เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องร่อนไปแถวๆ อดีตอาณาจักรของ “กษัตริย์ดาวิดและโซโลมอน” หรือ “ประเทศอิสราเอล” กันอีกสักรอบ เพราะช่วงระหว่างนี้...ไม่ว่าจะเป็น “ดวงเมือง” ไปจนถึง “ดวงชะตา” ของผู้นำประเทศ อย่างนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ออกจะเป็นอะไรที่ “ดวงจู๋” หรือออกดอก ออกดวง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน และย่อมต้องส่งผลต่อฉากสถานการณ์ความเป็นไปในแนวรบตะวันออกกลาง ไม่ว่ามากหรือน้อย ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตเบื้องหน้าอย่างมิอาจปฏิเสธได้...
คือหลังจากบรรดา “ผู้กระหายสงคราม” หรือผู้ที่คิดจุดไฟขึ้นมาในตะวันออกกลางทั้งหลาย อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านท่านเรียกๆ ว่า บรรดาพวก “Team B” ในแต่ละราย ต่างถูกชะตากรรมเล่นงาน ชนิดดวงหด ดวงจู๋กันไปเป็นรายๆ ไม่ว่าจะเป็น “B-Bolton” ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ที่ถูก “ทรัมป์บ้า” ถีบทิ้งซะดื้อๆ ไปจนถึง “B-MbS” และ “B-MbZ” มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียและยูเออี ที่ดวงกุด ดวงตก จนทำท่าว่าอาจต้องหันไปญาติดีกับ “ศัตรูคู่กัด” อย่างอิหร่านกันบ้างแล้ว ก็เลยเหลืออยู่แต่ “B-Bibi” หรือผู้นำอิสราเอล อย่างนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” เท่านั้นเอง ที่ยังคงเล่นแรง เล่นไม่เลิก หรือยังคิดจุดไฟนรกสุดขอบฟ้าขึ้นมาในตะวันออกกลางให้จงได้...
แต่จะด้วยเหตุเพราะพฤหัสฯ ย้ายราศีโผล่เข้ามาแทนที่มฤตยู ขณะราหูเลิกเล็งลัคน์ กุมลัคน์ ฯลฯ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ ชะตากรรมหรือดวงชะตาของ “B-Bibi” ในช่วงหลังๆ เลยออกอาการทะรูดทะราดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้จะจัดเลือกตั้งทั่วไปมาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 คราในปีนี้ แต่ก็ยังหาทางจัดตั้งรัฐบาลอิสราเอลอย่างเป็นเนื้อ เป็นหนังขึ้นมามิได้จนทุกวันนี้ หรือแม้ได้รับแรงเชียร์ แรงหนุนจากคุณพ่ออเมริกา ไม่ว่าตั้งแต่การประกาศรับรองกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เปิดไฟเขียวให้ยึดที่ราบสูงโกลันของซีเรีย มาเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของชาวยิวชนิดหน้าตาเฉย แถมล่าสุด...ยังพร้อมสนับสนุนให้การตั้งถิ่นฐานของชาวยิว รุกคืบเข้าไปในดินแดนปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่“ถูกต้อง” แม้จะ “ผิดกฎหมาย” ระหว่างประเทศ หรือ “ผิดหลักศีลธรรม” เพียงใดก็แล้วแต่ ฯลฯ อันถือเป็นการช่วยเพิ่มคะแนนเสียง คะแนนนิยมของ “B-Bibi” กันโดยเฉพาะ...
แต่ไม่เพียงแค่ “B-Bibi” ยังไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลอิสราเอลขึ้นมารองรับสถานะของตัวเองได้ ล่าสุด...เมื่อวันพฤหัสฯ (21 พ.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง อัยการสูงสุดของอิสราเอล “นายAvichai Mandelblit” ก็ตัดสินใจ “สั่งฟ้อง” ผู้นำของอิสราเอล ในข้อหา “โกง” และ “รับสินบน” อันทำให้ไม่เพียงแต่โอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลอิสราเอล ไม่ว่าในรูป “รัฐบาลแห่งชาติ” หรือรัฐบาลแบบสูตรไหนต่อสูตรไหนก็แล้วแต่ แทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป แต่ตัวของ “B-Bibi” เอง...อาจถึงขั้นต้องลาออก ต้องหมดสภาพ ต้องหมดสิทธิ์ทางการเมืองไปอีก 10-20 ปี แบบคุณน้อง “ฟ้ารักพ่อ” ของบ้านเรา หรือไม่ อย่างไร? ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถึงไม่ตาย แต่โอกาสที่จะเลี้ยงให้โต น่าจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...
แม้ว่าตัว “B-Bibi” เอง...จะออกอาการ “ฮึดสู้” ออกมาแถลงทางทีวียาวเหยียดถึง 15 นาที กล่าวหาตำรวจและอัยการ หรือระบบยุติธรรมของอิสราเอล ว่ามุ่งที่จะเล่นงานตัวเอง หรือพยายาม “ก่อรัฐประหาร” ตัวเอง คล้ายๆ การกล่าวหาศาล กล่าวหากระบวนการยุติธรรมกรณี “วี-ลัค มีเดีย” ในบ้านเราอะไรประมาณนั้น อันทำให้ตัวเองต้องพยายามยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป จนกว่า “อนาคตใหม่คือการเดินทาง” จะสรุปออกมาชัดๆ ว่าตัวเองจะต้องเดินจากศาลไปสู่คุก แบบที่อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล อย่าง “นายเอฮุด โอลเมิร์ต” (Ehud Olmert) เคยประสบมาก่อนหรือไม่ อย่างไร แต่ความพยายามฮึดสู้ในลักษณะที่ว่า...ก็คงยากส์ส์ส์เอามากๆ ที่จะทำให้บรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอน เกิดความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ต่อ“กรรม” ต่างๆ ที่ตัวเองได้เคยกระทำเอาไว้ โดยถ้าดูจาก “โพล” ล่าสุด...ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอล เขาได้ไปสำรวจตรวจสอบ ความคิด ความเห็นของบรรดาชาวอิสราเอลทั้งหลาย ปรากฏว่าชาวยิวถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นว่านายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ควรตัดสินใจ “ลาออก” ให้รู้แล้ว รู้แรดไปซะที มีแค่ 35 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นว่ายังควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อ “เดินทางต่อ” ส่วนอีก 9 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้-ไม่เห็นซะยังงั้น...
