ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ช่อ พรรณิการ์”และอนาคตใหม่ แทนที่จะโวย“พุทธิพงษ์” น่าจะแยกแยะและตั้งคำถามกับ“ผู้ร่วมชุมนุม”ที่กระทำมิบังควร คนที่ถูกจับกุม มากกว่า อะไรๆ ก็เอะอะปกป้องพรรค ปกป้องพวกแล้วว่าปกป้องประชาชน แต่การปกป้องสถาบันฯ กลับทำคลุมเครือให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย
"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตอนนี้ นอกจากไล่ล่า“เฟกนิวส์”ที่เกลื่อนกลาดโซเชียลฯ ยังเช็กบิล "ผู้ร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ" ที่สกายวอล์ก เมื่อวันก่อนของพ่อฟ้า "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กระทำมิบังควรรัวๆ โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คก “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์”ว่า “จากการโพสต์ภาพอันมิบังควร และทำร้ายจิตใจคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ทางผมและทีมงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รีบดำเนินการเก็บหลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ จนล่าสุดตอนนี้ทางตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะมีผลต่อรูปคดี ซึ่งถ้าแถลงข่าวได้เมื่อใด ผมจะรีบแจ้งทันทีครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครทนได้ ผมก็เช่นกัน ขอต่อสู้อย่างที่สุด เพื่อปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รักยิ่งของผองไทย"
ว่ากันว่า ผู้ร่วมชุมนุมของแฟลชม็อบธนาธร คนที่ว่านี้ ขณะนั้นเป็นพนักงานของ“โมโนกรุ๊ป”ซึ่งต่อมาแม้โมโนกรุ๊ป จะออกมาชี้แจงและพนักงานที่เป็นปัญหาได้ขอลาออกเอง แต่ในโลกออนไลน์ ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากถึงพฤติกรรมดังกล่าว
เรื่องสถาบันฯ เป็นเรื่องที่คนไทยรักและเทิดทูน การปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งเป็นหน้าที่ของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี คนธรรมดาสามัญต่างก็ต้องช่วยกัน ไม่มีใครยอมได้ งานนี้ต้องชม "พุทธิพงษ์" ที่ทำงานรวดเร็ว แต่เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รูปคดีหรือรายละเอียดต่างๆ อาจจะต้องติดตามกันต่อไป ว่าจะเป็นอย่างไร สังคมย่อมเข้าใจได้
ทว่า "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กลับมองไปอีกด้าน และตั้งคำถามต่อ รมว.ดีอีเอส ทำนองว่า โพสต์นี้ของพุทธิพงษ์ ... นี่คือความตกต่ำของประเทศไทย ใช่หรือไม่ ?
"ช่อ" บอกว่า สถานการณ์นี้น่ากังวลอย่างยิ่ง ว่าแล้วก็เทียบกับ สมัยก่อนเราเห็นพาดหัวที่ยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง จนคนฆ่ากันเองได้แบบนี้ จากหนังสือพิมพ์ “ดาวสยาม”หรือ “วิทยุยานเกราะ”...แต่ปัจจุบันไม่ใช่สื่อแล้วที่ทำแบบนี้ แต่กลับเป็นบุคคลระดับรัฐมนตรี ที่อยู่ในพรรครัฐบาล " ขอถามว่า การทำแบบนี้ในฐานะที่ท่านเองเป็นคนรับผิดชอบข่าวบิดเบือน และการเผยแพร่วาทะเกลียดชัง สมควรหรือไม่ที่บุคคลระดับรัฐมนตรีจะทำแบบนี้ และการที่อยู่ดีๆ ก็โพสต์ว่า มีการจับกุมบุคคลโดยไม่มีการบอกว่า ใช้อำนาจตามกฎหมายข้อใด ข้อหาอะไร เป็นใคร และจับไปไว้ที่ไหน บ้านเมืองนี้ยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่ เราอยู่ในยุคเผด็จการ คสช. หรืออย่างไร"
"ช่อ" ยังว่า รมว.ดีอีเอส พยายามทำให้ประชาชนทั้งประเทศหวาดกลัวในการแสดงออกตามสิทธิ เสรีภาพของตนเอง ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ พรรคอนาคตใหม่ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อยืนยันหลักการที่ว่า "ประชาชน คือผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศนี้" เพื่อยืนยันหลักการที่ว่า ระบอบประชาธิปไตย ต้องยึดมั่นเสรีภาพของประชาชน กิจกรรม เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาเป็นการแสดงออกของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ว่าพวกเขาไม่พอใจกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน...
