**อาจจะเรียกว่ามาเร็วปุบปับกว่าที่คิดก็ได้ สำหรับการขับไล่ "4 ส.ส.งูเห่า" ของพรรคอนาคตใหม่ โดยมีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิกพรรคโหวตให้ออกจากพรรคไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา และได้ผ่านมติที่ประชุมส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ประชุมกันในวันที่ 17 ธันวาคม แล้ว
สำหรับส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 4 คน ล้วนเป็น ส.ส.เขตทั้งสิ้น ทบทวนรายชื่ออีกที อันได้แก่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 2 พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 และ น.ส.กวินนาถ ตาคีร์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์
อย่างไรก็ดี เส้นทางหลังจากนี้ของบรรดา 4 ส.ส.ดังกล่าวว่าจะย้ายไปซบกับพรรคการเมืองไหนต่อไป โดยยังมีเวลาอีก 30 วัน ในการหาสังกัดพรรคใหม่ โดยก่อนหน้านี้หลายคนคาดว่าอาจจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่เอาเข้าจริงดูท่าแล้วเป็นไปได้ยาก โดยจะติดปัญหาในเรื่องอัตราส่วนการคิดคะแนน ส.ส.แบบใหม่ที่เรียกว่า “ส.ส.พึงมี”ที่มีรายละเอียดซับซ้อน และสำหรับพรรคใหญ่จะมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวมากกว่าพรรคเล็ก โดยเฉพาะกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคใหญ่
ขณะเดียวกัน เมื่อเป็นพรรคขนาดใหญ่ย่อมต้องมีอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่อาจมีความทับซ้อนกัน อาจเกิดปัญหาตามมาอีก ดังนั้น เมื่อพิจารณาทั้งในด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการนับคะแนน ส.ส.พึงมี และปัญหาทับซ้อนในเขตเลือกตั้ง อาจทำให้มีปัญหาตามมา
นอกเหนือจากนี้ เชื่อว่ายังเป็นการ“ตัดเกม”ของฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการให้สังคมจับตามองว่า หาก 4 ส.ส.ดังกล่าวของพรรคอนาคตใหม่ ย้ายมาเข้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เหมือนกับเป็น “ใบเสร็จ”กลายๆว่า มีการอุปถัมภ์ "แจกกล้วย" เลี้ยงงูเห่าพวกนี้
เมื่อพิจารณาทั้งในด้านกฎหมายและเสี่ยงต่อปัญหาทับซ้อนในด้านพื้นที่กับผู้สมัคร และอดีต ส.ส.เก่าในพรรคแล้ว และเรื่องเกมการเมืองแล้ว อีกทั้งล่าสุด ทางแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยืนยันแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ส.ส.ดังกล่าวจะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
ดังนั้น ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 4 ส.ส. ที่ว่านี้จะต้องย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นที่มีขนาดเล็ก ที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการคำนวณคะแนนจากจำนวน ส.ส.พึงมี และปัญหาทับซ้อนในพื้นที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต แต่ถึงอย่างไรก็คงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างแน่
ขณะเดียวกัน สำหรับพรรคอนาคตใหม่ นาทีนี้ก็ต้องหมายถึง"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่เป็นหัวหน้าพรรค และถือว่าเป็น“เจ้าของพรรค”อีกด้วย งานนี้ก็เหมือนกับการ “โชว์พาว”ในพรรค เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า หากใครคิด “จะหือ”คิดจะลองดี ไม่ทำตามคำสั่งก็ต้องเจอกับความเด็ดขาด ไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเขามั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่คือตัวเขา และเขาเป็นคนสร้างพรรคอนาคตใหม่ด้วยตัวของเขาเอง ด้วยทุนรอนของเขาเอง
นอกจากนี้ ยังโชว์ให้พรรคอื่นได้เห็น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ก็มี ส.ส.งูเห่า ที่โหวตสวนมติพรรคเหมือนกันว่าจะดำเนินการต่อไป อย่างไร
**อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในความเป็นจริงก็คงได้แค่ความ “สะใจ”กันในหมู่คนกันเองในพรรค หรือเป็นการขู่ให้สมาชิกพรรคและส.ส.คนอื่นๆ ในพรรคได้เห็นเป็นตัวอย่าง ไม่เช่นจะต้องเจอแบบเดียวกันอีก แต่สำหรับภาพทางการเมืองที่ออกมานั้น แน่นอนว่า บรรดาแฟนคลับ และผู้สนับสนุน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อาจชอบใจที่ขับส.ส.ดังกล่าวออกไป
แต่ขณะเดียวกัน เมื่อฟังจากเหตุผลหรือข้ออ้างของพวกเขาต่อการโหวตสวนมติพรรคที่ผ่านมา ที่พยามชี้ให้เห็นถึงการยกมือสนับสนุน ร่าง พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลฯ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็น “พระราชประสงค์”ขณะที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่คนสำคัญตั้งใจที่จะคัดค้านทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมา ก็เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย
รวมไปถึงการสวนมติ ด้วยการนั่งเป็นองค์ประชุมในระหว่างการโหวตการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบจากการใช้ มาตรา 44 และคำสั่ง คสช. ที่ผ่านมา ที่พวกเขาอ้างว่าเพื่อให้สภาฯ ดำเนินต่อไปได้ และต่อมาเมื่อผลสำรวจความเห็นที่ออกมาก็ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการเล่นเกมจนทำให้สภาฯล่มหลายครั้ง
**ดังนั้นหากพิจารณากันในทางการเมือง ก็ต้องถือว่ายังไม่สุกงอมพอหรือได้แต้มที่ชัดเจนนัก แต่หากพิจารณากันในด้านตัวเลขทางคณิตศาสตร์ในวันหน้า 4 ส.ส.ดังกล่าว ก็จะมาเพิ่มให้กับฝ่ายรัฐบาลแน่นอน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความผิดที่หากถูกตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาอีกในอนาคต มันก็ยิ่งทำให้ตัวเลขพลิกไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว !!
สำหรับส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 4 คน ล้วนเป็น ส.ส.เขตทั้งสิ้น ทบทวนรายชื่ออีกที อันได้แก่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 2 พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 และ น.ส.กวินนาถ ตาคีร์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์
อย่างไรก็ดี เส้นทางหลังจากนี้ของบรรดา 4 ส.ส.ดังกล่าวว่าจะย้ายไปซบกับพรรคการเมืองไหนต่อไป โดยยังมีเวลาอีก 30 วัน ในการหาสังกัดพรรคใหม่ โดยก่อนหน้านี้หลายคนคาดว่าอาจจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่เอาเข้าจริงดูท่าแล้วเป็นไปได้ยาก โดยจะติดปัญหาในเรื่องอัตราส่วนการคิดคะแนน ส.ส.แบบใหม่ที่เรียกว่า “ส.ส.พึงมี”ที่มีรายละเอียดซับซ้อน และสำหรับพรรคใหญ่จะมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวมากกว่าพรรคเล็ก โดยเฉพาะกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคใหญ่
ขณะเดียวกัน เมื่อเป็นพรรคขนาดใหญ่ย่อมต้องมีอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่อาจมีความทับซ้อนกัน อาจเกิดปัญหาตามมาอีก ดังนั้น เมื่อพิจารณาทั้งในด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการนับคะแนน ส.ส.พึงมี และปัญหาทับซ้อนในเขตเลือกตั้ง อาจทำให้มีปัญหาตามมา
นอกเหนือจากนี้ เชื่อว่ายังเป็นการ“ตัดเกม”ของฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการให้สังคมจับตามองว่า หาก 4 ส.ส.ดังกล่าวของพรรคอนาคตใหม่ ย้ายมาเข้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เหมือนกับเป็น “ใบเสร็จ”กลายๆว่า มีการอุปถัมภ์ "แจกกล้วย" เลี้ยงงูเห่าพวกนี้
