ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อาจารย์วรชาติ มีชูบท หรือ V_ Mee (วีหมี) อันเป็นนามปากกาในเว็บไซต์ Pantip และเรือนไทย เป็นอาจารย์ นักเขียน และทนายความ ผู้มีความรู้ประวัติศาสตร์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างยอดเยี่ยมและลึกซึ้งมากที่สุด ต้องเรียกว่าอาจารย์วรชาติเป็นเอตทัคคะด้านวชิราวุธศึกษา (King Vajiravudh’s studies) อย่างยิ่งยวด ความรู้ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของอาจารย์ยังรวมไปถึงรัชกาลอื่นๆ การได้สนทนากับอาจารย์จึงไม่ต่างกับการสนทนากับ Encyclopedia หรือ Almanac เคลื่อนที่ได้ ผมทราบว่าอาจารย์ชำนาญประวัติศาสตร์นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลงมาทีเดียว
อาจารย์วรชาติเป็น OV หรือ Old Vajiravudh หรือเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย รุ่นไหนผมไม่ทราบ แต่สิ่งที่ผมทราบแน่แก่ใจคือ อาจารย์วรชาติ เป็นผู้มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหาจักรีบรมราชวงศ์เป็นที่สุด ผมเห็นอาจารย์เข้าไปตอบกระทู้หรือตอบคอมเมนต์ผู้ที่ใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถูกใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จอยู่เนืองๆ จากเกรียนคีย์บอร์ด และลิเบอร่านล้มเจ้า สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็คืออาจารย์วรชาติเป็นคนใจเย็น ใช้เหตุใช้ผล โต้ตอบด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันหนักแน่น และหักล้างการโจมตีด้วยท่าทีที่อดทน แม้อีกฝั่งจะหยาบคายก้าวร้าวเพียงใดก็ตาม อาจารย์จะพยายามอธิบาย และสอนให้ความรู้ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู และความจงรักภักดียิ่ง
ผมเห็นได้ชัดเจนว่าอาจารย์มีความกตัญญูกตเวทิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงหรือต่อมาวชิราวุธวิทยาลัยที่อาจารย์เป็นศิษย์เก่า ผมทราบมาว่าอาจารย์นั้นเดิมเป็นทนายความ ต่อมาได้มาเป็นอาจารย์สอนที่วชิราวุธวิทยาลัยด้วย และมาทำงานช่วย ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสนใน ติดท่าวาสุกรี
ผมได้พบอาจารย์วรชาติ มีชูบทเป็นครั้งแรกที่หอวชิราวุธานุสรณ์และได้ความรู้จากอาจารย์วรชาติ เมื่อผมเป็นนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมไปทำหนังสือที่แผนกสาราณียกร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ที่ตึกจุลจักรพงษ์ และเพราะอาจารย์สวัสดิ์ จงกล ผู้เชี่ยวชาญเอกสารประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำให้ผมไปรู้จักอาจารย์วรชาติ เพื่อไปขอความรู้ ผมเองไปถึงหอสมุดวชิราวุธานุสรณ์ยังตื่นเต้นที่ได้เห็น หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล นั่งทำงานในห้องอีกