ผู้จัดการรายวัน 360 - "บิ๊กตู่" ยันตัวเลขจ้างงานมีสูงกว่าคนตกงาน พร้อมสั่งกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีต่อเนื่อง ยันนโยบายประชารัฐ เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่ประชานิยม คลัง-ธปท.กำหนดกรอบนโยบายการเงินปี 63 เป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นในช่วง 1-3%
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปี 2563 ว่า เราคาดหวังว่าไตรมาสแรกของปีหน้า น่าจะดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง ทุกประเทศกำลังลำบาก
รัฐบาลเชื่อมั่นว่า โครงการถนนคนเดินทั่วประเทศ จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยทุกพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีการหมุนเวียน ส่วนงานโอทอปซิตี้ 2019 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมมากกว่า 1,372 ล้านบาท ทำลายสถิติรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
"ผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไตรมาส 4 ปีนี้ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผลไปยังไตรมาสแรกของปี 63 รวมทั้งการเน้นการลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่างๆ เกือบแสนล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับมาตรการทางการเงิน ทุกคนทราบดีว่าเรามีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว ซึ่งมีมาจากหลายสาเหตุ โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการการผ่อนคลายว่าจะต้องทำอย่างไร วันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต เพราะไม่เช่นนั้นจะกระเทือนไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ การปลดพนักงาน ธุรกิจปิดตัว รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับไว้หลายด้าน ซึ่งมีโรงงานที่ปิดตัวลงจำนวน 1,480 แห่ง แต่ขณะเดียวกัน ก็มีการเปิดโรงงานใหม่ ๆ มากขึ้นเพิ่มเป็น 3 เท่า มีการจ้างงานใหม่ 178,733 คน มีมูลค่าการลงทุนแสนล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายไปแล้วว่านโยบายของรัฐบาลนี้ ต้องนำเป้าหมายมาเป็นตัวกำหนดในการจัดทำโครงการต่างๆ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือไม่ได้เรียกว่าเป็น ประชานิยม แต่รัฐบาลนี้เราจะแยกแยะทุกอย่างเป็นหมวดหมู่ อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอยันว่า ไม่เหมือนกับประชานิยม เพราะเราไม่ได้ให้ทั้งหมด ถ้าเป็นประชานิยมก็ต้องทำให้คนรักผมทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ หรือการดูแลเด็กตั้งแต่ 0-6 ปี ก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่จะต้องดูแลถึงระดับปริญญา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของประชานิยม
กำหนดกรอบเงินเฟ้อแบบช่วง 1-3%
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการเงินระยะปานกลางที่ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 63 แบบยืดหยุ่นในช่วง 1-3% จากเดิมปี 62 อยู่ในกรอบ 2.5% บวก/ลบ 1.5%
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี หากอัตราเงินเฟ้อออกนอกกรอบเป้าหมายที่ 1-3% จะมีการชี้แจงให้ รมว.คลัง ทราบถึงสาเหตุและมาตรการที่จะดำเนินการให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย
นางนฤมล กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้ ธปท. กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปี 2563 ว่า เราคาดหวังว่าไตรมาสแรกของปีหน้า น่าจะดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง ทุกประเทศกำลังลำบาก
รัฐบาลเชื่อมั่นว่า โครงการถนนคนเดินทั่วประเทศ จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยทุกพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีการหมุนเวียน ส่วนงานโอทอปซิตี้ 2019 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมมากกว่า 1,372 ล้านบาท ทำลายสถิติรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
"ผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไตรมาส 4 ปีนี้ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผลไปยังไตรมาสแรกของปี 63 รวมทั้งการเน้นการลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่างๆ เกือบแสนล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับมาตรการทางการเงิน ทุกคนทราบดีว่าเรามีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว ซึ่งมีมาจากหลายสาเหตุ โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการการผ่อนคลายว่าจะต้องทำอย่างไร วันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต เพราะไม่เช่นนั้นจะกระเทือนไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ การปลดพนักงาน ธุรกิจปิดตัว รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับไว้หลายด้าน ซึ่งมีโรงงานที่ปิดตัวลงจำนวน 1,480 แห่ง แต่ขณะเดียวกัน ก็มีการเปิดโรงงานใหม่ ๆ มากขึ้นเพิ่มเป็น 3 เท่า มีการจ้างงานใหม่ 178,733 คน มีมูลค่าการลงทุนแสนล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายไปแล้วว่านโยบายของรัฐบาลนี้ ต้องนำเป้าหมายมาเป็นตัวกำหนดในการจัดทำโครงการต่างๆ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือไม่ได้เรียกว่าเป็น ประชานิยม แต่รัฐบาลนี้เราจะแยกแยะทุกอย่างเป็นหมวดหมู่ อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอยันว่า ไม่เหมือนกับประชานิยม เพราะเราไม่ได้ให้ทั้งหมด ถ้าเป็นประชานิยมก็ต้องทำให้คนรักผมทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ หรือการดูแลเด็กตั้งแต่ 0-6 ปี ก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่จะต้องดูแลถึงระดับปริญญา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของประชานิยม
กำหนดกรอบเงินเฟ้อแบบช่วง 1-3%
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการเงินระยะปานกลางที่ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 63 แบบยืดหยุ่นในช่วง 1-3% จากเดิมปี 62 อยู่ในกรอบ 2.5% บวก/ลบ 1.5%
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี หากอัตราเงินเฟ้อออกนอกกรอบเป้าหมายที่ 1-3% จะมีการชี้แจงให้ รมว.คลัง ทราบถึงสาเหตุและมาตรการที่จะดำเนินการให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย
นางนฤมล กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้ ธปท. กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วย