และการที่ “B-Bibi” ต้องเจอ “กรรม” หรือเจอกับ “ผลแห่งการกระทำ” ของตนเองในลักษณะเช่นนี้...ว่ากันว่า ส่งผลให้ผู้ที่ให้การสนับสนุนระดับเทใจ หรือเทแทบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลรายนี้ อย่าง “ทรัมป์บ้า” ผู้นำอเมริกา ถึงกับออกอาการหุดๆ หิดๆ ทั้งผิดหวัง สิ้นหวังต่อการหวังอาศัยอิสราเอลเป็นเครื่องมือในการสร้างความยิ่งใหญ่ของอเมริกา ให้กลับมา “Great Again” ในตะวันออกกลางให้จงได้ ดังที่หนังสือพิมพ์ที่ขายดีที่สุดในอิสราเอล อย่าง “Yedioth Ahronoth” ได้รายงานเอาไว้ในเรื่อง “Report : Trump very disappointed with Netanyahu” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง โดยได้อ้าง “แหล่งข่าวระดับสูง” ในทำเนียบขาวหลายต่อหลายราย ยืนยันตรงกันว่า...ด้วยเหตุเพราะผู้นำอเมริกัน “ไม่ชอบพวกขี้แพ้” เป็นทุนเดิม การแพ้แล้ว-แพ้อีก ชนิดเลือกตั้งมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาไม่ได้ซักกะที ทำให้ “ทรัมป์บ้า” เริ่มหันไปด่าว่า นินทานายกรัฐมนตรีอิสราเอล ไปจนถึงบรรดาชาวยิวทั้งหลายกันบ้างแล้ว...
เช่นการอ้างคำพูดของประธานาธิบดีอเมริกัน ขณะพบปะกับผู้นำองค์กรชาวยิวออร์โธดอกซ์ในอเมริกา ประมาณว่า... “พวกเขา(ชาวยิว)เอาแต่สู้กันและสู้กัน (หรือกัดกันเอง) ไม่เหมือนที่ชาวอเมริกันสู้กัน เพราะอย่างน้อยเราก็ยังรู้ว่าใครคือเจ้านาย(บอส)กันแน่ แต่พวกเขาแม้เลือกตั้งมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังหานายที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้จนบัดนี้...” แถมยังตามด้วยการพ่นแมงโม้ หรือคุยทับต่อไปอีกด้วยว่า... “รู้หรือเปล่าว่าชาวอิสราเอลถึง 98 เปอร์เซ็นต์ให้ความชื่นชมในตัวผม จนผมชักเริ่มคิดๆ ขึ้นมาบ้างแล้วว่า ถ้าหากถูกรัฐสภาอเมริกันถอดถอนขึ้นมาจริงๆ อาจต้องนั่งเครื่องบินไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้สิ้นเรื่อง สิ้นราวไปซะที” เรียกว่า...ไม่คิดจะเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ จี๋ๆ จ๋าๆ แบบเดิมๆ ต่อไปอีกแล้ว...
เพราะท่ามกลางภาวะที่ผู้นำอิสราเอล ทำท่าว่าจะเอาตัวเองไม่รอด ความพยายาม “กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ของอเมริกาในตะวันออกกลาง ก็ยิ่ง “แห้วกระป๋อง” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ไม่เพียงแต่ “แผนสันติภาพในตะวันออกกลาง” ที่เรียกๆ กันว่า “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” หรือ “Deal of the Century” ที่ลูกเขยชาวยิวของผู้นำอเมริกันเป็นผู้จัดทำขึ้นมาเอง จะไม่สามารถป่าวประกาศให้เป็นรูป-เป็นร่างขึ้นมาได้จนบัดนี้ เพราะต้องรอจนกว่าประเทศอิสราเอลแก้ปัญหาตัวเองได้สำเร็จ ความยิ่งใหญ่ของมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียในภูมิภาคนี้ นับวันยิ่งมาแรงแซงโค้งหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะระหว่างที่ “B-Bibi” ผู้นำอิสราเอลกำลังดวงจู๋ ดวงตกลงไปทุกที ความสำเร็จในการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของผู้นำรัสเซีย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็ยิ่งส่งผลให้ความพยายาม “กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ของอเมริกา มีแต่ต้องห่อเหี่ยวลงไปอย่างเห็นได้ชัด แถมเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำรัสเซีย ได้ออกมาแถลงอย่างกระตือรือร้นเอามากๆ ถึงกำหนดการเดินทางไปเยือนปาเลสไตน์ของผู้นำรัสเซีย ว่าได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วในช่วงต้นปีหน้า (ค.ศ. 2020) อันอาจนำไปสู่การปิดฉาก ปิดผ้าม่านกั้งของสิ่งที่เรียกว่า “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” ของอเมริกา ชนิดไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี เอาเลยก็ไม่แน่!!!