xs
xsm
sm
md
lg

คมนาคมยุติข้อพิพาททางด่วน ต่อสัญญา15ปีล้างหนี้5.8หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-"คมนาคม" ยุติข้อพิพาททางด่วน 17 คดี มูลค่า 5.8 หมื่นล้านบาท ชง ครม.วันนี้ ต่อสัญญา BEM 15 ปี 8 เดือน ไม่มีการลงทุนทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) ระบุ 3 สัญญาที่เกี่ยวข้อง จะไปจบพร้อมกันวันที่ 31 ต.ค.78 และยอมให้คงเงื่อนไขขึ้นค่าผ่านทางทุก 10 ปี เผยซุปเปอร์ดิว ต่อรองให้ใช้ทางด่วนฟรี วันหยุดนักขัตฤกษ์ตลอดอายุสัมปทาน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขข้อพิพาท ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้สรุปแนวทางการยุติข้อพิพาท ที่เป็นคดีทางด่วนรวม 17 คดีแล้ว โดยจะมีการต่อขยายสัญญาโครงการทางด่วนเป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน แลกกับการยุติข้อพิพาททั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าที่ 58,873 ล้านบาท โดยไม่มีการลงทุนก่อสร้างปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) โดยจะมีทางด่วน 3 สัญญาที่เกี่ยวข้อง คือ การแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 , สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน D) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด โดยต่อขยายระยะเวลาสัมปทานทั้ง 3 สัญญาออกไปสิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค.2578 (รวม 15 ปี 8 เดือน โดยให้นับจากวันที่สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน AB และ C สิ้นสุดลง เป็นหลัก)

โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 1.การต่อสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน AB และ C ซึ่งสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.2563 ต่อสัญญาเป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน , 2.การต่อสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D ซึ่งสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย.2570 เท่ากับขยายสัญญาออกไปเป็นระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน และ 3.การต่อสัญญาทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (C บวก) ซึ่งสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.2569 ขยายสัญญาออกไปเป็นระยะเวลา 9 ปี 1 เดือน

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ในวันนี้ (24 ธ.ค.) หาก ครม. เห็นชอบ จะแจ้งให้ กทพ. เร่งเจรจากับ BEM เพื่อส่งผลสรุปขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับตามมาตรา 43 และส่งร่างสัญญาที่จะแก้ไขให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา เพื่อดำเนินการแก้ไขสัญญาตามมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 68 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2562 ซึ่งให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค.2563 เพื่อกำหนดการลงนามสัญญาได้ทันก่อนที่สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน AB และ C จะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ก.พ.2563

สำหรับเงื่อนไขหลังลงนามสัญญา ทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องถอนข้อพิพาทที่มีต่อกัน รวม 17 คดี (กทพ.ฟ้อง BEM 2 คดี , BEM ฟ้อง กทพ. 15คดี ) ให้จบก่อนสัญญาจึงจะมีผลบังคับ หรือก่อนที่สัญญาหลักจะสิ้นสุดใน 29 ก.พ.2563

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บอร์ด กทพ. ได้มีการเจรจากับ BEMเพื่อยุติข้อพิพาททางด่วน หลังศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ กทพ. จ่ายค่าชดเชยรายได้ให้ NECL กรณีกรมทางหลวง (ทล.) มีการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ส่วนต่อขยาย ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ในคดีทางแข่งขันทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 4,359,916,478 บาท ซึ่ง กทพ. ได้เจรจากับเอกชนโดยนำข้อพิพาททั้งหมด 17 คดี มาพิจารณา และประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 137,517 ล้านบาท ต่อมาได้มีการเจรจาต่อรอง ค่าเสียหายเหลือ 58,873 ล้านบาท โดยมีการต่อสัญญาให้ 30 ปี ซึ่งเอกชนมีการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และก่อสร้างทางขึ้น-ลง เชื่อมเข้าศูนย์คมนาคมพหลโยธิน และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อแก้ปัญหาจราจร , แบ่งรายได้ กทพ.-BEM ที่ 60-40 ส่วน C บวก เอกชนได้รายได้ 100% , ปรับค่าผ่านทางชัดเจน โดยปรับทุก10ปี (ครั้งละ 10 บาท)

