xs
xsm
sm
md
lg

“ธนาธร”เดินลงถนนเกมสุดเสี่ยงเลือดไหลหมดตัว !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา




มีเสียงวิจารณ์กันระงมกับการประกาศนำมวลชนลงถนนในเดือนมกราคมปีหน้าของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่าเขามีเจตนาส่วนตัวใช่หรือไม่ เพราะการประกาศดังกล่าวทำแบบกระทันหันหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่จากกรณีปล่อยเงินกู้จำนวนกว่า 191 ล้านบาทให้กับพรรค

โดยคราวนั้นเขาได้จัดการชุมนุมในแบบ “แฟลชม็อบ” คือสลายตัวเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นการระดมมวลชนแบบกะทันหันหลังจากสิ้นเสียงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยข้อหาจากการปล่อยกู้เงินดังกล่าว

จากสาเหตุดังกล่าวมาเกี่ยวข้องทำให้ถูกมองว่า นายธนาธร กำลังใช้มวลชนมาเป็นหลังพิงเพื่อต่อรองและกดดันกับศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นถูกมองว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว” ไม่ใช่เรื่องส่วนรวม ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากมวลชนที่เข้าร่วมในวันนั้นก็ไม่ได้มีจำนวนมากตามเป้าหมาย ที่สำคัญมวลชนที่มาส่วนใหญ่ล้วนคุ้นหน้าคุ้นตา นั่นคือเป็นมวลชนของเครือข่ายคนเสื้อแดงที่ล้วนเป็นมวลชนคนสูงอายุ ขณะที่คนอายุน้อยที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีการระบุว่าเป็นฐานสนับสนุนหลักของพรรคอนาคตใหม่กลับมีจำนวนน้อย ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตให้เห็นกันมาแล้ว ดังนั้นลักษณะจึงเป็น “มวลชนยืม” ที่ออกมาร่วมชุมนุมกับ ธนาธร ในครั้งนี้

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ การประกาศของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่าเขาจะนำมวลชนชุมนุมบนท้องถนนอีกครั้งในเดือนมกราคมปีหน้า โดยอ้างว่าเพื่อต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม ซึ่งหากพิจารณากันตามความเป็นจริงมันก็ยังไม่ชัดเจนว่า “ความไม่ยุติธรรม” ที่ว่านั้นมันไม่ยุติธรรมแบบไหน และเป็นเรื่องอะไรกันแน่ เพราะการที่ตัวเองโดนคดีปล่อยกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่จนถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคและศาลก็รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว หรือก่อนหน้านี้เขาก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพจากการเป็น ส.ส.จากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด

คำถามก็คือเรื่องอะไรกันแน่ที่มันไม่ยุติธรรม เพราะทุกเรื่องอยู่ในการพิจารณาของศาล เป็นกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน มีโอกาสได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ และในฐานะที่เป็น “เศรษฐี” ชั้นนำคนหนึ่งของเมืองไทย ครอบครัวก็เป็น “กลุ่มทุน” ยักษ์ใหญ่ ที่มีได้รายได้มีกำไรจากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ หลายพันล้านบาท มีโอกาสจ้างนักกฎหมายรอบตัวมากกว่าใคร น่าจะได้รับความยุติธรรมในกรณีมากกว่าใครด้วยซ้ำไป

นอกเหนือจากนี้ ทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากตัวเขาเองเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเองทั้งสิ้น ไม่ได้มีใครไปกลั่นแกล้ง หรือ”ตามล่า” อะไรทั้งสิ้นตามที่พยายามสร้างกระแสทางลบให้เกิดขึ้น แต่เมื่อพิจารณาจากสังคมรอบข้าง รวมไปถึงเมื่อวัดจากมวลชนที่ออกมาคราวที่แล้วก็ต้องบอกว่าสำหรับตัวเขาแล้วถือว่า “น่าผิดหวัง” เพราะมวลชนที่เป็นเป้าหมายที่อ้างว่าเป็น “คนรุ่นใหม่”นั้นออกมาจำนวนน้อยมาก

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้วมันก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มัน “ไม่ใช่กระแสจริง” หรือมวลชนจริง แต่ที่ผ่านมามันแสดงให้เห็นแล้วว่า “เทมาให้” หรือ “ให้ยืม” อะไรแบบนี้มากกว่า หรือหากมองจากผลการเลือกตั้งก็มีลักษณะคล้ายกันนั่นคือ การที่พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนเลือกตั้ง หรือมีจำนวน ส.ส.ที่ได้จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ตอนนั้นมีจำนวน ส.ส.รวมถึง 81 คน ส่วนสำคัญที่สุดก็คือเป็นผลมาจากการดำเนินยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่ผิดพลาดของ นายทักษิณ ชินวัตร จนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาติ และมีการเทคะแนนมาให้กับพรรคอนาคตใหม่

อย่างไรก็ดีเมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ประกาศนำการชุมนุมลงสู่ท้องถนน และจากการหยั่งเชิงด้วยการชุมนุมครั้งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาในลักษณะ “แฟลชม็อบ” คือสลายตัวเร็ว แต่น่าสังเกตก็คือมวลชนไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งเริ่มมีเสียงประเมินออกมาค่อนข้างตรงกันจากบรรดาอดีตแกนนำม็อบก็ออกมาฟันธงแบบเดียวกันว่า “ไปไม่รอด” และจะตามมาด้วยการที่เขาจะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมเข้ามาอีกเป็นพรวน และที่สำคัญโอกาสชนะแทบมองไม่เห็น เพราะกระแสยังไม่เอาด้วย

ทำให้น่าจับตากันว่า ความพยายามในการสร้างกระแส “วิ่งไล่ลุง”ในต้นเดือนมกราคมปีหน้าที่มองออกว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันกับ ม็อบของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะทำได้แค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ว่าการนำมวลชนลงถนนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดโอกาสที่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการนั้นยาก และหากขู่ว่าต้องแลกมา “ด้วยเลือด” มันก็ยิ่งต้องจับตาว่าใครกันแน่ที่จะเลือดไหลหมดตัว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น