ผู้จัดการรายวัน360-ศาลปกครอง เปิดไต่สวนคดีเครือข่ายเกษตรกรขอระงับคำสั่งแบน 3 สารพิษทางการเกษตร "อดิศักดิ์" อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้กระบวนการแบนไม่ชอบด้วยกฎหมาย "อนันต์" ระบุมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ไร้ข้อมูลสนับสนุน แต่ถูกรัฐมนตรีชี้นำ เสี่ยงถูกฟ้อง ยันผลการศึกษาไม่มีสารทดแทนที่ปลอดภัย เชื่อหลังยกเลิก มีการลักลอบใช้ ของปลอมทะลัก พร้อมเตือนระวังอาฟเตอร์ช็อก ล่าสุดศาลฯ ไต่สวนเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ (30 ต.ค.) ศาลปกครองกลางได้เริ่มไต่สวน คดีหมายเลขดำ ที่ ส.26/2562 ในคดีที่ น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง พร้อมด้วยเครือข่ายผู้แทนเกษตรกร 6 จังหวัด รวม 1,091 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพรีฟอส ตั้งแต่ 1 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป ซึ่งการไต่สวนครัั้งนี้ เป็นไปตามคำขอของ น.ส.อัญชุลี ที่ระหว่างศาลฯ พิจารณาคดี ขอให้ศาลฯ กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยระงับคำสั่งยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีดังกล่าว ในวันที่ 1 ธ.ค.2562 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่ได้เดินทางมาเป็นพยานฝ่ายเกษตรกรผู้ร้อง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการการเกษตร กล่าวว่า กระบวนการแบนสารเคมีเกษตร เป็นไปไม่ชอบ และไม่ครอบคลุมตามข้อกฎหมายเท่าที่ควร เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา กรมวิชาการการเกษตร ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้สารเคมี แต่คณะกรรมการวัตถุอันตราย กลับลงมติด้วยความลุกลี้ ลุกลน ไม่ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลปกครองกลางพักการไต่สวน นายอนันต์ ดาโลดม อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งมาเป็นพยานให้กับทางเครือข่ายฯ กล่าวก่อนให้ข้อมูลกับศาลฯ ว่า หวังอำนาจศาลฯ เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา ไม่มีตัวแทนเกษตรกรแท้จริงเข้าไปร่วมพิจารณา ทั้งในชั้นคณะกรรมการศึกษา คณะกรรมการวัตถุอันตราย ก่อนที่จะมีคำสั่งแบน 3 สารดังกล่าว ข้อมูลที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณา เป็นข้อมูลเก่าทั้งสิ้น ไม่มีข้อมูลใหม่ และเห็นว่าการพิจารณา มีการชี้นำของรัฐมนตรี ในการลงมติ จึงเป็นมติที่ขาดความชอบธรรม และเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง
นอกจากนี้ หลังจากการแบน 3 สารแล้ว ก็ยังไม่มีสารทดแทน ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการลักลอบขาย 3 สารที่ถูกแบน และมีสารเคมีปลอมออกมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น
ด้านนายสุกรรณ สังขะวรรณ์ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรกรปลอดภัย กล่าวว่า ทางเครือข่ายนำพยานมาให้ศาลฯ ไต่สวนรวม 10 ปาก ช่วงเช้าศาลฯ ได้ให้ น.ส.อัญชุลี ผู้ฟ้อง ชี้แจงประเด็นที่ฟ้อง และนายอดิศักดิ์ ชี้แจงเพิ่ม ซึ่งบรรยายกาศการชี้แจงเป็นไปด้วยดี
จากนั้นเวลา16.30น. น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสารักแม่กลอง กล่าวหลังการไต่สวนว่า ศาลฯ ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีคำสั่งเมื่อใดและไม่ได้มีการนัดหมายอะไรเพิ่มเติมโดยหลังจากนี้ จะรอว่าศาลฯ จะมีคำสั่งอย่างไร แต่เชื่อว่าหากมีการแบน 3 สารเคมีดังกล่าวจริง จะมีผลกระทบตามมาเป็นอาฟเตอร์ช็อก อย่างเช่นกรณีสหรัฐฯ และประเทศที่เป็นคู่ค้ากับไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไต่สวนช่วงบ่าย ศาลฯ ได้อนุญาตให้ทางเครือข่ายฯ นำพยานเข้าให้ข้อมูลเพิ่มอีกเพียง 2 ปากจากที่เหลือจากช่วงเช้า8ปาก คือ นางจรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก และนายวิชา ตธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ที่มาให้ข้อมูลในฐานผู้ทรงคุณวุฒิ
ทั้งนี้ หลังการไต่สวน ศาลปกครองกลางจะต้องมีการนำข้อมูลไปพิจารณาก่อน จึงยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ (30 ต.ค.) ศาลปกครองกลางได้เริ่มไต่สวน คดีหมายเลขดำ ที่ ส.26/2562 ในคดีที่ น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง พร้อมด้วยเครือข่ายผู้แทนเกษตรกร 6 จังหวัด รวม 1,091 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพรีฟอส ตั้งแต่ 1 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป ซึ่งการไต่สวนครัั้งนี้ เป็นไปตามคำขอของ น.ส.อัญชุลี ที่ระหว่างศาลฯ พิจารณาคดี ขอให้ศาลฯ กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยระงับคำสั่งยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีดังกล่าว ในวันที่ 1 ธ.ค.2562 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่ได้เดินทางมาเป็นพยานฝ่ายเกษตรกรผู้ร้อง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการการเกษตร กล่าวว่า กระบวนการแบนสารเคมีเกษตร เป็นไปไม่ชอบ และไม่ครอบคลุมตามข้อกฎหมายเท่าที่ควร เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา กรมวิชาการการเกษตร ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้สารเคมี แต่คณะกรรมการวัตถุอันตราย กลับลงมติด้วยความลุกลี้ ลุกลน ไม่ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลปกครองกลางพักการไต่สวน นายอนันต์ ดาโลดม อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งมาเป็นพยานให้กับทางเครือข่ายฯ กล่าวก่อนให้ข้อมูลกับศาลฯ ว่า หวังอำนาจศาลฯ เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา ไม่มีตัวแทนเกษตรกรแท้จริงเข้าไปร่วมพิจารณา ทั้งในชั้นคณะกรรมการศึกษา คณะกรรมการวัตถุอันตราย ก่อนที่จะมีคำสั่งแบน 3 สารดังกล่าว ข้อมูลที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณา เป็นข้อมูลเก่าทั้งสิ้น ไม่มีข้อมูลใหม่ และเห็นว่าการพิจารณา มีการชี้นำของรัฐมนตรี ในการลงมติ จึงเป็นมติที่ขาดความชอบธรรม และเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง
นอกจากนี้ หลังจากการแบน 3 สารแล้ว ก็ยังไม่มีสารทดแทน ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการลักลอบขาย 3 สารที่ถูกแบน และมีสารเคมีปลอมออกมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น
ด้านนายสุกรรณ สังขะวรรณ์ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรกรปลอดภัย กล่าวว่า ทางเครือข่ายนำพยานมาให้ศาลฯ ไต่สวนรวม 10 ปาก ช่วงเช้าศาลฯ ได้ให้ น.ส.อัญชุลี ผู้ฟ้อง ชี้แจงประเด็นที่ฟ้อง และนายอดิศักดิ์ ชี้แจงเพิ่ม ซึ่งบรรยายกาศการชี้แจงเป็นไปด้วยดี
จากนั้นเวลา16.30น. น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสารักแม่กลอง กล่าวหลังการไต่สวนว่า ศาลฯ ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีคำสั่งเมื่อใดและไม่ได้มีการนัดหมายอะไรเพิ่มเติมโดยหลังจากนี้ จะรอว่าศาลฯ จะมีคำสั่งอย่างไร แต่เชื่อว่าหากมีการแบน 3 สารเคมีดังกล่าวจริง จะมีผลกระทบตามมาเป็นอาฟเตอร์ช็อก อย่างเช่นกรณีสหรัฐฯ และประเทศที่เป็นคู่ค้ากับไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไต่สวนช่วงบ่าย ศาลฯ ได้อนุญาตให้ทางเครือข่ายฯ นำพยานเข้าให้ข้อมูลเพิ่มอีกเพียง 2 ปากจากที่เหลือจากช่วงเช้า8ปาก คือ นางจรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก และนายวิชา ตธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ที่มาให้ข้อมูลในฐานผู้ทรงคุณวุฒิ
ทั้งนี้ หลังการไต่สวน ศาลปกครองกลางจะต้องมีการนำข้อมูลไปพิจารณาก่อน จึงยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ออกมา
