ผู้จัดการรายวัน360-สถิติ 3 วันปีใหม่ช่วง 7 วันอันตรายและการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุรวม 1,504 ครั้ง เสียชีวิต 159 ราย บาดเจ็บ 1,549 คน กรุงเทพฯ แชมป์ตายสูงสุด 10 ราย ศปถ.สั่งจัดสายตรวจเส้นทางรอบสถานบันเทิงช่วง 5 ทุ่มถึงตี 2 สกัดดื่มแล้วขับ ลั่นเอาจริงขายเหล้าให้เด็ก ด้านโฆษกศาลยุติธรรมเผยแค่ 3 วัน มีคดีจราจรขึ้นศาลเกินหมื่นคดี ส่วนมากเมาขับ พบเด็กเมาเพียบ ส่วนคดีที่เข้าสู่การควบคุมประพฤติพุ่ง 4,601 คดี "บิ๊กตู่"ห่วงใยประชาชน ขอเดินทางด้วยความระมัดระวัง และใช้วันหยุดกับครอบครัว
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของช่วง 7 วันอันตรายและการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 531 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 47 ราย ผู้บาดเจ็บ 560 คน ตั้งจุดตรวจหลัก 2,046 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,599 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 956,570 คัน ดำเนินคดี 216,804 ราย ผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 58,550 ราย ไม่มีใบขับขี่ 52,434 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ นครปฐม จังหวัดละ 25 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 5 ราย บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 31 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วัน วันที่ 27-29 ธ.ค.2562 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,504 ครั้ง เสียชีวิตรวม 159 ราย บาดเจ็บรวม 1,549 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์มี 21 จังหวัด เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 48 ครั้ง ผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 10 ราย บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 56 คน
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้สั่งการตรวจดูแลเส้นทางสายหลัก-สายรองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ซึ่งมีสถิติอุบัติเหตุสูง เน้นปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุ ควบคู่กับการใช้กลไกระดับพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ จิตอาสาพระราชทาน และอาสาสมัคร บูรณาการจัดตั้งด่านชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ กรณีไม่สามารถป้องปรามได้ให้ประสานชุดเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ได้จัดชุดสายตรวจดูแลความปลอดภัยเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานรื่นเริง และสถานบันเทิง ในช่วงเวลา 23.00-02.00 น. เป็นพิเศษ เน้นกวดขันผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี หากเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ ให้ดำเนินคดีและขยายผลการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ปกครองและผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ปริมาณคดีความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2563 สรุปรวมสถิติคดีความผิดตามพ.ร.บ.จาจรทางบก พ.ศ.2522 ระหว่างวันที่ 27–29 ธ.ค.2562 มีจำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณารวมทั้งสิ้น 10,485 คดี พิพากษาแล้วเสร็จ รวม 10,070 คดี คิดเป็น 96.04% โดยจังหวัดที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ชลบุรี 559 คดี , กรุงเทพฯ 521 คดี , นครราชสีมา 500 คดี , เชียงใหม่ 496 คดี และนนทบุรี 327 คดี ส่วนข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา 9,556 คน , ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 1,593 คน และขับรถขณะเสพยาเสพติด 259 คน
ส่วนสถิติความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ของกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว มีจำนวนคำร้องที่เข้าสู่การตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 141 คำร้อง แยกเป็นขับรถขณะเมาสุรา 109 ข้อหา ขับรถขณะเสพยาเสพติด 32 ข้อหา และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 2 ข้อหา โดยเป็นเพศหญิง 5 คน และเพศชาย 136 คน
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. วันเดียวพุ่งสูงถึง 3,894 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 3,880 คดี และคดีขับเสพ 14 คดี และมียอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ 3 วัน โดยมีการควบคุมเข้มงวด ระหว่าง27-29 ธ.ค.2562 จำนวนทั้งสิ้น 4,601 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 4,452 คดี , คดีขับเสพ 138 คดี , คดีขับซิ่ง แข่งรถ 1 คดี และคดีขับรถประมาท 10 คดี โดยจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ 289 คดี ขอนแก่น 254 คดี และมหาสารคาม 237 คดี
วันเดียวกันนี้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานอุบัติเหตุบนโครงข่ายคมนาคม สะสม 3 วัน (วันที่ 27-29 ธ.ค.2562) พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 916 ครั้ง ลดลง 5.27% มีผู้เสียชีวิต 105 คน ลดลง 26.06% บาดเจ็บ 1,037 คน ลดลง 2.35% โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ คือ การขับรถเร็วเกินกำหนด 54.37% ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ 31.91% และบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือทางตรง 63.97% โดยนนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาทุกคนที่ปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่เดินทางในช่วงนี้ พร้อมกำชับให้ทำหน้าที่ตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้จำนวนอุบัติเหตุลดน้อยลงให้มากที่สุด และยังได้ ฝากความห่วงใยมายังประชาชน ขอให้ทุกคนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัวให้มีความสุขมากที่สุด
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของช่วง 7 วันอันตรายและการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 531 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 47 ราย ผู้บาดเจ็บ 560 คน ตั้งจุดตรวจหลัก 2,046 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,599 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 956,570 คัน ดำเนินคดี 216,804 ราย ผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 58,550 ราย ไม่มีใบขับขี่ 52,434 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ นครปฐม จังหวัดละ 25 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 5 ราย บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 31 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วัน วันที่ 27-29 ธ.ค.2562 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,504 ครั้ง เสียชีวิตรวม 159 ราย บาดเจ็บรวม 1,549 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์มี 21 จังหวัด เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 48 ครั้ง ผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 10 ราย บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 56 คน
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้สั่งการตรวจดูแลเส้นทางสายหลัก-สายรองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ซึ่งมีสถิติอุบัติเหตุสูง เน้นปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุ ควบคู่กับการใช้กลไกระดับพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ จิตอาสาพระราชทาน และอาสาสมัคร บูรณาการจัดตั้งด่านชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ กรณีไม่สามารถป้องปรามได้ให้ประสานชุดเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ได้จัดชุดสายตรวจดูแลความปลอดภัยเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานรื่นเริง และสถานบันเทิง ในช่วงเวลา 23.00-02.00 น. เป็นพิเศษ เน้นกวดขันผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี หากเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ ให้ดำเนินคดีและขยายผลการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ปกครองและผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ปริมาณคดีความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2563 สรุปรวมสถิติคดีความผิดตามพ.ร.บ.จาจรทางบก พ.ศ.2522 ระหว่างวันที่ 27–29 ธ.ค.2562 มีจำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณารวมทั้งสิ้น 10,485 คดี พิพากษาแล้วเสร็จ รวม 10,070 คดี คิดเป็น 96.04% โดยจังหวัดที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ชลบุรี 559 คดี , กรุงเทพฯ 521 คดี , นครราชสีมา 500 คดี , เชียงใหม่ 496 คดี และนนทบุรี 327 คดี ส่วนข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา 9,556 คน , ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 1,593 คน และขับรถขณะเสพยาเสพติด 259 คน
ส่วนสถิติความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ของกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว มีจำนวนคำร้องที่เข้าสู่การตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 141 คำร้อง แยกเป็นขับรถขณะเมาสุรา 109 ข้อหา ขับรถขณะเสพยาเสพติด 32 ข้อหา และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 2 ข้อหา โดยเป็นเพศหญิง 5 คน และเพศชาย 136 คน
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. วันเดียวพุ่งสูงถึง 3,894 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 3,880 คดี และคดีขับเสพ 14 คดี และมียอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ 3 วัน โดยมีการควบคุมเข้มงวด ระหว่าง27-29 ธ.ค.2562 จำนวนทั้งสิ้น 4,601 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 4,452 คดี , คดีขับเสพ 138 คดี , คดีขับซิ่ง แข่งรถ 1 คดี และคดีขับรถประมาท 10 คดี โดยจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ 289 คดี ขอนแก่น 254 คดี และมหาสารคาม 237 คดี
วันเดียวกันนี้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานอุบัติเหตุบนโครงข่ายคมนาคม สะสม 3 วัน (วันที่ 27-29 ธ.ค.2562) พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 916 ครั้ง ลดลง 5.27% มีผู้เสียชีวิต 105 คน ลดลง 26.06% บาดเจ็บ 1,037 คน ลดลง 2.35% โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ คือ การขับรถเร็วเกินกำหนด 54.37% ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ 31.91% และบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือทางตรง 63.97% โดยนนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาทุกคนที่ปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่เดินทางในช่วงนี้ พร้อมกำชับให้ทำหน้าที่ตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้จำนวนอุบัติเหตุลดน้อยลงให้มากที่สุด และยังได้ ฝากความห่วงใยมายังประชาชน ขอให้ทุกคนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัวให้มีความสุขมากที่สุด