อย่างไรก็ตาม หลังจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ตั้งคณะทำงานและให้ผลเจรจามาวิเคราะห์ตัวเลขให้รอบคอบ โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งเป็นคนกลางประเมินปริมาณจราจรของดอนเมืองโทลล์เวย์ ตั้งแต่เปิดปี 2541 เพื่อคำนวณเป็นรายได้ที่ NECL ควรได้ กรณีที่ไม่มีดอนเมืองโทลล์เวย์ รวมถึงปริมาณจราจรพื้นราบที่เกิดความแออัดและมีโอกาสไปใช้ทางด่วนบางปะอิน เมื่อนำเข้าแบบจำลองมีตัวเลขออกมาที่ 5.8 หมื่นล้านบาท

ขณะที่การเจรจาได้ตัดเรื่อง Double Deck ออก เพราะไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาท และได้เจรจากับเอกชนในการยกเว้นค่าผ่านทางในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่ประกาศโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประมาณปีละ19 วัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มเติมจากการเจรจาเดิม

"ข้อสรุปในการยุติข้อพิพาทนี้ ถือว่ารัฐ โดย กทพ. ไม่เสียประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ เป็นไปตาม มติครม.ที่ให้กทพ.เจรจา อีกทั้งในการหารือเบื้องต้นกับทาง BEM ยินดีในการรับเงื่อนไข ซึ่งหาก ครม. เห็นชอบ จะเจรจาอย่างเป็นทางการ ขณะที่ BEMจะมีขั้นตอนในการดำเนินการในฐานะที่เป็นบริษัท มหาชนด้วย"

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ผลการพิจารณาต่อรอง และตัวเลขค่าเสียหาย ซึ่งประเมินจากปริมาณจราจรบนดอนเมืองโทลล์เวย์ที่เป็นทางแข่งขันสุดท้ายได้มูลหนี้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท และระยะเวลาสัญญาที่ 15 ปี 8 เดือน โดยจะยกเว้นค่าผ่านทางวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งตลอดอายุสัญญาจะมีประมาณ 300 กว่าวัน คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่เอกชนที่ควรได้รับหายไปประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเอกชนยินยอมมอบเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งหาก ครม. พิจารณาเห็นชอบแนวทางนี้ จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ กทพ. จะเจรจากับ BEMตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ทั้งนี้ หาก การลงนามสัญญาไม่ทันกับที่สัญญาทางด่วนจะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ.2563 ยังมีวิธีการจ้าง แบบ O&Mที่ กทพ. จะทำเองหรือจ้างเอกชนเข้ามาทำได้

"แนวทางที่สรุปนั้น สามารถอธิบายต่อ ครม. และสาธารณะได้ว่าตัวเลขมีที่มา มีการวิเคราะห์ ซึ่งในการเจรจามี 3 กลุ่ม คือ กรณีทางแข่งขัน กรณีไม่ปรับค่าผ่านทาง และกรณีผิดสัญญาเล็กๆ น้อย เช่น เปลี่ยนแบบ หรือการเช่าอาคาร ซึ่งในการเจรจาดูอย่างรอบด้าน เอกชนจะเรียกร้องตามที่เห็นว่ามีสิทธิ์ในสัญญา ส่วนภาครัฐ ต้องดูสาเหตุที่เกิดเรื่อง และใครทำให้เกิด ซึ่งจะส่งเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการด้วย ซึ่งทำเรื่องนี้ มา 4 เดือน ข้อสรุปนี้ มั่นใจว่าไม่มีค่าโง่แน่นอน ผมคิดว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว เพราะได้ให้นโยบายว่าทำ โดยไม่ติดคุก และไม่หนีออกนอกประเทศ"นายศักดิ์สยามกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น