรที่ออกจะ “ไร้เดียงสา” จนเกินไป ถ้าดันไปคิดว่าอิหร่านเขากลัวคำขู่ของ “ทรัมป์บ้า” จนไม่คิดจะทำอะไรเอาเลย...
ดังนั้น...ผู้คงต้องตกอยู่ในอาการ “หลับไม่ลง” ในทุกวันนี้ ก็น่าจะได้แก่บรรดาผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันทั้งหลาย ตลอดไปจนถึงบรรดา “ทหารอเมริกัน” ตามฐานทัพต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เรียกว่า...ถึงขั้นประกาศเลิกฝึก เลิกต่อสู้ไล่ล่าบรรดาผู้ก่อการร้าย ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาแต่แรก หันมาให้ความสำคัญกับการ “ปกป้องตัวเอง” ไว้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไม่รู้ว่า “จรวดชาฮับ” (Shahab) “ฮวาซอง” (Hwaseong) “เดซฟูล” (Dezful) หรือ “ซอลฟาการ์” (Zolfaghar) ฯลฯ มันอาจหล่นใส่หัวกบาลกันในตอนไหน และเมื่อไหร่ โดยเฉพาะทหารอเมริกันในอิรักที่มีอยู่ประมาณ 6,000 นาย อาจต้องนั่งสวดมนต์ อธิษฐานกันวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เอาเลยก็ไม่แน่...
แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าว่ากันตามคำพูด คำให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการกองพลอวกาศ แห่งกองทัพ “IRGC” ของอิหร่านนายพล “Amir Ali Hajizadeh” ในระหว่างงานพิธีศพ “พลเอกกอเซ็ม สุไลมานี” ที่บรรดาชาวอิหร่านแห่ออกมาร่วมงานนับเป็นล้านๆ นายพลผู้นี้ท่านก็ได้ส่งสัญญาณให้เห็นเป็นนัยๆ ว่า...การตอบโต้ต่อการลอบสังหารนายพลอิหร่านคราวนี้ คงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การคิดจะยิงขีปนาวุธไม่กี่สิบลูกใส่บรรดาทหารอเมริกัน เท่านั้น ด้วยเหตุเพราะเป้าหมายอย่างฐานทัพสหรัฐฯ หรือแม้แต่การฆ่าประธานาธิบดีอเมริกันให้เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ลงไปก็ตามที “มันไม่มีค่าเพียงพอต่อการชดเชยกับความตายของคนอย่างนายพลกอเซ็ม สุไลมานี” และ “มีสิ่งเดียวเท่านั้น...ที่สามารถชดใช้หนี้เลือดคราวนี้ ก็คือการทำลายล้างบทบาทและอิทธิพลของอเมริกา ให้สูญสิ้นไปจากภูมิภาคแห่งนี้แบบชนิดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์...” นี่...ท่านมองไกลไปถึงขั้นนั้น...
เช่นเดียวกับผู้บัญชาการคนใหม่ของกองกำลัง “Quds Force” “พลตรีEsmail Qaani” ที่ได้สรุปเอาไว้ในแนวเดียวกันประมาณว่า... “สิ่งที่สามารถชดเชยกับการสูญเสียครั้งนี้ ก็คือการขับไล่ทหารอเมริกันออกไปจากภูมิภาคตะวันออกกลาง” แบบชนิดหมดสิ้นไปทั่วทั้งแผง และ “จุดเริ่มต้น” ที่จะนำไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ ก็น่าจะเริ่มก่อรูป ก่อร่าง ให้เห็นๆ กันบ้างแล้ว หลังจากที่ “รัฐสภาอิรัก” ได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ เรียกร้องให้รัฐบาลปิดฐานทัพอเมริกา และขับไล่ทหารอเมริกันให้พ้นๆ ไปจากประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยและมีเอกราชอย่างเช่นอิรัก เช่นเดียวกับเลขาธิการขบวนการ “เฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน “นายSeyyed Hassan Nasrallah” ที่ได้ออกมาเจริญรอยตามชาวอิรัก เริ่มเรียกร้องให้ขับไล่ทหารอเมริกันออกจากเลบานอน รวมทั้งยังเรียกร้องให้บรรดา “ชาวมุสลิมทั่วโลก” ถือเป็นภาระหน้าที่ในการดำรง “เป้าหมาย” เหล่านี้เอาไว้อีกด้วยต่างหาก เนื่องจากการตอบโต้ ล้างแค้น ต่อปฏิบัติการอันสุดแสนจะน่าเกลียด น่าทุเรศของประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ ไม่ได้ถือเป็นภาระของประเทศอิหร่าน หรือแม้แต่อิรักล้วนๆ เท่านั้น แต่ถือเป็นภาระของ “มุสลิมทั่วทั้งโลก” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ส่วนจะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้...ตาม “เป้าหมาย” ที่ว่าหรือไม่ อย่างไร คงต้องคอยไปดูกันอีกที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...การตัดสินใจลอบสังหารนายพลอิหร่านคราวนี้ ไม่เพียงทำให้ฐานะของอเมริกาในตะวันออกกลางออกอาการตกต่ำและโดดเดี่ยวเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย ตุรกี ไปจนถึงบรรดาประเทศยุโรป ต่างออกอาการ “รับไม่ได้” กับความหยาบ ความถ่อย และความบ้าไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ยังกลายเป็นตัวเพิ่ม “ความชอบธรรม” ให้กับอิหร่าน ที่ถูกทำให้ต้องกลายเป็น “ผู้ร้าย” ในภูมิภาคนี้ มาโดยตลอดหรือทำให้แม้แต่การตัดสินใจประกาศเดินหน้าการ “เสริมสมรรถนะยูเรเนียม” ของอิหร่าน ที่อาจขัดแย้งกับข้อตกลงเดิมๆ อย่างข้อตกลง “JCPOA” กลับกลายเป็นสิ่งที่มี “เหตุผล” และ “ข้ออ้าง” มากพอ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับภัยคุกคามจาก “ผู้ร้ายตัวจริง” อย่างคุณพ่ออเมริกา ที่บุกเข้ามาเด็ดหัวผู้นำทางทหารของอิหร่านกันถึงที่...
ยิ่งมีคำพูด คำยืนยันที่หลุดออกจากปากของนายกรัฐมนตรีรักษาการอิรัก “นายAdel Abdul Mahdi” แบบชนิดตรงไป-ตรงมาว่าการเดินทางมาเยือนอิรัก ของนายพล “กอเซ็ม สุไลมานี” นั้น ก็เพื่อมารับข้อเสนอการเจรจาประนีประนอมระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเดียวกัน อย่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน โดยมีนายกรัฐมนตรีอิรักอาสาเป็น “ตัวกลาง” นั่นเอง การลอบฆ่า ลอบสังหารนายพลผู้นี้ จึงไม่ต่างอะไรไปจากความพยายามที่จะทำลาย “สันติภาพ” ภายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ไม่ให้มีโอกาสอุบัติขึ้นมาได้เลย สิ่งเหล่านี้...ไม่เพียงแต่ทำให้ “ความเป็นผู้ร้าย” ของอเมริกา ยิ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น ยังอาจทำให้ “แผนสันติภาพ” ตามแบบฉบับอเมริกา ที่เรียกๆ กันว่า “Deal of the Century” ยิ่งแทบไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดต่อไปอีกเลย และทำให้ความพยายามที่จะยกดินแดนประเทศโน้น ประเทศนี้ ไปให้กับพันธมิตรของอเมริกาอย่างอิสราเอล ยิ่งต้องถูกต่อต้านคัดค้านจากบรรดาประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่...
พูดง่ายๆ ว่า...แม้จะ “ประสบความสำเร็จทางทหาร” ในการเด็ดหัวผู้นำกองทัพอิหร่านได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ แต่รัฐบาลอเมริกัน ไปจนถึงผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” กำลัง “พ่ายแพ้ทางการเมือง” อย่างหมดรูป หมดสง่าราศี และอาจหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเอาเลยก็ว่าได้ ชนิดแม้แต่ความคาดหวังว่าจะได้รับ “ชัยชนะ” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่ ในปลายปีนี้ อาจต้อง “แห้วกระป๋อง” เอาง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย เริ่มออกมา “วิ่งไล่ลุง” หรือเริ่มออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับ “สงครามของทรัมป์” ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสงครามของชาวอเมริกันเอาเลยแม้แต่น้อย...