xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯฝาก ปชช.ใช้สติ-เดินทางปลอดภัยปีใหม่ ขอทุกฝ่ายช่วยลดอุบัติเหตุเทศกาลให้เป็นศูนย์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วานนี้ ( 26 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลได้นำมาลัยดอกมะลิ มอบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ โดยตัวแทนสื่อฯ กล่าวอวยพรนายกฯว่า ขอให้มีกำลังใจในการทำงาน และการทำหน้าที่ และขอให้นายกฯ มีสติในการทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบอย่างทีเล่นทีจริงว่า "นึกว่าเราไม่มีสติเหรอ สติๆๆ เรามีตลอด แต่อย่าทำให้ฉันสติแตก ถ้าอยากให้เราใจเย็น ก็ต้องหาวิธีการช่วยเราด้วย เพราะมีเรื่องเข้ามาเต็มหัวทุกวัน" โดยนายกฯ ชี้มือไปที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง พร้อมกล่าวว่า
"ทั้งรองนายกฯ และรัฐมนตรี ก็เหนื่อยกันทุกคนให้กำลังใจนายกฯคนเดียวไม่พอ ต้องให้ทั้งครม. และให้กำลังใจคนไทยให้ทำเพื่อประเทศชาติ นั่นคือสิ่งที่เราคาดหวังจากสื่อมวลชน บางครั้งผมหงุดหงิดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ขออโหสิกรรมก็แล้วกัน และต่างคนก็ต่างไปทบทวนว่าต้องทำอย่างไร ปรับตัวกันอย่างไร เพราะเราต้องการความสงบและความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ถ้าเอาเรื่องอะไรต่างๆ มาตีกันตรงนี้ มันจบหมด แก้อะไรก็ไม่ได้"
**นายกฯรับมีการบ้านเพียบปีหน้า
นายกฯกล่าวว่า เมื่อสักครู่ได้ประชุมงบประมาณปี 64 ถือเป็นเรื่องสำคัญ มันมีเรื่องสำคัญมาตลอด อยากให้ทุกคนเข้าใจอะไรที่มีความสนใจก็ถามมา แล้วก็จะมีคำตอบ อย่าไปวิจารณ์กันเองโดยไม่มีพื้นฐาน และขอขอบคุณสื่อทุกคน และขอส่งต่อพวงมาลัยนี้ให้ นายสมคิด และให้นายสมคิด ส่งต่อให้นายอุตตม เพื่อให้ไปไหว้พระ และขอให้ทุกคนมีความสุข เดินทางปลอดภัย คิดอะไรก็ขอให้สมปราถนาทุกประการ ร่างกายแข็งแรง ใครยังไม่มีครอบครัวก็ขอให้มี ใครที่ครอบครัวยังไม่เรียบร้อย ก็ขอให้เป็นคนดี และเย็นวันนี้จะไปส่งประชาชนกลับภูมิลำเนา ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หมอชิต ขอฝากให้ทุกคนมีสติในการเดินทาง ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง ทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก เขาต้องใช้กฎหมาย ก็มีแค่นั้น เพราะไม่ได้นั่งรถไปด้วย ตัวเองจึงต้องรู้ตัวเองในการเดินทาง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในเรื่องนี้ ขอให้ทำถวายพระองค์ท่าน ให้ทุกคนปลอดภัย พระองค์ทรงหวังแค่นั้น มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำในปีหน้า ขณะนี้ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ไม่มีอะไรที่จะดีไปทั้งหมดหรือเลวไปทั้งหมด ทำอย่างไรให้ดีขึ้นมากกว่าที่ไม่ดี คือสิ่งที่ต้องช่วยกันแก้ไข

** "บิ๊กป้อม" แจกที่ดิน "มอบสิทธิ มอบสุขฯ ”
วันเดียวกัน พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม "มอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำกิน" ตามโครงการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ณ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.อ.ประวิตร กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมโครงการว่ารัฐบาลนี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจจริงและให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรตลอดจนผู้ยากไร้มาอย่างต่อเนื่อง ยืนยันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม และยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนในการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย การป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดินจากการจำนอง การขายฝาก ตลอดจนการส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ครั้งนี้ มีเกษตรกรและคนยากจนที่ได้รับสิทธิ จ.น.324 ครัวเรือน จากพื้นที่ 4 ภาค คิดเป็นที่ดินรวม 2,375ไร่