พูดไปทำไมมี ที่ "ช่อ" พรรณิการ์ ในฐานะโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกโรงแถลงกับสื่อ ตอบโต้ รมว.ดีอีเอส ก็เพื่อปกป้อง "ผู้เข้าร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ" ของธนาธร ของพรรคอนาคตใหม่ นั่นเอง
แน่นอน "อนาคตใหม่" และ "ช่อ" อาจจะมองได้ว่า การทำหน้าที่ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ ภายใต้การกำกับของ"พุทธิพงษ์" จ้องจะทำลายความน่าเชื่อถือของม็อบ และในสายตาของอนาคตใหม่ ก็ต้องบอกว่า แฟลชม็อบของธนาธร เป็นการจัดกิจกรรมการแสดงออกของประชาชน เกิดขึ้นด้วยความเรียบร้อย และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
กรณีนี้ "ช่อ" และ "อนาคตใหม่" น่าจะแยกแยะ และตั้งคำถามกับ“ผู้ร่วมชุมนุม”ที่กระทำมิบังควร คนที่ถูกจับกุม มากกว่าจะมาตั้งคำถามกับ รมว.ดีอีเอส หรือ เอะอะก็ปกป้องพรรค ปกป้องหัวหน้า แล้วอ้างว่าปกป้องประชาชน แต่การปกป้องสถาบันฯ กลับทำคลุมเครือให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย
"อนาคตใหม่"ควรให้ความร่วมมือ เสาะแสวงหาความจริงมาตีแผ่ พิสูจน์เรื่องการปกป้องสถาบันฯ ให้ได้ น่าจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรมากกว่าหรือไม่
สำหรับส่วนตัว "ช่อ" ตอนนี้ก็สะสมคดีเรื่อยๆ ไม่น้อยหน้าหัวหน้าพรรค และ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯพรรค ด้วยพฤติกรรม และวุฒิภาวะแบบห่ามๆ เพียงเพื่อรักษา“ภาพลักษณ์”คนรุ่นใหม่ อย่างไม่ลืมหูลืมตาดูกาล เทศะ หลังโดนเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรี ไปแจ้งความเอาผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหาบิดเบือนข้อความของ“นายกฯลุงตู่”ที่มอบคำขวัญวันเด็ก "ช่อ" กลับมองว่า เป็นเพียงเรื่องตลก
"ช่อ" จะว่าอย่างไรก็คงเป็นสิทธิ แต่สังคมไม่ใช่มีแต่ "สลิ่ม" และ "สนิม" หรอกที่มอง เรื่องนี้ไม่ตลก !!
เพราะคำขวัญวันเด็ก เป็นเรื่องที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ นายกฯ จะมอบให้เด็กวันนี้ ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าได้ซึมซับ ขบคิดตาม ก่อนที่จะถึงวันเด็กสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นสารที่ออกมาให้เด็กๆ มีเวลาท่องเพื่อจดจำมิใช่หรือ
ระวังไว้ ตลกร้ายที่"ช่อ" และ "อนาคตใหม่"ชอบ จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง
ไม่ต้องมองหาอนาคตใหม่ พฤติกรรมวันนี้คนเขาก็พูดกันอึงมี่ ยุบๆ พรรคไปเถอะ ถ้ายังคิดและทำได้แค่นี้ .
** “3 บอยแบนด์” ตู่-หนู-อู๊ดด้า ร้องเพลงโชว์ในงานเลี้ยงข้าวนักข่าวทำเนียบฯ เพื่อย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ก็แต่ละเพลงที่เลือกมา เนื้อหาเด็ดๆ ทั้งนั้น
เข้าสู่โหมดเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เลยถือโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงมื้อเที่ยง สังสรรค์กระชับสัมพันธ์กับสื่อทำเนียบรัฐบาลไปในตัว โดยพารองนายกฯ และรัฐมนตรี มาร่วมด้วย อาทิ รองวิษณุ เครืองาม รองสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ และทีมโฆษกรัฐบาล
ส่วนอาหารที่ทีมงานโฆษกฯไปจัดหาร้านมาออกบูธ ให้เลือกรับประทานก็มี ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวมันไก่ หอยทอด ไอศกรีม ผลไม้ ... ไม่มีรายการหรู หูฉลาม ให้เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนคราวเลี้ยงมีตติ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
ที่นั่งประกบข้าง "ลุงตู่" ก็มีรองนายกฯ ที่ถูกฝ่ายค้านจองกฐินจะเปิดซักฟอกอย่างรองวิษณุ กับรองสมคิด จะขาดไปก็เพียง รัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย ที่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย ... นักข่าวยังช่างสังเกตว่า "ลุงตู่" จะรับประทานน้อย แต่หนักไปทางพูดถึงเรื่องการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง...
"ลุงตู่" ระบายความอัดอั้นที่ถูกวิจารณ์เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ความจริงเศรษฐกิจของประเทศยังดีอยู่ ปีหน้าจะดีขึ้นกว่านี้ เมื่อโครงการต่างๆที่ลงทุนไป จะได้เห็นเป็นรูปธรรม และเมื่องบประมาณปี 63 ผ่านสภาฯ มีผลบังคับใช้ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน... ส่วนเรื่องการเก็บภาษีหลายๆตัว ที่จะมีการปรับปรุงโดยเฉพาะภาษีที่ดินและที่อยู่อาศัยนั้น ไม่ใช่เพราะรัฐบาล "ตูดขาด" อย่างที่มีการพูดกัน แต่การบริหารเศรษฐกิจของชาติมันต้องมีการพัฒนา เป็นขั้นเป็นตอน...
ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองก็ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังมั่นคง เหนียวแน่น แม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 18 พรรค มากที่สุดเท่าที่เคยมีการตั้งรัฐบาลกันมา ขนาดต่างประเทศยังงง ว่าทำได้ไง ...ซึ่ง"ลุงตู่"บอกว่า เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน คุยกันรู้เรื่อง ทำงานได้ เรามีจุดประสงค์เดียวกันคือทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ...คนที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่พยายามหาประเด็นมาบิดเบือน
จากนั้น "ลุงตู่" ก็พูดถึงบทบาทของสื่อว่า อยากให้เสนอข่าวในแนวทางที่ก้าวไปข้างหน้า ถ้านำเสนอแต่ในเชิงลบ ปัญหาก็จะยิ่งเกิดขึ้น แล้วก็จะก่อหวอดไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็จะเป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมา ... สื่อต้องถือเอาประเทศชาติเป็นหลัก เรื่องอะไรที่จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย ก็เบาๆ ลงบ้าง เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องไปขยายให้มันมากนัก ...ที่ผ่านมาอาจมีเรื่องที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ พูดจาไม่ไพเราะ ก็ขออโหสิกรรม ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
หลังช่วงเวลาอาหาร อิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ก็ถึงช่วงบันเทิง ซึ่ง "ลุงตู่"ได้จัดของขวัญ ของรางวัลมาให้จับสลากกัน ปีนี้ก็เป็นเครื่องบันทึกเสียงระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักข่าว... จากนั้นก็เป็นช่วงร้องรำทำเพลงกันโดย "ลุงตู่" จัดไป 3 เพลงรวด เริ่มต้นด้วย เพลง "ศรัทธา" ของศิลปินร็อก "โป่ง" หิน-เหล็ก-ไฟ ซึ่งมีเนื้อหาปลุกความรู้สึกให้ฮึกเหิม ถึงสิ่งที่คิดที่หวัง ให้ฝ่าฟันไปได้ ถ้ามีศรัทธาในหัวใจ .. คงจำกันได้ เพลงนี้มีท่อนฮุกว่า ..."ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ" ... ตามด้วยเพลง "คนดีไม่มีวันตาย" ของศิลปิน ธีร์ ไชยเดช โดย"ลุงตู่"ได้เรียก "รองอนุทิน" และ"รองจุรินทร์" มา ร่วมร้องเพลงด้วย
จากนั้น รองอนุทิน และรองจุรินทร์ ก็ร่วมกันร้องเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" ของศิลปิน "จรัล มโนเพ็ชร" โดยรองอนุทิน บอกว่า "ผมสองคนขอมอบเพลงนี้ให้นายกฯ" ทำให้นายกฯ หัวเราะ ก่อนตอบกลับว่า "หวานซะไม่มี" ก็เนื้อเพลงขึ้นต้นว่า..."อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป..." ได้ยินแล้วลุงตู่ก็อดใจไม่ไหว ออกไปโอบหลังโอบไหล่ รองนายกฯทั้งสองร่วมร้องเพลงด้วย... พอถึงท่อนสำคัญ ที่ว่า "เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน" ช่วงนี้ รองนายกฯได้ชี้ไปที่ "ลุงตู่" ทำเอาลุงตู่ยิ้มเขินเล็กน้อย...
จากนั้น "3บอยแบนด์" ยังร่วมกันร้องเพลง "จับมือกันไว้" ของศิลปิน "เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์" โดยในท่อนที่ร้องว่า... "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป" ทั้ง 3 คนได้หันมาจับมือส่งยิ้มให้กัน ...โดยภายหลังจบเพลง "ลุงตู่" ก็พูดปิดท้ายว่า "ไม่ใช่แค่เราที่จับมือ อยู่ที่พวกเราทุกคนด้วย ต้องร่วมมือไปด้วยกันเป้าหมายถึงจะสำเร็จ" ... จากนั้นก็เป็นคิวของทีมโฆษกสาว ออกมาเขย่าฟลอร์ด้วยเพลง "ขอใจเธอแลกเบอร์โทร" ของศิลปิน "หญิงลี ศรีจุมพล" พร้อมเชิญลุงตู่ ออกมาร่วมแจมด้วย
เป็นอันว่า งานลุงตู่เลี้ยงข้าวนักข่าวทำเนียบฯ จบลงด้วยความชื่นมื่นทุกฝ่าย แต่ไฮไลต์ อยู่ที่ "3บอยแบนด์" ได้โชว์ความเหนียวแน่ของพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านบทเพลงที่ร้อง เพราะแต่ละเพลงคัดมาเด็ดๆ ทั้งนั้น
--------
รูป- พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์- พรรณิการ์ วานิช
-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - อนุทิน ชาญวีรกูล - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร่วมร้องเพลงในงานเลี้ยงข้าวนักข่าว
** “ช่อ พรรณิการ์”และอนาคตใหม่ แทนที่จะโวย“พุทธิพงษ์” น่าจะแยกแยะและตั้งคำถามกับ“ผู้ร่วมชุมนุม”ที่กระทำมิบังควร คนที่ถูกจับกุม มากกว่า อะไรๆ ก็เอะอะปกป้องพรรค ปกป้องพวกแล้วว่าปกป้องประชาชน แต่การปกป้องสถาบันฯ กลับทำคลุมเครือให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย
"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตอนนี้ นอกจากไล่ล่า“เฟกนิวส์”ที่เกลื่อนกลาดโซเชียลฯ ยังเช็กบิล "ผู้ร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ" ที่สกายวอล์ก เมื่อวันก่อนของพ่อฟ้า "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กระทำมิบังควรรัวๆ โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คก “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์”ว่า “จากการโพสต์ภาพอันมิบังควร และทำร้ายจิตใจคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ทางผมและทีมงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รีบดำเนินการเก็บหลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ จนล่าสุดตอนนี้ทางตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะมีผลต่อรูปคดี ซึ่งถ้าแถลงข่าวได้เมื่อใด ผมจะรีบแจ้งทันทีครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครทนได้ ผมก็เช่นกัน ขอต่อสู้อย่างที่สุด เพื่อปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รักยิ่งของผองไทย"
ว่ากันว่า ผู้ร่วมชุมนุมของแฟลชม็อบธนาธร คนที่ว่านี้ ขณะนั้นเป็นพนักงานของ“โมโนกรุ๊ป”ซึ่งต่อมาแม้โมโนกรุ๊ป จะออกมาชี้แจงและพนักงานที่เป็นปัญหาได้ขอลาออกเอง แต่ในโลกออนไลน์ ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากถึงพฤติกรรมดังกล่าว
เรื่องสถาบันฯ เป็นเรื่องที่คนไทยรักและเทิดทูน การปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งเป็นหน้าที่ของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี คนธรรมดาสามัญต่างก็ต้องช่วยกัน ไม่มีใครยอมได้ งานนี้ต้องชม "พุทธิพงษ์" ที่ทำงานรวดเร็ว แต่เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รูปคดีหรือรายละเอียดต่างๆ อาจจะต้องติดตามกันต่อไป ว่าจะเป็นอย่างไร สังคมย่อมเข้าใจได้
ทว่า "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กลับมองไปอีกด้าน และตั้งคำถามต่อ รมว.ดีอีเอส ทำนองว่า โพสต์นี้ของพุทธิพงษ์ ... นี่คือความตกต่ำของประเทศไทย ใช่หรือไม่ ?
"ช่อ" บอกว่า สถานการณ์นี้น่ากังวลอย่างยิ่ง ว่าแล้วก็เทียบกับ สมัยก่อนเราเห็นพาดหัวที่ยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง จนคนฆ่ากันเองได้แบบนี้ จากหนังสือพิมพ์ “ดาวสยาม”หรือ “วิทยุยานเกราะ”...แต่ปัจจุบันไม่ใช่สื่อแล้วที่ทำแบบนี้ แต่กลับเป็นบุคคลระดับรัฐมนตรี ที่อยู่ในพรรครัฐบาล " ขอถามว่า การทำแบบนี้ในฐานะที่ท่านเองเป็นคนรับผิดชอบข่าวบิดเบือน และการเผยแพร่วาทะเกลียดชัง สมควรหรือไม่ที่บุคคลระดับรัฐมนตรีจะทำแบบนี้ และการที่อยู่ดีๆ ก็โพสต์ว่า มีการจับกุมบุคคลโดยไม่มีการบอกว่า ใช้อำนาจตามกฎหมายข้อใด ข้อหาอะไร เป็นใคร และจับไปไว้ที่ไหน บ้านเมืองนี้ยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่ เราอยู่ในยุคเผด็จการ คสช. หรืออย่างไร"
"ช่อ" ยังว่า รมว.ดีอีเอส พยายามทำให้ประชาชนทั้งประเทศหวาดกลัวในการแสดงออกตามสิทธิ เสรีภาพของตนเอง ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ พรรคอนาคตใหม่ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อยืนยันหลักการที่ว่า "ประชาชน คือผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศนี้" เพื่อยืนยันหลักการที่ว่า ระบอบประชาธิปไตย ต้องยึดมั่นเสรีภาพของประชาชน กิจกรรม เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาเป็นการแสดงออกของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ว่าพวกเขาไม่พอใจกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน...
พูดไปทำไมมี ที่ "ช่อ" พรรณิการ์ ในฐานะโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกโรงแถลงกับสื่อ ตอบโต้ รมว.ดีอีเอส ก็เพื่อปกป้อง "ผู้เข้าร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ" ของธนาธร ของพรรคอนาคตใหม่ นั่นเอง
แน่นอน "อนาคตใหม่" และ "ช่อ" อาจจะมองได้ว่า การทำหน้าที่ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ ภายใต้การกำกับของ"พุทธิพงษ์" จ้องจะทำลายความน่าเชื่อถือของม็อบ และในสายตาของอนาคตใหม่ ก็ต้องบอกว่า แฟลชม็อบของธนาธร เป็นการจัดกิจกรรมการแสดงออกของประชาชน เกิดขึ้นด้วยความเรียบร้อย และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
กรณีนี้ "ช่อ" และ "อนาคตใหม่" น่าจะแยกแยะ และตั้งคำถามกับ“ผู้ร่วมชุมนุม”ที่กระทำมิบังควร คนที่ถูกจับกุม มากกว่าจะมาตั้งคำถามกับ รมว.ดีอีเอส หรือ เอะอะก็ปกป้องพรรค ปกป้องหัวหน้า แล้วอ้างว่าปกป้องประชาชน แต่การปกป้องสถาบันฯ กลับทำคลุมเครือให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย
"อนาคตใหม่"ควรให้ความร่วมมือ เสาะแสวงหาความจริงมาตีแผ่ พิสูจน์เรื่องการปกป้องสถาบันฯ ให้ได้ น่าจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรมากกว่าหรือไม่
สำหรับส่วนตัว "ช่อ" ตอนนี้ก็สะสมคดีเรื่อยๆ ไม่น้อยหน้าหัวหน้าพรรค และ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯพรรค ด้วยพฤติกรรม และวุฒิภาวะแบบห่ามๆ เพียงเพื่อรักษา“ภาพลักษณ์”คนรุ่นใหม่ อย่างไม่ลืมหูลืมตาดูกาล เทศะ หลังโดนเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรี ไปแจ้งความเอาผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหาบิดเบือนข้อความของ“นายกฯลุงตู่”ที่มอบคำขวัญวันเด็ก "ช่อ" กลับมองว่า เป็นเพียงเรื่องตลก
"ช่อ" จะว่าอย่างไรก็คงเป็นสิทธิ แต่สังคมไม่ใช่มีแต่ "สลิ่ม" และ "สนิม" หรอกที่มอง เรื่องนี้ไม่ตลก !!
เพราะคำขวัญวันเด็ก เป็นเรื่องที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ นายกฯ จะมอบให้เด็กวันนี้ ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าได้ซึมซับ ขบคิดตาม ก่อนที่จะถึงวันเด็กสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นสารที่ออกมาให้เด็กๆ มีเวลาท่องเพื่อจดจำมิใช่หรือ
ระวังไว้ ตลกร้ายที่"ช่อ" และ "อนาคตใหม่"ชอบ จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง
ไม่ต้องมองหาอนาคตใหม่ พฤติกรรมวันนี้คนเขาก็พูดกันอึงมี่ ยุบๆ พรรคไปเถอะ ถ้ายังคิดและทำได้แค่นี้ .
** “3 บอยแบนด์” ตู่-หนู-อู๊ดด้า ร้องเพลงโชว์ในงานเลี้ยงข้าวนักข่าวทำเนียบฯ เพื่อย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ก็แต่ละเพลงที่เลือกมา เนื้อหาเด็ดๆ ทั้งนั้น
เข้าสู่โหมดเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เลยถือโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงมื้อเที่ยง สังสรรค์กระชับสัมพันธ์กับสื่อทำเนียบรัฐบาลไปในตัว โดยพารองนายกฯ และรัฐมนตรี มาร่วมด้วย อาทิ รองวิษณุ เครืองาม รองสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ และทีมโฆษกรัฐบาล
ส่วนอาหารที่ทีมงานโฆษกฯไปจัดหาร้านมาออกบูธ ให้เลือกรับประทานก็มี ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวมันไก่ หอยทอด ไอศกรีม ผลไม้ ... ไม่มีรายการหรู หูฉลาม ให้เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนคราวเลี้ยงมีตติ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
ที่นั่งประกบข้าง "ลุงตู่" ก็มีรองนายกฯ ที่ถูกฝ่ายค้านจองกฐินจะเปิดซักฟอกอย่างรองวิษณุ กับรองสมคิด จะขาดไปก็เพียง รัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย ที่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย ... นักข่าวยังช่างสังเกตว่า "ลุงตู่" จะรับประทานน้อย แต่หนักไปทางพูดถึงเรื่องการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง...
"ลุงตู่" ระบายความอัดอั้นที่ถูกวิจารณ์เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ความจริงเศรษฐกิจของประเทศยังดีอยู่ ปีหน้าจะดีขึ้นกว่านี้ เมื่อโครงการต่างๆที่ลงทุนไป จะได้เห็นเป็นรูปธรรม และเมื่องบประมาณปี 63 ผ่านสภาฯ มีผลบังคับใช้ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน... ส่วนเรื่องการเก็บภาษีหลายๆตัว ที่จะมีการปรับปรุงโดยเฉพาะภาษีที่ดินและที่อยู่อาศัยนั้น ไม่ใช่เพราะรัฐบาล "ตูดขาด" อย่างที่มีการพูดกัน แต่การบริหารเศรษฐกิจของชาติมันต้องมีการพัฒนา เป็นขั้นเป็นตอน...
ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองก็ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังมั่นคง เหนียวแน่น แม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 18 พรรค มากที่สุดเท่าที่เคยมีการตั้งรัฐบาลกันมา ขนาดต่างประเทศยังงง ว่าทำได้ไง ...ซึ่ง"ลุงตู่"บอกว่า เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน คุยกันรู้เรื่อง ทำงานได้ เรามีจุดประสงค์เดียวกันคือทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ...คนที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่พยายามหาประเด็นมาบิดเบือน
จากนั้น "ลุงตู่" ก็พูดถึงบทบาทของสื่อว่า อยากให้เสนอข่าวในแนวทางที่ก้าวไปข้างหน้า ถ้านำเสนอแต่ในเชิงลบ ปัญหาก็จะยิ่งเกิดขึ้น แล้วก็จะก่อหวอดไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็จะเป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมา ... สื่อต้องถือเอาประเทศชาติเป็นหลัก เรื่องอะไรที่จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย ก็เบาๆ ลงบ้าง เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องไปขยายให้มันมากนัก ...ที่ผ่านมาอาจมีเรื่องที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ พูดจาไม่ไพเราะ ก็ขออโหสิกรรม ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
หลังช่วงเวลาอาหาร อิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ก็ถึงช่วงบันเทิง ซึ่ง "ลุงตู่"ได้จัดของขวัญ ของรางวัลมาให้จับสลากกัน ปีนี้ก็เป็นเครื่องบันทึกเสียงระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักข่าว... จากนั้นก็เป็นช่วงร้องรำทำเพลงกันโดย "ลุงตู่" จัดไป 3 เพลงรวด เริ่มต้นด้วย เพลง "ศรัทธา" ของศิลปินร็อก "โป่ง" หิน-เหล็ก-ไฟ ซึ่งมีเนื้อหาปลุกความรู้สึกให้ฮึกเหิม ถึงสิ่งที่คิดที่หวัง ให้ฝ่าฟันไปได้ ถ้ามีศรัทธาในหัวใจ .. คงจำกันได้ เพลงนี้มีท่อนฮุกว่า ..."ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ" ... ตามด้วยเพลง "คนดีไม่มีวันตาย" ของศิลปิน ธีร์ ไชยเดช โดย"ลุงตู่"ได้เรียก "รองอนุทิน" และ"รองจุรินทร์" มา ร่วมร้องเพลงด้วย
จากนั้น รองอนุทิน และรองจุรินทร์ ก็ร่วมกันร้องเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" ของศิลปิน "จรัล มโนเพ็ชร" โดยรองอนุทิน บอกว่า "ผมสองคนขอมอบเพลงนี้ให้นายกฯ" ทำให้นายกฯ หัวเราะ ก่อนตอบกลับว่า "หวานซะไม่มี" ก็เนื้อเพลงขึ้นต้นว่า..."อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป..." ได้ยินแล้วลุงตู่ก็อดใจไม่ไหว ออกไปโอบหลังโอบไหล่ รองนายกฯทั้งสองร่วมร้องเพลงด้วย... พอถึงท่อนสำคัญ ที่ว่า "เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน" ช่วงนี้ รองนายกฯได้ชี้ไปที่ "ลุงตู่" ทำเอาลุงตู่ยิ้มเขินเล็กน้อย...
จากนั้น "3บอยแบนด์" ยังร่วมกันร้องเพลง "จับมือกันไว้" ของศิลปิน "เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์" โดยในท่อนที่ร้องว่า... "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป" ทั้ง 3 คนได้หันมาจับมือส่งยิ้มให้กัน ...โดยภายหลังจบเพลง "ลุงตู่" ก็พูดปิดท้ายว่า "ไม่ใช่แค่เราที่จับมือ อยู่ที่พวกเราทุกคนด้วย ต้องร่วมมือไปด้วยกันเป้าหมายถึงจะสำเร็จ" ... จากนั้นก็เป็นคิวของทีมโฆษกสาว ออกมาเขย่าฟลอร์ด้วยเพลง "ขอใจเธอแลกเบอร์โทร" ของศิลปิน "หญิงลี ศรีจุมพล" พร้อมเชิญลุงตู่ ออกมาร่วมแจมด้วย
เป็นอันว่า งานลุงตู่เลี้ยงข้าวนักข่าวทำเนียบฯ จบลงด้วยความชื่นมื่นทุกฝ่าย แต่ไฮไลต์ อยู่ที่ "3บอยแบนด์" ได้โชว์ความเหนียวแน่ของพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านบทเพลงที่ร้อง เพราะแต่ละเพลงคัดมาเด็ดๆ ทั้งนั้น
--------
รูป- พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์- พรรณิการ์ วานิช
-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - อนุทิน ชาญวีรกูล - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร่วมร้องเพลงในงานเลี้ยงข้าวนักข่าว