xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อฝ่ายค้านไร้มาตรฐาน กลับเสริมความมั่นคงรัฐบาล!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**ต้องบอกว่าผลงานของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมา ทุกอย่างสามารถอธิบายเรื่องราวด้วยตัวของมันเองว่า ใครเป็นแบบไหน มีผลงานเข้าตาเป็นเรื่องเป็นราว หรือว่าไร้แก่นสาร หาสาระอะไรไม่ได้เลย เหมือนกับยิ่งอยู่ไปก็เปลืองเงินของชาวบ้าน น่ารำคาญอะไรประมาณนั้น
สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นภาพดังกล่าวได้ชัดเจนมันสะท้อนออกมาได้หลายรูปแบบทั้งที่ชาวบ้านมองเห็นด้วยตัวเองจากการทำงานทั้งในเวทีสภา เปรียบเทียบกับการทำงานของฝ่ายรัฐบาล รวมไปถึงได้สะท้อนผ่านผลสำรวจจากความรู้สึกของชาวบ้านก็ล้วนออกมาในแนวทางเดียวกัน
ก็ต้องบอกว่าฝ่ายค้าน “สอบตก”แบบแทบจะไม่มีคะแนนเลย ซึ่งในความเป็นจริงที่มองเห็นมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น ที่สำคัญหากพิจารณาจากการทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารฝ่ายรัฐบาลของบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ถูกมองว่า “ออกทะเล”ไม่มีแก่นสาร อาจเป็นเพราะมุ่งเน้นในเรื่องของ“การโค่นล้มรัฐบาล”มากเกินไป รวมไปถึงขาดนักการเมืองที่มีฝีมือ หรือมีประสบการณ์ในการทำงานการเมืองในสภา เพราะส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดล้วนเป็นพวก“หน้าใหม่”ที่ไร้ประสบการณ์ หรือไม่เข้าใจการทำงานในสภาฯ ทั้งในเรื่องบทบาทหน้าที่ในฐานะสมาชิกรัฐสภา รวมไปถึงบทบาทในการทำงานในหน้าที่ของกรรมาธิการของสภาฯ ว่าตัวเองต้องอยู่ในฐานะอะไร และแบบไหน
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นชัดที่สุดสำหรับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่น่าเชื่อว่าส่งผลต่อการทำงานอย่างที่เห็นกันอยู่ ก็คือ “ความไร้ประสบการณ์”รวมไปถึงคนที่มีบทบาทในเวลานี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่เคยอยู่ในระดับ “แถวหลัง”หรือแถวสอง แถวสาม ของบางพรรคโดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทยที่ต้องเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคต้องมีตำแหน่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อีกด้วย
แต่กลายเป็นว่า บทบาทนำกลับกลายเป็นของพรรคอันดับรองลงมาอย่าง พรรคอนาคตใหม่ แต่ก็คนละความหมายกับคำว่า การทำงาน“เข้าตา”แต่อย่างใด แต่เป็นความหมาย “เป็นข่าวรายวัน”เท่านั้น ไม่ใช่เป็นสาระ หรือผลงานการตรวจสอบจนปรากฏออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
หากให้โฟกัสไปทีละพรรค เริ่มจากพรรคเพื่อไทยก่อน ก็ต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่า การที่บรรดา “ขาใหญ่”ในพรรคที่เคยถูกวางตัวเอาไว้ในแบบบัญชีรายชื่อ “อดเข้าสภา”แบบยกแผง เพราะในพวกนั้นมีทั้ง ระดับ “ลูกน้องเกรดเอ”หากเข้าใจว่าพรรคการเมืองนี้เป็นของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของเขา หรืออย่างน้อยก็มีระดับ ดาวสภา ดาว ไฮปาร์ค ปนอยู่ในนั้นหลายคนจนไม่ต้องเอ่ยชื่อก็จำกันได้
ขณะที่พวกที่ได้เป็น ส.ส.เข้าสภา ก็เป็นส.ส.เขต ที่ส่วนใหญ่รู้จัก มีชื่อกันในพื้นที่ตามต่างจังหวัดของตัวเองเท่านั้น บทบาทในสภาก่อนหน้านี้ก็มีน้อยคนนักที่สามารถเป็นนักอภิปรายในสภาเป็นตัวหลัก อย่างมากก็เคยมีประสบการณ์ในการอภิปราย “นอกเวลาทอง”หรืออย่างมากก็เป็นเพียงแค่“นักประท้วง”ขัดจังหวะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