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณเกษตรกรที่ให้ความไว้วางใจหน่วยงานของรัฐในการเข้ามาช่วยเหลือ โดยเน้นย้ำว่าโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ทุกโครงการจะต้องน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เรื่อง "ศาสตร์พระราชา" มาเป็นหลักปฏิบัติในการพัฒนาที่ดินทำกิน ซึ่งถือเป็นมงคลสูงสุดสำหรับพี่น้องเกษตรกร และคนยากจนทุกคนจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันในการประกอบอาชีพ เพื่อจะได้รักษาสิทธิในที่ดินทำกินของตนที่รัฐบาลมอบคืนให้แล้วในวันนี้ และเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบไป พร้อมขอให้สถาบันบริหารฯ มีมาตรการติดตามประเมินผล และให้คำแนะนำช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป
** “บิ๊กตู่” เปิดงานเมาไม่ขับฯที่ “หมอชิต”
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารผู้โดยสารภาคกลาง ชั้น 1 สถานีขนส่งหมอชิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานก่อนรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ปลอดภัย เมาไม่ขับ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม, นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ประธานคณะกรรมการจัดโครงการปีใหม่ เมาไม่ขับ ร่วมโครงการ ทั้งนี้ สถิติอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่เมื่อปี 2562 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิต 463 คน บาดเจ็ด 3,892 คน สาเหตุหลักใหญ่เกิดจากการเมาแล้วขับขับรถเร็ว ง่วงแล้วขับ และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด การไม่สมหมวกกันน็อก การฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

** “มูลนิธิเมาไม่ขับ” เสนอใช้ยาแรง
ขณะที่ น.พ.แท้จริง กล่าวว่า มูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์และนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อขอเสนอให้พิจารณาแก้ไขบทลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับชนคนตาย จากจำคุกตั้งแต่ 3- 10 ปี เป็นจำคุกตั้งแต่ 12 -15 ปี แม้ผู้ก่อเหตุรับสารภาพและศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังต้องถูกจำคุกอย่างน้อย 5 ปีซึ่งตามกฏหมายไม่สามารถรอลงอาญาได้ อันจะส่งผลให้ผู้ที่เมาแล้วขับเกิดความเกรงกลัวมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากมีบทลงโทษที่รุนแรง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีฐานะเช่นไรก็จะได้รับโทษที่รุนแรงคือโทษจำคุกเสมอหน้ากัน นอกจากนี้แล้วในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ทางมูลนิธิฯ ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการกับสถานประกอบการ ร้านค้า ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มกินแล้วไปเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาสถานประกอบการร้านค้าไม่ได้รับบทลงโทษใดใดทั้งที่กฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี
“ปีใหม่ 2563 นี้มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอเสนอให้กรณีที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเสียชีวิต ต้องมีการสอบสวนดำเนินคดีกับสถานประกอบการและร้านค้าด้วยนอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อเมาแล้วขับเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาเป็นต้นในการต่อสู้คดีกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากคนเมาแล้วขับรถและไม่ทราบว่าจะต่อสู้อย่างไร โดยทีมทนายอาสาที่มีประสบการณ์ในคดีอุบัติเหตุจราจรมานานโดยไม่คิดมูลค่ามูนิธิเมาไม่ขับคาดหวังจะสามารถนำความยุติธรรมและความเป็นธรรมกลับมาและไม่ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำสองอีกต่อไป โดยสามารถติดต่อขอคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-4439953 ID ไลน์ 08144399530 ช่วยเหลือเหยื่อเมาแล้วขับ” น.พ.แท้จริงกล่าว โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรี ฟังรายงานจากนพ.แท้จริงเสร็จ ก็ได้กล่าวแซวว่า "ถ้าไม่แน่จริงคงไม่ชื่อนี้ ผมอยากจะเปลี่ยนชื่อเหมือนกันเป็นจริงใจ เข้าท่าไหม เพราะใจนายกฯ ไม่มีอะไร มีแต่อยากให้ทุกคนปลอดภัยและเดินไปข้างหน้า"
