ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การแก้ปัญหาอุดรูรั่ว รัฐบาลเรือเหล็กที่ยังแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่ตก จนพลาดท่าเสียทีทางการเมืองไปสองวันติดในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการแพ้โหวตการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44
ที่เสนอโดย"ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการจากพรรคอนาคตใหม่ จากนั้นก็มาเจอกรณี องค์ประชุมส.ส.ในห้องประชุมไม่ครบ จนเกิดสภาฯล่มในวันถัดมา
ในทางการเมือง ทั้งสองกรณีเป็นการเปิดแผลให้เห็นถึงปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่ทำให้การทำงานในสภาฯของรัฐบาลประมาทไม่ได้ เพราะการที่รัฐบาลมีเสียงส.ส.เกินมาแค่ 4-5 เสียง แล้วยังพลาดแบบนี้อีก โดยเฉพาะในวาระสำคัญๆ จะเพราะด้วยความประมาทหรืออะไรก็ตาม ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพรัฐบาลแน่นอน
หนำซ้ำตอนนี้ ล่าสุดก็หายไปอีกหนึ่งเสียง หลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยกรณี กกต.แจกใบเหลือง นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีตนักแสดงชื่อดัง ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ
กับข้อกล่าวหาให้คนใกล้ชิดไปมอบพวงหรีดและเงินใส่ซองช่วยงานศพ 1,000 บาท ต่อประชาชนในพื้นที่ จนศาลสั่งให้ นายกรุงศรีวิไล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่รัฐบาลเสียงอาจหายไปอีกหนึ่งเสียง จากปัญหาคดีความของ "พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์" ส.ส.กำแพงเพชร พลังประชารัฐ อดีตแกนนำนปช. ในเรื่องคดีพังการประชุมอาเซียนซัมมิท พัทยา ที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กลางเดือนมกราคมปีหน้า
ขณะที่การหวังชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ขอนแก่น ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะลงคะแนนกันปลายเดือนนี้เพื่อมาเพิ่มอีกหนึ่งเสียงให้กับฝ่ายรัฐบาล ก็ยังห้าสิบ-ห้าสิบ โอกาสได้ และไม่ได้ พลิกได้ทั้งสองหน้า
จากความแปรปวนของเสียงส.ส.รัฐบาลข้างต้น จึงทำให้ฝ่ายรัฐบาลพยายามหาวิธีการทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยทางการเมือง เพื่ออุดรูรั่วตรงนี้อยู่ อย่างเช่นมีกระแสข่าว "ดีลงูเห่า" กับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางพรรค
ก็ยังแค่พูดคุยเจรจา ต้าอวย แต่ยังไม่ถึงเวลาใช้บริการ ต้องรอให้หน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆวิธีการดังกล่าวถึงถูกนำมาใช้
แต่ที่สำเร็จแล้วเบื้องต้นและดูจะไม่เซอร์ไพรส์มากกนัก ก็คือการได้เสียงส.ส.กลับมาอยู่ฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างแน่ อีกสองเสียงเหมือนช่วงตั้งรัฐบาล นั่นก็คือสองเสียงที่น่าจะมาช่วยเติมเต็มให้วิปรัฐบาลมั่นใจมากขึ้น
คือสองเสียง จาก"มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์" พรรคไทยศรีวิไลย์ และ "พิเชษฐ สถิรชวาล" จากพรรคประชาธรรมไทย ที่ก่อนหน้านี้ ทำฮึดฮัดขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่ภาพที่ทั้งสองคนปรากฏตัวร่วมงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อค่ำวันก่อน น่าจะบ่งบอกอะไรบางอย่างได้แล้วว่า
การไปนั่งกินข้าววงใหญ่ ห้องวีไอพี สโมสรราชพฤกษ์ ในงานเดียวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มันดูดีมีราคามาก แต่ยังวางใจอะไรไม่ได้ เพราะแม้ต่อให้วิปรัฐบาลอาจจะได้สองเสียงกลับมาแบบชัวร์ๆ จาก มงคลกิตติ์ และพิเชษฐ์ มีเสียง 254 เสียง
แต่ล่าสุด ถึงตอนนี้รัฐบาลก็ต้องหายไปอีกสองเสียง จาก"ชัย ชิดชอบ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่ได้เข้าประชุมสภาฯนานแล้ว รวมถึงกรณีของ "นายเกียรติ สิทธีอมร" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ระหว่างการพักฟื้นสุขภาพร่างกาย ไม่สามารถมาประชุมสภาฯได้
ดังนั้น ต่อให้พรรคพลังประชารัฐ ชนะเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่นปลายเดือนนี้ ก็ยังเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอยู่วันยังค่ำ เพราะก็อยู่ที่ประมาณ 254-257 เสียงเท่านั้น
ปัญหาเสียงปริ่มน้ำดังกล่าวจึงยังเป็นปัญหาสุมอก พลเอกประยุทธ์ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐอยู่ตลอดไป เว้นเสียแต่ต้องใช้วิธีการบางอย่างที่อาจได้เห็นในปีหน้า หากดีลเจรจาการเมืองบางสูตรประสบผลสำเร็จ
เช่น การปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่เคยมี "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมีอยู่ 6 เสียง มาร่วมรัฐบาล ถ้าทำได้ แบบนี้ เสถียรภาพรัฐบาลก็มั่นคงมากขึ้น และดูดีกว่าจะไปซื้องูเห่าฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อดีลดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น เวลานี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนไม่ให้สภาฯมีปัญหาแพ้โหวตอีก ด้วยมาตรการตรวจเข้มส.ส. ฝ่ายรัฐบาลห้ามขาด ห้ามลา ห้ามเบี้ยวประชุมสภาฯ
ซึ่งมีข่าวว่า "นายกฯบิ๊กตู่" ขู่ไปยังส.ส.รัฐบาลระหว่างหารือนอกรอบกับรัฐมนตรีหลายคนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า หากสถานการณ์เสียงรัฐบาลไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องปรับครม. หรือไม่ก็ยุบสภาฯ
เสียงขู่นี้สะท้อนว่ารัฐบาลเรือเหล็กเริ่มมีปัญหาแล้วจริงๆ กับสภาวะเสียงปริ่มน้ำ !!