xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่”รุกชิงมวลชน ตีโต้เกมป่วนนอกสภา!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**"ผมยังอยู่อีกนาน อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อน" เป็นวาทะแห่งปี ที่บรรดานักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลยกเอาคำพูดของ“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโหวตเอาไว้ แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่ค่อยปลื้มกับฉายา“อิเหนา(เป็นเอง)”สักเท่าไหร่ หรือ รัฐบาลเชียงกง ก็ตาม แต่เมื่อทุกอย่างจำต้องเดินหน้าต่อไป ก็ต้องสลัดความไม่พอใจเอาไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลของเขาเริ่มถูกกดดันทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและนอกสภาฯ โดยเป้าหมายหลักพุ่งมาที่ตัวเขาในฐานะศูนย์กลางอำนาจในเวลานี้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ “เกมนอกสภา”ที่มีการประเมินแล้วว่า นับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไปแรงกดดันจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
สำหรับเกมการเมืองในสภาฯ แม้ว่าในช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ถูกฝ่ายค้านขึ้นบัญชีไว้แล้วว่า จะต้องถูกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจเอาไว้แล้ว โดยเขาเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะต้องถูกซักฟอกแน่นอน ซึ่งก็ถือว่าเป็น “ศึกใหญ่”ครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญในฐานะนักการเมืองตามระบบรัฐสภา
แม้ว่าก่อนหน้านั้น ในราววันที่ 8 มกราคม จะมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระที่สอง-สาม เข้าสู่การพิจารณา และถือเป็นบททดสอบล่วงหน้าก่อนจะถึงศึกใหญ่ดังกล่าว แต่สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 63 หากพิจารณาในเรื่องความสำคัญก็ถือว่าไม่เบาเหมือนกัน เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมา ถูกคว่ำในวาระสาม ก็ต้องลาออก หรือไม่ยุบสภาเป็นทางเลือกเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินจากจำนวนเสียงในสภาฯ ที่เริ่มไหลเทมาทางฝ่ายรัฐบาลมากขึ้น อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็มีเพิ่มจากฝ่ายค้านเข้ามาเกือบ 10 เสียง มันก็ทำให้พ้น“เสียงปริ่มน้ำ”ขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน จึงพอได้หายใจหายคอ
** ดังนั้นเกมในสภาฯ แม้ว่าจะยังหนักหน่วง แต่ตราบใดที่สามารถควบคุมเสียงได้ มันก็พอเอาตัวรอดได้
แต่ที่น่าจับตาก็คือ “เกมป่วนนอกสภา”ที่คาดว่าจะต้อง“แรง”ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากต้องการเพิ่มดีกรีให้ร้อนแรง เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าทุกสายตากำลังมองความเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังมีการเคลื่อนไหวในแบบที่เรียกว่า “ออกนอกหน้า”ไม่มีการปิดบังกันอีกแล้ว
เริ่มจากการที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศระดมมวลชนลงสู่ท้องถนน ในลักษณะ “แฟลชม็อบ”คือมาเร็วไปเร็ว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการนัดชุมนุมแบบกะทันหัน แต่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความกดดันโดยตรงหลังจากที่ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีปล่อยเงินกู้ให้กับพรรค ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว และให้พรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงภายใน15วัน
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกคดีที่ต้องลุ้นก็คือ คดีที่ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องล้มล้างการปกครองที่ล่าสุดศาลฯ ได้นัดวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคมปีหน้า โดยคดีดังกล่าว นอกจากพรรคอนาคตใหม่แล้ว นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค รวมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ถูกร้องดำเนินคดี
**ทั้งสองคดีนี้ ถือว่าหากผลออกมาเป็นลบจะมีผลตามมาใหญ่หลวง นอกเหนือจากยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้ว อาจจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมา นั่นหมายถึงเสี่ยงคุกตามมาอีกด้วย
เมื่อเดิมพันสูงแบบนี้ แน่นอนว่ามันก็ต้องมีการเคลื่อนไหว เหมือนกับที่เห็นในเวลานี้ ที่มีพวกแกนนำพรรคอนาคตใหม่เคลื่อนไหวสร้างกระแสกันทุกทาง ซึ่งหลายคนมองว่านี่คือเกมที่สร้างความกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะชี้ขาดในคดีสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของพวกเขา
ขณะเดียวกันการประกาศเคลื่อนไหวนอกสภาฯ ที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประกาศนัดชุมนุมอีกรอบในเดือนมกราคม รวมไปถึงคู่ขนานไปกับการจัดกิจกรรมของเครือข่าย เช่น “วิ่งไล่ลุง”รวมไปถึงการเดินสายเคลื่อนไหวในหลายจังหวัดสำคัญ เพื่อโจมตีรัฐบาลและเป้าหมายหลักก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อย่างไรก็ดี สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อว่าต้องรับรู้ถึงเป้าหมายการเคลื่อนไหวดังกล่าว เพราะหากสังเกตก็จะเห็นว่ามีการแก้เกมกันอย่างรัดกุม โดยเฉพาะการ“อิงมวลชน”เพราะเขามั่นใจว่ายังได้แรงเชียร์จากชาวบ้านไม่น้อย ซึ่งสังเกตได้จากการเปิดงาน“ถนนคนเดิน”ทั่วประเทศ ที่ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี ก็ได้ยินเสียงเชียร์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำคณะรัฐมนตรีไปตรวจราชการภัยแล้ง ที่ จ.ชัยภูมิ มีชาวบ้านมาต้อนรับนับหมื่นคน โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำในเรื่องการเป็น “ลูกอีสาน”เป็นลูกหลาน “เจ้าพ่อพญาแล”เนื่องจากมีแม่เป็นคน จ.ชัยภูมิ น่าสังเกตก็คือ เขาได้สร้างความเป็นกันเองกับชาวบ้านและเด็กๆ ที่มาต้อนรับ ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าในทางการเมืองย่อมมองออกว่า นี่คือการ “แก้เกม”ที่พยายามอิงฐานมวลชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ถือว่าเป็นฐานเสียงหลักเช่นเดียวกัน และหากมองว่านี่คือการเปิดเกมรุกเพื่อตีโต้ฝ่ายตรงข้าม ก็น่าจะใช่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น