**วอนรักตัวเอง-รักครอบครัว-รักคนอื่น
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า สำหรับมาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยนั้นไม่ใช่แค่เทศกาลปีใหม่ แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง โดยการผสมผสานบูรณาการจากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รวมถึงในเรื่องการจราจรและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตนเห็นยังมีความขัดแย้งบ้างเช่น เมาแล้วบอกไม่เมา ขนาดเป่าแล้วเดินไม่ตรงก็ยังบอกไม่เมา เจ้าหน้าที่ก็โดนเล่นงาน แต่ตอยนี้ดีที่มีกล้องจำนวนมาก อย่างไรก็ตามขออย่าขัดแย้ง แต่ต้องช่วยกันป้องปราม ที่สำคัญคือต้องแก้ที่ต้นทาง ขณะที่วันนี้มีการสูญเสีย 30 ต่อ 1 แสนคน ซึ่งตามปฏิญญามอสโกต้องลดลงให้เหลือ 20 คน แต่สำหรับตนไม่ว่าจะ 10 คน 20 คน หรือจำนวนเท่าไหร่ก็รู้สึกเสียใจทั้งสิ้น ที่เห็นคนพิการนั่งรถเข็น อีกทั้งการสูญเสียก็มีทั้งผู้ขับขี่มอไซค์ รถส่วนตัวและรถโดยสาร ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่ควรสูญเสียต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ต่อให้มีเครื่องมือมากมายหรือมีมาตรการใดออกมาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ หากไม่เริ่มแก้ที่จิตสำนึกทุกคน โดยยึด 3 อย่าง คือ รักตัวเอง รักครอบครัว และรักคนอื่นที่ขับรถบนท้องถนน ต้องไม่ดื่มแล้วขับโดยเฉพาะพลขับ เพราะไม่ได้ตายคนเดียว จะพาคนอื่นตายด้วย จึงต้องรับผิดชอบคนอื่นด้วย ทำไมเราไม่ทำให้เทศกาลหรือวันหยุดต่างๆเป็นเทศกาลแห่งความสุข ขณะเดรยวกันประเทศเราถนนหนทางดีกว่าหลายประเทศ เมื่อถนนดีรถเยอะขึ้นมีบิ๊กไบค์อะไรต่างๆ มีคนเจ็บคนตาย ดังนั้นทุกคนต้องมีสติ ไม่เช่นนั้นพระก็ช่วยไม่ได้ ถ้าขับ เกิน 80 พระไม่อยู่หลวงพ่อคูณก็กระโดดแล้วบอก"กูก็ไม่อยู่หรอก" อย่างไรก็ตามปัญหาทุกปัญหาเกี่ยวพันยึดโยงกันทั้งหมด ซึ่งปัญหาประเทศชาติมีมากมากย รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง แต่ทุกอย่างต้องแก้ด้วยความร่วมมือพวกเราทุกคน ตนคาดหวังว่าปีใหม่นี้ต้องลดอุบัติเหตุและความสูญเสียให้ได้มากที่สุดเป็น 0 เปอร์เซ็นจะได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้เริ่มติดตามผลแล้ว ขอให้ลดให้ได้มากที่สุดหรือไม่ให้เกิดขึ้นเลย
** “ในหลวง” ทรงห่วงใยคนไทยทุกเทศกาล
นายกฯ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ตนก้าวพลาดที่กระทรวงกลาโหม เพราะใจตนคิดเร็วมาถึงที่นี่ จึงก้าวพลาดทำให้เจ็บขา ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร จึงได้แต่โทษตัวเองคิดเร็วไปทำให้ไม่มีสติ ดังนั้นทุกคนต้องคิดแบบมีสติ นึกถึงหน้าลูกและภรรยาด้วยบางอย่างมันรวดเร็วไม่ทันระวัง ขณะเดียวกันต้องถอดบทเรียนที่ผ่านมา พร้อมนำแบบอย่างที่ดีของต่างประเทศมาปรับใช้ ซึ่งเวลาไปต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป ตนไม่เห็นมีการปาดซ้ายแซงขวามากนัก แต่ก็ไม่ได้โทษมอเตอร์ไซค์ โทษใครไม่ได้ ตนรักทุกคนอยู่แล้วเพราะทุกคนคือครอบครัวคนไทย วันนี้ต้องสร้างครอบครัวของเราให้ได้ คือครอบครัวประเทศไทย ซึ่งเวลามีคนอวยพรปีใหม่ให้ตนและครอบครัว ก็จะบอกว่าวันนี้ครอบครัวตนใหญ่ขึ้น เป็นครอบครัวครม.และคนทั้งประเทศ ถ้าทุกคนรู้สึกว่าเราคือครอบครัวเดียวปัญหาจะแก้ได้หมด ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตนไม่ได้เดินทางไปไหน แต่จะคอยติดตามผล พร้อมสวดมนต์ให้ทุกคนปลอดภัยให้ประเทศมั่นคงและมั่งคั่งเพราะนี่คือประเทศของเรา
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับสั่งถึงความห่วงใยมาถึงประชาชนชาวไทย ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยรักษาความปลอดภัยในทุกเทศกาล โดยต้องลดการบาดเจ็บสูญเสียให้ได้ ขอให้ทุกคนน้อมรับไว้ใส่เกล้า” นายกฯ กล่าว
