อย่างที่ว่าไว้แล้วเมื่อวานนี้...ว่าการประท้วงลงถนน หรือการจุดไฟในนาคร ที่ลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาในประเทศต่างๆ แทบจะทั่วทุกซีกโลกทุกวันนี้ มันชักออกอาการคล้ายๆ “สงครามในอีกรูปแบบ” ยิ่งเข้าไปทุกที เล่นเอา “รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม” ตามมาตรฐานของคุณพ่ออเมริกา ต้องปั่นป่วนวุ่นวายกันไปเป็นแถบๆ...
เรียกว่า...ไม่ว่าระดับนายกรัฐมนตรีอิรัก “นายAdil Abdul-Mahdi” ที่ถูกตั้งข้อสังเกต ถูกกล่าวหาว่า “โปรอิหร่าน” ถึงขั้นต้องถอนยวง ลาออก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเลบานอน “นายSaad Hariri” ที่ถูกมองว่าค่อนข้างอ่อนข้อให้กับพวกเฮซบอลเลาะห์ ต้องไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี มาตั้งแต่การประท้วงในเลบานอนเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ไปจนถึงประธานาธิบดีโบลิเวีย “นายEvo Morales” ที่ถูกถีบออกจากประเทศ เผ่นหนีไปตั้งหลักที่เม็กซิโกแทบไม่ทัน ฯลฯ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการประท้วงในฮ่องกง ซึ่งเล่นเอาคณะผู้บริหารฮ่องกงไปจนถึงรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ แทบอ้วกแตก อ้วกแตน อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...
ด้วยเหตุนี้...วันนี้คงต้องขออนุญาต “ตามไปดู” รายการประท้วง ในประเทศที่ถือเป็น “ศัตรูคู่กัด” รายสำคัญของคุณพ่ออเมริกา นั่นก็คืออิหร่าน ที่อุบัติขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางๆ พฤศจิกาฯ หรือช่วงประมาณวันที่ 15 พ.ย. หลังจากที่รัฐบาลอิหร่านซึ่งกำลังเดือดร้อนชนิดเลือดตาแทบกระเด็น อันเนื่องมาจากการ “แซงชั่นครั้งประวัติศาสตร์” ของคุณพ่ออเมริกา ที่ออกจะดุเดือดเลือดพล่านเป็นอย่างยิ่ง คือกะจะเอาให้ตายในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี ไม่เว้นแม้แต่เรื่องยาและอาหาร อันส่งผลให้บรรดามวลมนุษย์ชาวอิหร่านทั้งหลายนั่นแหละ ต้องรับกรรมกันไปตามมี-ตามเกิด ด้วยความต้องการที่จะหาเงิน หาทอง มาช่วยเหลือเยียวยาบรรดาคนยาก คนจน ที่ได้รับผลกระทบสูงสุด รัฐบาลอิหร่านเขาก็เลยต้องตัดสินใจออกมาตรการ “ปฏิรูปพลังงาน” เพิ่มราคาค่าน้ำมันที่ใช้ภายในประเทศ ซึ่งออกจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาโดยตลอด จากราคา 10,000 รีอัลต่อลิตร ขึ้นเป็น 15,000 รีอัลต่อลิตร หรือประมาณ 0.13 ดอลลาร์ต่อลิตร หรือลิตรละ 3 บาทกว่าๆ เท่านั้นเอง สำหรับผู้ที่บริโภคน้ำมันประมาณ 60 ลิตรต่อเดือน ส่วนใครที่อยากจะใช้เพิ่ม บริโภคเพิ่ม ก็อาจต้องจ่ายมากหน่อย คือประมาณ 30,000 รีอัลต่อลิตร...
เพียงเท่านี้เท่านั้นเอง...ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นอันลุกพรึ่บบ์บ์บ์ ขึ้นมาโดยทันที เกิดการ “จุดไฟในนาคร” ขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 40 เมืองในอิหร่าน รวมทั้งในเมืองหลวงอย่างกรุงเตหะราน แต่ที่หนักหน่อยน่าจะเป็นเมือง “Mahshahr” เมืองทางใต้แถวๆ รัฐ “Khuzestan” ที่ไม่ใช่แค่เกิดการประท้วง การลงถนนกันอย่างเป็นกิจการ แต่ดันมีประเภท “ชายชุดดำ” โผล่ออกมาป่วนบ้าน ป่วนเมือง หรือโผล่ออกมา “เปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง การประท้วงให้กลายเป็นการจลาจลและการก่อความรุนแรง” อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายไมค์ ปอมเปโอ” ได้บอกเล่าเก้าสิบ หรือได้กล่าวเตือนบรรดา “รัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม” ในสายตาของอเมริกาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นเอง...
การกรูออกมาทำลายทรัพย์สินสาธารณะ จุดไฟเผาธนาคาร ร้านค้า สถานีเติมน้ำมัน ไปจนกระทั่งยิงใส่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย หรือถึงขนาดบุกไปไล่ล่าผู้นำศาสนาท้องถิ่นในเมืองบางเมือง ฯลฯ จึงทำให้รัฐบาลอิหร่านแทบอ้วกแตก อ้วกแตน ไม่น้อยไปกว่ารัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ในทุกวันนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือว่า...รัฐบาลอิหร่านที่เตรียมตัวรับมือกับการประท้วง หรือการจุดไฟในนาครในลักษณะนี้มาโดยตลอด นับตั้งแต่ครั้ง “อาหรับ สปริง” เอาเลยก็ว่าได้ ได้งัดเอา “กรรมวิธี” บางอย่าง มารับมือกับการลุกฮือครั้งนี้ ทันทีที่การจุดไฟในนาครได้อุบัติขึ้นมาในแค่ไม่กี่ชั่วโมง นั่นก็คือมาตรการ “ตัดอินเทอร์เน็ต” ทั่วประเทศ หรือหลังจากบรรดา “ชายชุดดำ” ที่พยายาม “เปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง การประท้วงให้กลายเป็นการจลาจล” ได้เริ่มออกปฏิบัติการ ระบบการให้บริการอินเทอร์เน็ตของอิหร่าน ไม่ว่า MCI, Ringtel, Irancell ฯลฯ มีอันต้องติดๆ ขัดๆ ตะกุกตะกัก และต้องหยุดชะงักเอาดื้อๆ!!!
ทั้งนั้น ทั้งนี้...ว่ากันว่า เป็นเพราะฝีมือของรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในรัฐบาลอิหร่าน คือรัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้มีชื่อว่า “นายโมฮัมหมัด จาวาด อาซารี-จาห์โรมี” (Mohammad-Javad Azari Jahromi) ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิหร่านมาตั้งแต่แรก และออกจะมีความ “เข้าถึง-เข้าใจ” ต่อการก่อรูป ก่อร่างของ “สงครามในรูปแบบใหม่” หรือบรรดาการประท้วง การจุดไฟในนาครยุคหลังๆ ที่มักอาศัยระบบสื่อสารอย่าง “อินเทอร์เน็ต” นี่แหละเป็นเครื่องมือ แทนที่จะอาศัยแกนนำ แกนนั่ง แกนนอน อย่างประเภท “คุณลุงเทพเทือก” “คุณพี่สนธิ ลิ้ม” หรือคุณน้อง “จตุพร ตุ๊ดตู่” คุณน้อง “ณัฐวุฒิ สภาโจ๊ก” ฯลฯ เป็นตัวจุดประกาย จุดระเบิดเหมือนบ้านเราในยุคก่อนๆ...
การตัดระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตแบบทั้งแผง ทั้งประเทศ ไม่เพียงแต่จะทำให้การปลุก การกระตุ้น การนัดหมาย เชื่อมโยงเพื่อนำไปสู่การลุกฮือ ไปจนถึงการออกข่าวลือ ข่าวปลอมใดๆ ทั้งหลาย ต้องหยุดชะงักหัวทิ่มไปโดยทันที แต่ยังทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบเรียบร้อย มีโอกาส “ปิดประตูตีแมว” กันได้แบบถนัดถนี่ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ได้ง่ายๆ และอาจเพราะการอาศัย “กรรมวิธี” ดังกล่าวนี่เอง เลยทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง “การประท้วง” ให้กลายเป็น “การจลาจล” อย่างคุณพ่ออเมริกา จึงออกอาการ “ฉุนขาด” ต่อรัฐมนตรีสารสนเทศอิหร่าน ถึงขั้นต้องออกมาประกาศ “แซงชั่นส่วนบุคคล” ต่อรัฐมนตรีหนุ่มรายนี้เป็นการเฉพาะ พร้อมอายัดทรัพย์สินของ “นายอาซารี” ถ้ามีอยู่ในประเทศใดๆ ก็ตาม ห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมใดๆ กับพลเมืองสหรัฐฯ ห้ามไม่ให้เข้าถึงระบบการเงินใดๆ ที่สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง ฯลฯ ได้โดยเด็ดขาด...
การประท้วงในอิหร่านทุกวันนี้...จึงไม่ค่อยได้ปรากฏเป็นข่าวคราวใดๆ ที่จะทำให้บรรดา “สื่อกระแสหลัก” หรือ “สื่อตะวันตก” ทั้งหลาย หยิบเอาไปซ้ำเติม บดขยี้ ได้มากมายนัก และทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดี “ฮัสซัน โรฮานี” ที่ถูกผู้ประท้วงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง หรือให้ลาออก ก็ยังพอประคับประคองตัวเอาไว้ได้ แม้จะมีข่าวล่า-มาเรือ หรือข่าวลือ ระบุว่าการปราบปรามผู้ประท้วงในอิหร่าน ทำให้คนตายไปแล้วเป็นร้อยๆ หรือประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “ทรัมป์บ้า” ถึงกับพยายามเอาไปแฉโพยในช่วงระหว่างการประชุมนาโต ว่า “ตายไปแล้ว...เป็นพันๆ” โน่นเลย แต่ในเมื่อยังไม่ได้ถือเป็น “ข้อเท็จจริง” อย่างเป็นทางการ ยังไม่ได้มีข้อพิสูจน์ หลักฐาน มีคลิปวิดีโอใดๆ เล็ดรอดออกมาเลยแม้แต่น้อย การ “จุดไฟในนาคร” ในประเทศอิหร่าน ก็เลยทำท่าว่าจะดับวูบลงไปภายในอีกไม่กี่อึดใจนับจากนี้...
ส่วนการอาศัย “กรรมวิธี” ที่ว่านี้...มันจะถูกหรือผิด เหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร อันนั้น...คงต้องไปคิดๆ กันเอาเอง แต่ภายใต้สภาวะที่ “การประท้วง” ในแต่ละประเทศ มันชักจะกลายเป็น “สงครามในอีกรูปแบบ” เข้าไปทุกที ไม่ว่าประเทศไหนต่อประเทศไหน คงหนีไม่พ้นต้องหยิบเอาสิ่งเหล่านี้ มาเป็นบทศึกษา บทเรียน หรือเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้านั่นแหละดี...