ผู้จัดการรายวัน 360- "วีระ"ร้อง กมธ.ป.ป.ช. สอบปมที่ดิน "ปารีณา" หลังพบพิรุธมีความพยายามแปลงป่าสงวนเป็น ส.ป.ก. หวังช่วยให้พ้นโทษอาญา "เสรีพิศุทธ์" รับลูก เตรียมตรวจสอบทั้งเรื่องที่ดิน และแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เปรียบ "เอ๋" เป็นลูกแมว ที่เพิ่งเกิดเลยไม่รู้ถึงความร้ายกาจของเสือ ด้าน "บิ๊กป้อม" ยันรัฐบาลไม่มีการอุ้ม บอกตาสีตาสา ก็ใช้มาตรฐานเดียวกัน โยน ก.เกษตรฯ-ก.ทรัพย์ฯ ดำเนินการตามขั้นตอน "ศรีสุวรรณ"ร้อง ป.ป.ช. สอบ 3 ส.ส.พรรคร่วมรัฐฐบาล ครอบครองที่ดินภบท.5 และส.ป.ก.
วานนี้ (27พ.ย.) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน เข้ายื่นคำร้องต่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบและติดตามการดำเนินคดี การบุกรุกป่าสงวนและครอบครองที่ ส.ป.ก. 1,700 ไร่ ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเป็น ส.ส.ของพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีอิทธิพล อาจจะทำให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่กล้าดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ประกอบกับพฤติการณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ส่อว่าอาจมีความพยายามช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้รับโทษทางอาญา เช่นเดียวกับที่มีการตรวจพบการครอบครองที่ดินเพียง 691 ไร่ ทั้งที่ ร.อ.ธรรมนัส พูดเองว่า มีการครอบครองกว่า 1,700 ไร่ ตอนนี้กลับลดลง
"ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส สั่งการให้กรมป่าไม้และส.ป.ก.ไปรังวัดพื้นที่ใหม่อีกครั้ง ก็ขอให้ทำอย่างถูกต้องเพราะถ้าวัดแล้วกลายเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ตามที่มีคนอยากให้เป็น เพื่อไม่ให้ดำเนินคดีอาญากับน.ส.ปารีณา ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก็เตรียมรับผลการกระทำ อย่าคิดว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วจะไม่มีใครทำอะไรได้ รัฐมนตรีอย่าคิดว่าจะไม่ติดคุก" นายวีระกล่าว และขอให้กมธ.ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวถึงการตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ว่า แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.รุกป่า ซึ่งคงต้องรอไว้ก่อนเพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ 2. รายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จซึ่งที่ประชุมกมธ. อาจจะมีมติทำหนังสือไปถึง เลขาธิการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ เพื่อขอบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ปารีณา แจ้งต่อป.ป.ช. ขณะที่เป็นส.ส.ทั้ง 3 สมัย รวมถึงครั้งนี้ด้วย ซึ่งดูแล้วคงเป็นการแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ อย่างเช่น ที่ดิน ภบท.5 เขายืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องป่า ถ้ากรมป่าไม้ หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ดำเนินการ เราก็จะดำเนินการ เพราะสิ่งที่แสดง คือโรงเรือนต่างๆ ที่เลี้ยงไก่ ซึ่งมีการเลี้ยงไก่จำนวนมาก แต่บอกราคาเป็นศูนย์บาท อาคารที่ทำการ ที่ใช้รับซื้อไก่ และไข่ ราคาเป็นศูนย์ อย่างนี้เป็นเท็จหรือไม่
เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณา เป็นหนึ่งในกมธ.ป.ป.ช. จะกระทบกับการสอบสวนเรื่องนี้ หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณทะลึ่งเข้ามาเอง ถ้าไม่พร้อมก็ลาออกไป
"เข้ามาเจอผมก็อย่างนี้แหละ สุภาษิตจีนเขาบอกว่า ลูกแมวไม่กลัวเสือ เพราะลูกแมวเพิ่งเกิดใหม่ มันจะไปรู้เรื่องอะไร พอเจอเสือมันไม่กลัว ถ้าเปรียบน.ส.ปารีณา ก็เหมือนลูกแมว ส่วนผมใหญ่กว่าเสือ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลพยายามจะอุ้มคดีที่ดินฟาร์มไก่ ของ น.ส.ปารีณา ว่าเจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันอยู่ ยืนยันรัฐบาลไม่มีการอุ้มแน่นอน
"จะไปอุ้มอะไรได้อย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบกันอยู่ใครจะไปอุ้มอะไรได้ วันนี้จะไปเอื้อประโยชน์ทางกฎหมายได้อย่างไร ในส่วนรายละเอียดผมไม่ทราบ โดยเฉพาะข่าวที่ว่าคุณปารีณา จะนำที่ดินบางส่วนไปอยู่ในพื้นที่ส.ป.ก. ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันฝ่ายบริหารไม่มีใครเข้าไปยุ่ง" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ส่วนที่ น.ส.ปารีณา ขอให้มีการตรวจสอบ รังวัดที่ดินใหม่ ทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งสองกระทรวง ต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เมื่อถามว่า แล้วหากเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณา จะสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทำได้เหมือนกัน
เมื่อถามว่า สังคมกำลังวิจารณ์ว่านักการเมืองในสังกัดรัฐบาล จะได้รับการเลือกปฏิบัติ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป อาจติดคุกไปแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เฮ้ย! พวกคุณพูดกันไปเอง จะไปติดคุกได้อย่างไร ยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จึงไม่มีทาง ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือชาวบ้าน ก็ยังไม่ติดคุกทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอนแล้วถึงจะมีการดำเนินคดี แม้จะมีการแจ้งความแล้วก็ต้องไปตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อนให้เรียบร้อยก่อนที่จะตัดสิน อยู่ดีดีจะเอาคนไปติดคุกได้อย่างไร ไม่มีหรอก" พล.อ.ประวิตร กล่าว
จี้สอบ3ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลฮุบที่ภบท.5-สปก.
ในวันเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อป.ป.ช. ให้ไต่สวน สอบสวนเอาผิด นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีที่ดิน ภบท.5 อยู่ 2 แปลงจำนวน 200 ไร่ นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย มีที่ดิน ส.ป.ก. 3 แปลงรวม 67 ไร่ มีที่ดิน ภบท.5 ถึง 13 แปลงรวม 133 ไร่ และ นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ มีที่ดิน ภบท.5 อยู่ 2 แปลง รวม 498 ไร่ โดยที่อาจจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งที่ดิน ภบท.5 นั้น เป็นเพียงเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีดอกหญ้า)ไม่ใช่เอกสารแสดงสิทธิครอบครองที่ดิน เพราะเจ้าของที่ดิน ยังคงเป็นของทางราชการอยู่ เพียงแต่อาจจะให้มีการใช้ประโยชน์ชั่วคราว แต่ไม่ถือว่าผู้ที่ใช้ประโยชน์นั้นเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งปัจจุบัน มีคำสั่งกรมการปกครอง เมื่อปี 2551 ได้สั่งให้ยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว เพราะปัญหาคือ ส่วนมากเป็นที่ป่าสงวน การแจ้งเสียภาษี ก็แจ้งกันเองโดยไม่รังวัด บางรายครอบครองเป็นร้อย เป็นพันไร่ บุกรุกป่าทั้งนั้น ซึ่งที่ดินประเภทดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่อย่างใด โดยมีคำพิพากษา ศาลฎีกาที่ 676/2519 กำหนดบรรทัดฐานไว้ว่า "ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง"
อีกทั้ง ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อป.ป.ช.ของ ส.ส.ทั้ง 3 ราย ปรากฏโดยชัดแจ้งว่า มีทรัพย์สินและรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการขัดต่อ พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ. 2535 และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น
ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 3 คน ย่อมรู้ว่า ตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. หรือ ภบท.5 มาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐ เพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่า มีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนกฎหมาย อันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อเอาผิด หรือลงโทษ ส.ส.ทั้ง 3 คนต่อไป
วานนี้ (27พ.ย.) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน เข้ายื่นคำร้องต่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบและติดตามการดำเนินคดี การบุกรุกป่าสงวนและครอบครองที่ ส.ป.ก. 1,700 ไร่ ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเป็น ส.ส.ของพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีอิทธิพล อาจจะทำให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่กล้าดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ประกอบกับพฤติการณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ส่อว่าอาจมีความพยายามช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้รับโทษทางอาญา เช่นเดียวกับที่มีการตรวจพบการครอบครองที่ดินเพียง 691 ไร่ ทั้งที่ ร.อ.ธรรมนัส พูดเองว่า มีการครอบครองกว่า 1,700 ไร่ ตอนนี้กลับลดลง
"ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส สั่งการให้กรมป่าไม้และส.ป.ก.ไปรังวัดพื้นที่ใหม่อีกครั้ง ก็ขอให้ทำอย่างถูกต้องเพราะถ้าวัดแล้วกลายเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ตามที่มีคนอยากให้เป็น เพื่อไม่ให้ดำเนินคดีอาญากับน.ส.ปารีณา ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก็เตรียมรับผลการกระทำ อย่าคิดว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วจะไม่มีใครทำอะไรได้ รัฐมนตรีอย่าคิดว่าจะไม่ติดคุก" นายวีระกล่าว และขอให้กมธ.ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวถึงการตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ว่า แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.รุกป่า ซึ่งคงต้องรอไว้ก่อนเพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ 2. รายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จซึ่งที่ประชุมกมธ. อาจจะมีมติทำหนังสือไปถึง เลขาธิการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ เพื่อขอบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ปารีณา แจ้งต่อป.ป.ช. ขณะที่เป็นส.ส.ทั้ง 3 สมัย รวมถึงครั้งนี้ด้วย ซึ่งดูแล้วคงเป็นการแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ อย่างเช่น ที่ดิน ภบท.5 เขายืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องป่า ถ้ากรมป่าไม้ หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ดำเนินการ เราก็จะดำเนินการ เพราะสิ่งที่แสดง คือโรงเรือนต่างๆ ที่เลี้ยงไก่ ซึ่งมีการเลี้ยงไก่จำนวนมาก แต่บอกราคาเป็นศูนย์บาท อาคารที่ทำการ ที่ใช้รับซื้อไก่ และไข่ ราคาเป็นศูนย์ อย่างนี้เป็นเท็จหรือไม่
เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณา เป็นหนึ่งในกมธ.ป.ป.ช. จะกระทบกับการสอบสวนเรื่องนี้ หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณทะลึ่งเข้ามาเอง ถ้าไม่พร้อมก็ลาออกไป
"เข้ามาเจอผมก็อย่างนี้แหละ สุภาษิตจีนเขาบอกว่า ลูกแมวไม่กลัวเสือ เพราะลูกแมวเพิ่งเกิดใหม่ มันจะไปรู้เรื่องอะไร พอเจอเสือมันไม่กลัว ถ้าเปรียบน.ส.ปารีณา ก็เหมือนลูกแมว ส่วนผมใหญ่กว่าเสือ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลพยายามจะอุ้มคดีที่ดินฟาร์มไก่ ของ น.ส.ปารีณา ว่าเจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันอยู่ ยืนยันรัฐบาลไม่มีการอุ้มแน่นอน
"จะไปอุ้มอะไรได้อย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบกันอยู่ใครจะไปอุ้มอะไรได้ วันนี้จะไปเอื้อประโยชน์ทางกฎหมายได้อย่างไร ในส่วนรายละเอียดผมไม่ทราบ โดยเฉพาะข่าวที่ว่าคุณปารีณา จะนำที่ดินบางส่วนไปอยู่ในพื้นที่ส.ป.ก. ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันฝ่ายบริหารไม่มีใครเข้าไปยุ่ง" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ส่วนที่ น.ส.ปารีณา ขอให้มีการตรวจสอบ รังวัดที่ดินใหม่ ทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งสองกระทรวง ต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เมื่อถามว่า แล้วหากเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณา จะสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทำได้เหมือนกัน
เมื่อถามว่า สังคมกำลังวิจารณ์ว่านักการเมืองในสังกัดรัฐบาล จะได้รับการเลือกปฏิบัติ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป อาจติดคุกไปแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เฮ้ย! พวกคุณพูดกันไปเอง จะไปติดคุกได้อย่างไร ยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จึงไม่มีทาง ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือชาวบ้าน ก็ยังไม่ติดคุกทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอนแล้วถึงจะมีการดำเนินคดี แม้จะมีการแจ้งความแล้วก็ต้องไปตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อนให้เรียบร้อยก่อนที่จะตัดสิน อยู่ดีดีจะเอาคนไปติดคุกได้อย่างไร ไม่มีหรอก" พล.อ.ประวิตร กล่าว
จี้สอบ3ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลฮุบที่ภบท.5-สปก.
ในวันเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อป.ป.ช. ให้ไต่สวน สอบสวนเอาผิด นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีที่ดิน ภบท.5 อยู่ 2 แปลงจำนวน 200 ไร่ นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย มีที่ดิน ส.ป.ก. 3 แปลงรวม 67 ไร่ มีที่ดิน ภบท.5 ถึง 13 แปลงรวม 133 ไร่ และ นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ มีที่ดิน ภบท.5 อยู่ 2 แปลง รวม 498 ไร่ โดยที่อาจจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งที่ดิน ภบท.5 นั้น เป็นเพียงเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีดอกหญ้า)ไม่ใช่เอกสารแสดงสิทธิครอบครองที่ดิน เพราะเจ้าของที่ดิน ยังคงเป็นของทางราชการอยู่ เพียงแต่อาจจะให้มีการใช้ประโยชน์ชั่วคราว แต่ไม่ถือว่าผู้ที่ใช้ประโยชน์นั้นเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งปัจจุบัน มีคำสั่งกรมการปกครอง เมื่อปี 2551 ได้สั่งให้ยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว เพราะปัญหาคือ ส่วนมากเป็นที่ป่าสงวน การแจ้งเสียภาษี ก็แจ้งกันเองโดยไม่รังวัด บางรายครอบครองเป็นร้อย เป็นพันไร่ บุกรุกป่าทั้งนั้น ซึ่งที่ดินประเภทดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่อย่างใด โดยมีคำพิพากษา ศาลฎีกาที่ 676/2519 กำหนดบรรทัดฐานไว้ว่า "ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง"
อีกทั้ง ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อป.ป.ช.ของ ส.ส.ทั้ง 3 ราย ปรากฏโดยชัดแจ้งว่า มีทรัพย์สินและรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการขัดต่อ พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ. 2535 และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น
ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 3 คน ย่อมรู้ว่า ตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. หรือ ภบท.5 มาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐ เพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่า มีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนกฎหมาย อันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อเอาผิด หรือลงโทษ ส.ส.ทั้ง 3 คนต่อไป