เมื่อพิจารณาทั้งในด้านกฎหมายและเสี่ยงต่อปัญหาทับซ้อนในด้านพื้นที่กับผู้สมัคร และอดีต ส.ส.เก่าในพรรคแล้ว และเรื่องเกมการเมืองแล้ว อีกทั้งล่าสุด ทางแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยืนยันแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ส.ส.ดังกล่าวจะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
ดังนั้น ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 4 ส.ส. ที่ว่านี้จะต้องย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นที่มีขนาดเล็ก ที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการคำนวณคะแนนจากจำนวน ส.ส.พึงมี และปัญหาทับซ้อนในพื้นที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต แต่ถึงอย่างไรก็คงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างแน่
ขณะเดียวกัน สำหรับพรรคอนาคตใหม่ นาทีนี้ก็ต้องหมายถึง"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่เป็นหัวหน้าพรรค และถือว่าเป็น“เจ้าของพรรค”อีกด้วย งานนี้ก็เหมือนกับการ “โชว์พาว”ในพรรค เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า หากใครคิด “จะหือ”คิดจะลองดี ไม่ทำตามคำสั่งก็ต้องเจอกับความเด็ดขาด ไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเขามั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่คือตัวเขา และเขาเป็นคนสร้างพรรคอนาคตใหม่ด้วยตัวของเขาเอง ด้วยทุนรอนของเขาเอง
นอกจากนี้ ยังโชว์ให้พรรคอื่นได้เห็น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ก็มี ส.ส.งูเห่า ที่โหวตสวนมติพรรคเหมือนกันว่าจะดำเนินการต่อไป อย่างไร
**อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในความเป็นจริงก็คงได้แค่ความ “สะใจ”กันในหมู่คนกันเองในพรรค หรือเป็นการขู่ให้สมาชิกพรรคและส.ส.คนอื่นๆ ในพรรคได้เห็นเป็นตัวอย่าง ไม่เช่นจะต้องเจอแบบเดียวกันอีก แต่สำหรับภาพทางการเมืองที่ออกมานั้น แน่นอนว่า บรรดาแฟนคลับ และผู้สนับสนุน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อาจชอบใจที่ขับส.ส.ดังกล่าวออกไป
แต่ขณะเดียวกัน เมื่อฟังจากเหตุผลหรือข้ออ้างของพวกเขาต่อการโหวตสวนมติพรรคที่ผ่านมา ที่พยามชี้ให้เห็นถึงการยกมือสนับสนุน ร่าง พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลฯ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็น “พระราชประสงค์”ขณะที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่คนสำคัญตั้งใจที่จะคัดค้านทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมา ก็เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย
รวมไปถึงการสวนมติ ด้วยการนั่งเป็นองค์ประชุมในระหว่างการโหวตการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบจากการใช้ มาตรา 44 และคำสั่ง คสช. ที่ผ่านมา ที่พวกเขาอ้างว่าเพื่อให้สภาฯ ดำเนินต่อไปได้ และต่อมาเมื่อผลสำรวจความเห็นที่ออกมาก็ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการเล่นเกมจนทำให้สภาฯล่มหลายครั้ง
**ดังนั้นหากพิจารณากันในทางการเมือง ก็ต้องถือว่ายังไม่สุกงอมพอหรือได้แต้มที่ชัดเจนนัก แต่หากพิจารณากันในด้านตัวเลขทางคณิตศาสตร์ในวันหน้า 4 ส.ส.ดังกล่าว ก็จะมาเพิ่มให้กับฝ่ายรัฐบาลแน่นอน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความผิดที่หากถูกตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาอีกในอนาคต มันก็ยิ่งทำให้ตัวเลขพลิกไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว !!