คนทั่วไปอยากรู้ว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำจอมห้าวของทำเนียบขาว จะยังสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนสังหารผู้นำทหารคนสำคัญของอิหร่าน นายพลกอเซ็ม สุไลมานี หรือเปล่า เมื่อได้รับรู้ เห็นความวุ่นวายโกลาหลที่ตามมาไม่เลิก
เป็นกระแสความแปรเปลี่ยนของสถานการณ์แวดล้อมอย่างรวดเร็ว เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ ตอกย้ำความแตกแยกในสังคมการเมืองสหรัฐฯ และมุมมองของคนอเมริกันที่มีต่อทรัมป์และการตัดสินใจด้วย
มีคนไม่น้อยยังไม่รู้จัก และรับรู้ความสำคัญของนายพลสุไลมานี เพราะเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับจากชาวอิหร่านและอิรักอย่างมาก เป็นผู้มีอิทธิพลในการตัดสินใจทางการเมือง การทหาร เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษนอกประเทศ
เป็นบุคคลสำคัญอันดับ 2 ของอิหร่าน ผู้คนยอมรับเคารพนับถือศรัทธา
เป็นตัวจักรสำคัญในการรวบรวมกองกำลังนักรบนิกายชีอะห์ในอิรักในการสู้สกัดกั้นการรุกคืบของกองกำลังไอซิสในอิรัก จนสามารถตีโต้ พลิกสถานการณ์ทำให้ไอซิสต้องถอยจากอิรักและพ่ายแพ้ในการสู้รบทั้งในซีเรีย อิรัก อยู่ในระดับวีรบุรุษ
ผลพวงที่ตามมาทำให้ทรัมป์ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ถึงขั้นพยายามไม่ให้เสียศูนย์ คำอ้างที่ว่าการสังหารสุไลมานีเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้วางแผนสังหารทหารและคนอเมริกันอีก แต่ที่ว่าเป็นภัยร้ายแรงจวนเจียนจะเกิดนั้น คนไม่เชื่อ
อิหร่านถือว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นการประกาศสงคราม ดังนั้นจะต้อง “เอาคืน” โดยหน่วยงานทหารของสหรัฐฯ เป็นเป้าหมาย และสหรัฐฯ สวนกลับว่าได้ตั้งเป้า 52 จุดรวมทั้งแหล่งเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมในอิหร่านสำหรับการทำลาย “เร็วและรุนแรง”
อิหร่านก็โต้กลับว่า ถ้าสหรัฐฯ เล็งเป้า 52 จุด ก็จะโดนเอาคืน 300 จุด เป็นสงครามน้ำลายเกทับบลัฟแหลก แต่ไม่มีคนมองว่าเป็นการเกทับกันธรรมดา อิหร่านชักธงแดงเหนือสุเหร่าสำคัญ เป็นสัญลักษณ์ของการพร้อมทำสงครามเต็มที่
ทั้งยกเลิกสัญญาที่ทำไว้ในปี 2015 เพื่อควบคุมโครงการนิวเคลียร์ ทำให้อิหร่านมุ่งเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เต็มสูบ ไม่ฟังคำท้วงติงของชาติอื่นๆ เพราะทรัมป์ได้ยกเลิกข้อผูกมัดไปก่อนแล้วในปี 2018 และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
ผลด้านลบต่อสหรัฐฯ ที่ตามมาทันควัน ในวันรุ่งขึ้นหลังการสังหารคือคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ชาวอเมริกันซึ่งทำงานในอิรักเดินทางกลับประเทศเพื่อความปลอดภัย เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและส่งทหารไปตะวันออกกลางอีก 3,200 นาย
ที่คาดการณ์ผิดอย่างแรงก็คือ แทนที่จะนำไปสู่วิกฤตในอิรักและอิหร่าน ปรากฏว่าทั้งคนอิรักและอิหร่านที่ได้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลของตนเองมานานหลายสัปดาห์ เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ก็หยุดการเดินขบวน
ชาวอิหร่านหลายแสนคนชุมนุมในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ เพื่อไว้อาลัยนายพลวีรบุรุษขวัญใจ กลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันประณามสหรัฐฯ ทำให้คนอิรักและอิหร่านมีความรู้สึกร่วมว่าเป็นการคุกคามและละเมิดอธิปไตยของทั้งสองประเทศ
ที่สำคัญก็คือรัฐสภาของอิรักได้ลงมติให้รัฐบาลสั่งกองกำลังทหารต่างชาติให้ออกไปจากอิรัก หมายความว่าทหารสหรัฐฯ ก็จะไม่สามารถอยู่ในอิรักได้อีกต่อไป มติดังกล่าวได้เกิดขึ้นแม้นักการเมืองฝ่ายเคิร์ดและนิกายสุหนี่ ได้วอล์กเอาต์ก็ตาม
ในอิรักนั้นคนนับถือนิกายชีอะห์มีมากถึง 64 เปอร์เซ็นต์ และมีสุหนี่เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ แม้ผู้นำรัฐบาลจะเป็นนิกายสุหนี่ สมาชิกสภามีเสียงของชีอะห์มากกว่า
เมื่อทรัมป์และพวกโดนอิรักเล่นงานเข้าอย่างนี้ก็แทบชักตาตั้ง ไม่คาดคิดว่าอิรักจะกล้า นี่หมายความว่าจะไม่มีทหารอเมริกันอยู่ในอิรักด้วยข้ออ้างว่าจะต่อสู้กับกองโจรก่อการร้ายไอซิสและปกป้องผลประโยชน์เช่นสัมปทานน้ำมันอีกต่อไป
ทำให้ทรัมป์ต้องขู่แบบหน้าไม่อายว่า ถ้าจะให้ทหารสหรัฐฯ ออกจากอิรัก สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิรักให้หนักกว่าที่อิหร่านโดนเล่นงานอยู่ในขณะนี้ ก่อนหน้าจะโหวต มีตัวแทนรัฐบาลสหรัฐฯ ได้พยายามกล่อมไม่ให้สภาอิรักลงมติเรื่องนี้
ทรัมป์และสหรัฐฯ กลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครเอาด้วย ประเทศยุโรปก็พยายามตีตัวออกห่าง ไม่อยากโดนลากเข้าไปร่วม อาจโดนหางเลขถ้าอิรักหรือกองกำลังตัวแทนในประเทศต่างๆ เล่นงานเป้าหมายที่เป็นของสหรัฐฯ หรือตัวแทน
มีเสียงตำหนิทรัมป์ว่าการสังหารนายพลสุไลมานีเป็นความโง่เขลา ขาดความยั้งคิด ในยุคของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัก โอบามานั้น ก็มีโอกาสสังหารนายพลคนดังเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ทำ เพราะกลัวผลที่จะตามว่าจะเอาไม่อยู่
และก็เป็นไปตามคาด สหรัฐฯ รวมทั้งตัวทรัมป์และครอบครัว ต้องระวังตัวแจ ธุรกิจครอบครัวก็สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเป้าหมายของการโจมตีโดยอิหร่าน ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเองเพราะมีเครือข่ายทั้งฮิซบอลเลาะห์ ฮามาสในเลบานอน อิรัก
อิหร่านไม่ใช่ไส้ตะเกียงขาดน้ำมัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ ซีเรีย ตุรกี อัฟกานิสถาน พร้อมกับกองกำลังอาสา และหน่วยรบในหลายประเทศ รวมทั้งในเยเมน ซึ่งทำสงครามกับซาอุดีอาระเบีย ยังไม่ยอมเลิกรา
ซาอุฯ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิหร่านก็ยังไม่แสดงอาการออกนอกหน้า อิสราเอลแม้จะยังห้าวซ่า ก็ยังไม่กล้าหือมากนักเพราะตัวเองอาจโดนสักวันก็ได้
ทรัมป์เสียรังวัดไปมหาศาล กระบวนการถอดถอนยังเป็นชนักปักหลังอยู่ เสียงประณามจากเพื่อนและศัตรูดังรอบทิศ ความอหังการ ไม่ฟังใครกำลังสร้างพิษให้ทรัมป์ ไหนจะต้องระวังว่าตัวเองและครอบครัวจะถูกสังหาร และเสียตำแหน่งอีก