วานนี้ (14พ.ย.) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2562 และการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า จากการ คาดการณ์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2562/63 โดยเฉพาะการป้องกันผลกระทบในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ตามที่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)ได้สำรวจพื้นที่ไว้ แบ่งเป็นในเขต กปภ. 22 จังหวัด และนอกเขต 38 จังหวัด
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดมาตรการรองรับพื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่องปี 2562 โดยไม่ให้กระทบต่อแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2562/2563 เนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีการจัดสรรน้ำทั้งประเทศเกินแผนไป1,350 ล้านลบ.ม. โดยลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จัดสรรน้ำเกินแผน 495 ล้านลบ.ม.
"มีน้ำเพียงพอสำหรับอุปโภค บริโภค แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรปลูกข้าวนาปรัง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง ที่ต้องรับน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ และภาคอีสานในบางพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งเขื่อนมีปริมาณน้ำน้อย”
ขณะที่ลุ่มน้ำภาคตะวันตก จัดสรรน้ำเกินแผน 579 ล้านลบ.ม. และลุ่มน้ำภาคใต้ จัดสรรน้ำเกินแผน549 ล้านลบ.ม.
ส่วนสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง ที่ลดลงในฤดูแล้งโดยสถานการณ์เอลนีโญ จะยังคงมีผลทำให้ไม่มีปริมาณฝนตกในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ โดยมอบหมายให้ สทนช. เร่งดำเนินการใช้มาตรการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้การผลักดันและแก้ปัญหาแม่น้ำโขง โดยมาตรการภายในประเทศระยะเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบวิถีประชาชน และการประกอบอาชีพใน 3 ประเด็น หลักคือ 1. จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อสำรองปริมาณน้ำในการอุปโภคบริโภค 2. มอบหมายกระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัด (ริมแม่น้ำโขง) สร้างการรับรู้การเข้าใจผู้ใช้น้ำภาคการเกษตร และประมงให้รับทราบ 3. มอบหมายกระทรวงคมนาคม กำหนดมาตรการขนส่ง และคมนาคมทางน้ำ รวมถึงมาตรการรองรับการพังทลายของตลิ่งริมฝั่งโขงด้วย
พล.อ.ประวิตร ยังมอบหายให้หน่วยงานหาแนวทางเพื่อป้องกันภัยแล้ง และอุทกภัยทางภาคใต้ โดยต้องมีการเก็บกักน้ำทุกรูปแบบ ทั้งน้ำผิวดิน และน้ำใต้ดิน รวมถึงมีการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2562/2563 อย่างรัดกุม เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งจะต้องรายงานผลมาที่ สทนช. ทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างแถลงการณ์
ร่วมของรัฐมนตรีทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งสทนช. จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณา พร้อมมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้านทรัพยากรน้ำ ในวันที่ 9-12 ธ.ค. ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดมาตรการรองรับพื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่องปี 2562 โดยไม่ให้กระทบต่อแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2562/2563 เนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีการจัดสรรน้ำทั้งประเทศเกินแผนไป1,350 ล้านลบ.ม. โดยลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จัดสรรน้ำเกินแผน 495 ล้านลบ.ม.
"มีน้ำเพียงพอสำหรับอุปโภค บริโภค แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรปลูกข้าวนาปรัง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง ที่ต้องรับน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ และภาคอีสานในบางพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งเขื่อนมีปริมาณน้ำน้อย”
ขณะที่ลุ่มน้ำภาคตะวันตก จัดสรรน้ำเกินแผน 579 ล้านลบ.ม. และลุ่มน้ำภาคใต้ จัดสรรน้ำเกินแผน549 ล้านลบ.ม.
ส่วนสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง ที่ลดลงในฤดูแล้งโดยสถานการณ์เอลนีโญ จะยังคงมีผลทำให้ไม่มีปริมาณฝนตกในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ โดยมอบหมายให้ สทนช. เร่งดำเนินการใช้มาตรการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้การผลักดันและแก้ปัญหาแม่น้ำโขง โดยมาตรการภายในประเทศระยะเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบวิถีประชาชน และการประกอบอาชีพใน 3 ประเด็น หลักคือ 1. จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อสำรองปริมาณน้ำในการอุปโภคบริโภค 2. มอบหมายกระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัด (ริมแม่น้ำโขง) สร้างการรับรู้การเข้าใจผู้ใช้น้ำภาคการเกษตร และประมงให้รับทราบ 3. มอบหมายกระทรวงคมนาคม กำหนดมาตรการขนส่ง และคมนาคมทางน้ำ รวมถึงมาตรการรองรับการพังทลายของตลิ่งริมฝั่งโขงด้วย
พล.อ.ประวิตร ยังมอบหายให้หน่วยงานหาแนวทางเพื่อป้องกันภัยแล้ง และอุทกภัยทางภาคใต้ โดยต้องมีการเก็บกักน้ำทุกรูปแบบ ทั้งน้ำผิวดิน และน้ำใต้ดิน รวมถึงมีการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2562/2563 อย่างรัดกุม เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งจะต้องรายงานผลมาที่ สทนช. ทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างแถลงการณ์
ร่วมของรัฐมนตรีทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งสทนช. จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณา พร้อมมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้านทรัพยากรน้ำ ในวันที่ 9-12 ธ.ค. ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน