xs
xsm
sm
md
lg

ถกรื้อราคาโรงกลั่น28พ.ย. “รสนา”ชงลดภาษีดีเซล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"กุลิศ" ประเดิมถก “คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม” นัดแรก ดันตั้งคณะทำงานย่อยรื้อโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่น 28 พ.ย.นี้ ด้านภาคประชาชน นำโดย"รสนา" เสนอรัฐหั่นภาษีสรรพสามิตน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร พร้อมปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่น หวังลดราคาขายปลีกน้ำมัน มอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ เชื่อลดรายจ่ายคนไทยทั่วถึง กระตุ้น ศก.ดีกว่าชิม ช้อป ใช้

วานนี้ (21 พ.ย.) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม เปิดเผยหลังการประชุมคณะทำงานฯนัดแรก หลังจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้ลงนามแต่งตั้งเมื่อ 20 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันซึ่งประกอบด้วย ราคาหน้าโรงกลั่น ภาษีสรรพสามิต ค่าการตลาด ฯลฯ โดยเบื้องต้นมีข้อสรุปร่วมกันที่จะตั้งคณะทำงานย่อย เพื่อหารือราคาหน้าโรงกลั่นก่อน ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ส่วนจะสามารถนำไปสู่การลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้หรือไม่ ยังต้องหาข้อยุติร่วมกัน

"คณะทำงานชุดใหญ่ 39 คน มีเป้าหมายร่วมกันในการก้าวข้ามปัญหาข้อโต้แย้ง และความเห็นต่างด้านพลังงาน และจากหารือครั้งนี้ หลายเรื่องมีรายละเอียดต้องคุยกันมาก จึงสรุปที่จะตั้งคณะทำงานย่อย 20 คน มาดูรายละเอียดในประเด็นต่างๆ โดยมี รมว.พลังงาน หรือปลัดฯพลังงานเป็นประธาน" นายกุลิศ กล่าว

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้แทนภาคประชาชนในคณะทำงานฯ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาคประชาชนได้สนับสนุนให้รัฐปรับโครงสร้างราคาเพื่อลดราคาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และในมุมองของภาคประชาชนต้องการเห็นรัฐได้ข้อสรุปที่จะนำไปสู่การลดราคาขายปลีกน้ำมัน เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยเฉพาะการหารือในคณะทำงานด้านราคาหน้าโรงกลั่น ควรได้ข้อยุติในวันที่ 28 พ.ย.นี้ทันที

สำหรับแนวทางที่ภาคประชาชนเสนอปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ที่สำคัญคือ การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงมา โดยเฉพาะดีเซล ที่เก็บจากปัจจุบัน ประมาณ 6 บาทต่อลิตร ให้เหลือเพียง 3 บาทต่อลิตร ซึ่งเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการนำเงิน 1.6 แสนล้านบาท ไปใช้ในมาตรการชิม ช้อป ใช้ ที่ช่วยเหลือคนได้เพียง 5 ล้านคน แต่หากราคาน้ำมันลดลง จะทำให้คนในประเทศได้รับประโยชน์เป็นวงกว้าง สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันรัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในปี 2561 จำนวน 2.23 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินที่สูงมาก

"โครงสร้างราคาน้ำมันเกี่ยวข้องหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ต้องดูนอกจากภาษีฯ คือ ราคาหน้าโรงกลั่นที่เราเห็นว่า วันนี้เราอิงราคาที่สิงคโปร์ ซึ่งควรอ้างอิงราคาส่งออกที่ไทยมากกว่า เพราะเป็นราคาที่แท้จริง หากปรับส่วนนี้จะลดราคาขายปลีกได้ถึง 1 บาทต่อลิตร เช่นเดียวกับค่าการตลาดน้ำมัน ที่เห็นว่าไม่ควรเกิน 1.50 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันเฉลี่ย 1.80 บาทต่อลิตร เป็นต้น" น.ส.รสนา กล่าว

สำหรับประเด็นที่ภาคประชาชนต้องการให้รัฐมีการแก้ไขนอกเหนือจากการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งยังเกี่ยวข้องกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมไปถึงการส่งเสริมเอทานอล และไบโอดีเซล ที่จะส่งผลดีต่อเกษตรกรในประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งปาล์ม อ้อย และมันสำปะหลัง เป็นต้น

ด้าน นางบุญยืน ศิริธรรม หนึ่งในผู้แทนคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ภาคประชาชน กล่าวว่า คณะทำงานมีข้อตกลงร่วมกันที่จะให้คณะทำงานย่อยที่ตั้งขึ้นมา ต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในทุกครั้งที่มีการประชุม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ทั้งนี้ หากการประชุมในลักษณะคณะทำงานดังกล่าว สามารถคลี่คลายปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม โดยที่แต่ละฝ่ายยอมรับกันได้ ก็น่าจะใช้เวทีดังกล่าวแก้ปัญหาเรื่องพลังงานอื่นๆด้วยในอนาคต

นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ในฐานะคณะทำงานฯ กล่าวว่า ประเด็นที่จะหารือร่วมกันแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก คือ 1. โครงสร้างราคาน้ำมัน และ 2.โครงสร้างราคาก๊าซ ซึ่งมีองค์ประกอบในการหารือ ประกอบด้วย ราคาหน้าโรงกลั่น ภาษี การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน และค่าการตลาด โดยเรื่องแรกที่จะมีการหารือร่วมกัน คือ ประเด็นราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งจะประชุมในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น