หรือแม้แต่ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ก็เพิ่งถูกดันหลังให้มารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อรองรับกับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะเป็นผู้อาวุโสในพรรค เนื่องจากมีอายุมากกว่า ส.ส.คนอื่น แต่สำหรับบทบาทในสภาฯ ก็ยังไม่โดดเด่น จนคนรุ่นหลังอาจจะลืมไปแล้วว่าเคยเป็นหัวหน้า “ส.ส.กลุ่ม 16 “อันโด่งดังใน อดีต
และด้วยสภาพความเป็นจริงในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ที่ภายในมีแต่ความคุกรุ่น ขัดแย้ง ไม่เป็นเอกภาพ ต่างฝ่ายต่างก็มีกลุ่มก๊วน มีกลุ่มของ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ซึ่งหลายคนมองว่าเวลานี้ “เจ้าของพรรค”คือ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีอารมณ์เข้ามาบริหารจัดการ ที่สำคัญ“ไม่มีน้ำเลี้ยง”มานานแล้ว เนื่องจากยังมองไม่เห็นอนาคต ความหมายก็คือ โอกาสที่จะชนะ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แทบยังองไม่เห็น ผ่านมา 5 ปีที่ร้างราจากอำนาจรัฐ และยังเชื่อว่า“ยาว”ไปกว่านี้อีก จึงยังไม่เสี่ยงลงทุน เพราะมีแต่“ขาดทุน”
**นอกเหนือจากนี้ที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร จำเป็นต้องเงียบ ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะลูกชายคนเดียว คือ “โอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร กำลังติดคดีร่วมกัน “ฟอกเงิน”ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตกำลังจะมีการตัดสินชี้ขาดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งมีความเสี่ยง “คุก”สูงไม่น้อย
ขณะที่มองไปที่พรรคอนาคตใหม่ แม้ว่าเวลานี้จะเป็นข่าวรายวัน มีบทบาททั้งในและนอกสภาฯ แต่ส่วนใหญ่ที่ออกมาล้วนออกมาในทางลบ หรือเป็นเรื่องที่ยั่วยุให้เกิดคดีอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญเวลานี้ด้วยการบริหารที่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในอย่างหนักของ หัวหน้าพรรคคือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเลขาธิการพรรคอย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่
ถูกอดีตลูกพรรคโจมตีว่าเป็น “เผด็จการ”ไร้ประสบการณ์ ไม่ฟังลูกพรรค จนสร้างปัญหาวุ่นวาย ด้วยสาเหตุนี้ทำให้น้ำหนักของคำว่า “ประชาธิปไตย”และ “ความเสมอภาค”หมดความหมายลงไปทันที คำพูดที่คนพวกนี้ใช้นำทางกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบัน ว่าเป็นพวกเผด็จการ และยกตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย”เวลานี้ต้องเงียบกริบ
นี่ยังไม่นับกรณีบทบาทของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนฯ เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปชี้แจงกรณีกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 มิชอบ จากกรณีถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน ก็กลายเป็นถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ ที่สำคัญในความหมายก็คือ ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่สร้างกระแสอารมณ์ร่วม เพราะชาวบ้านเขามองว่า “เรื่องมันจบไปแล้ว”จนกลายเป็นแรงกระแทกกลับมาที่ตัวเขาเอง
**ด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าวมา ถือว่าการทำหน้าที่ของบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้านในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ไม่เอาอ่าว ไร้มาตรฐานกว่าที่ควรจะเป็น จะเป็นเพราะส.ส.ส่วนใหญ่อ่อนประสบการณ์ หรือ ว่าเป็นพวกคนรุ่นใหม่ที่สำคัญตัวเองผิด ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกกับการทำน้าที่ในสภาฯ ครั้งแรกหรือเปล่า แต่ผลที่ออกมาแบบนี้กลับส่งเสริมความมั่นคงให้กับฝ่ายรัฐบาลไปโดยปริยาย ทั้งที่มีเสียงปริ่มน้ำ ที่เคยนึกว่าไปได้ไม่กี่น้ำ แต่มาวันนี้เมื่อเห็นการทำงานของฝ่ายค้าน ก็ต้องบอกว่า ยาวไป !!
กำลังโหลดความคิดเห็น