** ใครตายแม้แต่คนเดียวก็เสียใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ปี 63 ขอของขวัญปีใหม่คนไทยทุกคนให้มีสติ ขับรถปลอดภัย ไม่ดื่มสุรา ไม่คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ถ้าทำได้ ปีใหม่จะเป็นเทศกาลแห่งความสุขอย่างแท้จริง และหวังว่าปีหน้าเราจะมีความสุขมากกว่าปีนี้ ซึ่งความสุขอยู่ที่ใจและอยู่ที่ความพอเพียง ซึ่งน่าจะภาคภูมิใจมากกว่าคนรวยที่ทุจริต นอกจากนี้เน้นย้ำเรื่องการขับรถเร็วและขับอย่างคึกคะนอง ขณะที่รถทัวร์โดยสารตนอยากฝากให้ช่วยคิดว่า รถมีความสูงเกินไปไม่เหมาะเดินทางไกลหรือไม่ ควรปรับให้ปลอดภัยขึ้น
"ผมไม่พูดอะไรให้เสียหาย แต่เราทุกคนต้องปรับตัว ทั้งรัฐ เอกชนและประชน เพราะวันนี้โลกไม่เหมือนเดิม ขอให้เทศปีใหม่นี้เป็นเทศแห่งความสุขและความปลอดภัยบนท้องถนน และมีความสุขกันที่บ้าน วันนี้ทุกอย่างต้องสร้างความเข้าใจเราจะขัดแย้งกันไม่ได้อย่างแท้จริง นอกจากouhได้ย้ำฝ่ายความมั่นคงและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ รวมถึงกำลังทหารกว่าหมื่นคนที่ดูแลชายแดน เขาอยู่มาเป็นปีๆ ไม่ได้กลับบ้าน ถือเป็นการเสียสละ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา มีการสูญเสียมากกว่านี้ รวมถึงเรื่องอธิปไตยอะไรต่างๆ เพราะนี่คือครอบครัวคนไทย ใครตายแม้แต่คนเดียวผมเสียใจ เพราะทุกคนเป็นคนไทย"นายกฯ กล่าว

** “บิ๊กตู่” ไม่ฉุน “ชาวบ้าน” บอกเบื่อนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทักทาย รวมทั้งเยี่ยมบูธต่างๆที่มาให้บริการประชาชน ก่อนเดินไปดูการทดลองการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ บริเวณชานชาลา 1-3 โดยได้ทำการตรวจวัด นายจงกลรัตน์ ฉ่ำมณี พนักงานขับรถดีเด่นของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งจากการทดสอบก็ผ่านเกณฑ์ จากนั้นพล.ประยุทธ์ ได้ทดลองเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยตนเอง นายกฯ กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ยังไงก็ชัวร์ ชัวร์ว่าไม่เมาเหล้า หลายคนบอกผมเมาหมัด ระวังเถอะ ระวัง” จากนั้นนายกฯ ได้เป่า และพบว่าปริมาณแอลกอฮล์เป็นศูนย์ แต่จริงๆ ผมว่าน่าจะติดลบด้วยซ้ำไป เพราะไม่ได้ทานเหล้า
จากนั้น นายกฯ ได้เครื่องป้องกันการหลับใน ซึ่งจะสั่นเมื่อผู้ขับขี่หลับและสับปะงก ก่อนที่จะขึ้นไปรถบขส. เพื่อตรวจความเรียบร้อย และเดินขึ้นมาบนชั้น 3 ของผู้โดยสารเป็นชั้นพักคอยของผู้โดยสารเพื่อเดินทางต่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้เดินทักทายพร้อมแจกชุดยาสำหรับเดินทาง รวมทั้งลูกอมให้กับผู้โดยสาร นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า อีสานบ้านเฮา ตนก็เป็นคนอีสาน แต่เว้าไม่ค่อยได้ ลืมเกือบหมดแล้ว แต่กินปลาร้าเป็น กินข้าวเหนียวแล้วต้องจับหู ก่อนจะอวยพรขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัย และมีความสุขตลอดไป พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้รักประเทศชาติ รักประเทศไทย และระวังกระเป๋าอย่าให้ถูกมิจฉาขโมย
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งระหว่างเดินทักทายประชาชนแสดงออกผ่านสีหน้าว่าไม่พอใจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นของที่ระลึกให้ ซึ่งประชาชนรายนั้นก็รับของไหว้ และนายกฯ ถามว่า “เบื่อนายกฯ ใช่ไหม” ซึ่งประชาชนคนดังกล่าวพยักหน้ารับ จากนั้น นายกฯ กล่าวว่า “เบื่อใช่ไหม โอเค ไม่เป็นไร คุณเบื่อผมอย่างไร ผมก็เบื่อคุณไม่ได้ เพราะคุณเป็นคนไทย จำไว้ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เบื่อ”
ทั้งนี้ ในตอนท้ายนายกฯ กล่าวว่า ขอให้สื่อทุกคนช่วยกันประชาสัมพันธ์ และขอให้ถือว่านายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ได้ฝากชีวิตไว้ด้วยกับทุกคนและขอให้คิดว่านายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีทั้งหมดนั่งรถไปด้วยก็แล้วกัน จะได้ระมัดระวังกัน ไม่อยากให้เคารพกฎหมายเพียงอย่างเดียว จิตใจก็ต้องพร้อมยอมพลีในการดูแลคนอื่นด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น