วานนี้ (3ธ.ค.) ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดง บุกล้มการประชุมอาเซียนที่ โรงแรมรอยัลคลิฟ เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.52 ที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนพพร นามเชียงใต้, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสมญศฆ์ พรมภา, นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายศักดา นพสิทธิ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือ วันชนะ ชะเอมน้อย หรือ เกิดดี , นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวัลลภ ยังตรง และ นายพิเชฐ สุขจินดาทอง ทั้งนี้ ได้พักคดี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และ นายสุรชัย แซ่ด่าน เนื่องจากหลบหนี
คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ให้จำคุกจำเลยทั้ง 12 คน เป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้อง 1 คน
ต่อมาวันที่ 11 ก.ย.62 ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว ปรากฏว่า จำเลยมาศาลเพียงคนเดียว จึงได้อ่านคำพิพากษาของ นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ
จากนั้นวันที่ 31 ต.ค.62 ได้มีจำเลย 3 คนคือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ , นายสำเริง ประจำเรือ และ นายวรชัย เหมมะ ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาล แต่ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นขอรับสารภาพ และยื่นคำร้องประกอบขอให้ศาลลงโทษสถานเบา รวมทั้งการที่ไม่ได้รับหมายศาลในครั้งแรกด้วย กระทั่งศาลได้กำหนดให้มารับฟังคำพิพากษาใหม่ ในวันที่ 3 ธ.ค.62
วานนี้ นายวรชัย เหมมะ และนายสำเริง ประจำเรือ จำเลย 2 คน ได้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษา ส่วนพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มอบเสมียนทนาย มาขอเลื่อนการรับฟังคำพิพากษา เนื่องจากติดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงที่อยู่ในสมัยการประชุม โดยมี นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. พร้อมกลุ่ม ผู้สนับสนุนและญาติของจำเลยรวมกว่า 10 คน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ
กระทั่งเวลา 15.45 น. นายจตุพร พร้อมกลุ่มผู้สนับสนุน ทนายความ ได้เดินออกจากศาล โดยไม่มี นายวรชัย และนายสำเริง ออกมาด้วย หลังศาลได้อ่านคำพิพากษา
นายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความของจำเลย เปิดเผยว่า กรณีที่จำเลยทั้ง 3 ได้เคยยื่นคำร้องต่อศาล ที่ขอถอนคำให้การปฏิเสธเป็นรับสารภาพ นั้น ปรากฏว่า ศาลได้ยกคำร้องด้วยเหตุว่า ในการยื่นแก้ไขคำให้การเดิม จะต้องดำเนินการยื่นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสิน จึงไม่มีเหตุให้รับคำร้อง หรือยกคำร้องแถลงคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพด้วย
ส่วนการยื่นคำร้องในครั้งนี้ ที่ยื่นต่อศาล ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างเหตุว่า จำเลยมารับฟังคำพิพากษาไม่ครบทั้ง 3 ราย เพราะอีก 1 รายติดภารกิจการประชุมสภาฯนั้น ศาลชี้ว่าไม่มีเหตุ และถึงแม้จะเป็นสมัยการประชุมสภาฯ แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการพิจารณาคดี แต่ถือเป็นการฟังคำสั่งศาล จึงได้ยกคำร้อง ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ให้จำเลยทั้ง 2 รายรับฟังโดยพิพากษารับโทษจำคุก รายละ 4 ปี ขณะที่พ.ต.ท.ไวพจน์ จำเลยอีกรายที่ไม่ได้มานั้น ศาลจะได้ออกหมายจับให้มารับฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค.63
คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ให้จำคุกจำเลยทั้ง 12 คน เป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้อง 1 คน
ต่อมาวันที่ 11 ก.ย.62 ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว ปรากฏว่า จำเลยมาศาลเพียงคนเดียว จึงได้อ่านคำพิพากษาของ นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ
จากนั้นวันที่ 31 ต.ค.62 ได้มีจำเลย 3 คนคือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ , นายสำเริง ประจำเรือ และ นายวรชัย เหมมะ ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาล แต่ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นขอรับสารภาพ และยื่นคำร้องประกอบขอให้ศาลลงโทษสถานเบา รวมทั้งการที่ไม่ได้รับหมายศาลในครั้งแรกด้วย กระทั่งศาลได้กำหนดให้มารับฟังคำพิพากษาใหม่ ในวันที่ 3 ธ.ค.62
วานนี้ นายวรชัย เหมมะ และนายสำเริง ประจำเรือ จำเลย 2 คน ได้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษา ส่วนพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มอบเสมียนทนาย มาขอเลื่อนการรับฟังคำพิพากษา เนื่องจากติดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงที่อยู่ในสมัยการประชุม โดยมี นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. พร้อมกลุ่ม ผู้สนับสนุนและญาติของจำเลยรวมกว่า 10 คน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ
กระทั่งเวลา 15.45 น. นายจตุพร พร้อมกลุ่มผู้สนับสนุน ทนายความ ได้เดินออกจากศาล โดยไม่มี นายวรชัย และนายสำเริง ออกมาด้วย หลังศาลได้อ่านคำพิพากษา
นายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความของจำเลย เปิดเผยว่า กรณีที่จำเลยทั้ง 3 ได้เคยยื่นคำร้องต่อศาล ที่ขอถอนคำให้การปฏิเสธเป็นรับสารภาพ นั้น ปรากฏว่า ศาลได้ยกคำร้องด้วยเหตุว่า ในการยื่นแก้ไขคำให้การเดิม จะต้องดำเนินการยื่นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสิน จึงไม่มีเหตุให้รับคำร้อง หรือยกคำร้องแถลงคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพด้วย
ส่วนการยื่นคำร้องในครั้งนี้ ที่ยื่นต่อศาล ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างเหตุว่า จำเลยมารับฟังคำพิพากษาไม่ครบทั้ง 3 ราย เพราะอีก 1 รายติดภารกิจการประชุมสภาฯนั้น ศาลชี้ว่าไม่มีเหตุ และถึงแม้จะเป็นสมัยการประชุมสภาฯ แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการพิจารณาคดี แต่ถือเป็นการฟังคำสั่งศาล จึงได้ยกคำร้อง ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ให้จำเลยทั้ง 2 รายรับฟังโดยพิพากษารับโทษจำคุก รายละ 4 ปี ขณะที่พ.ต.ท.ไวพจน์ จำเลยอีกรายที่ไม่ได้มานั้น ศาลจะได้ออกหมายจับให้มารับฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค.63
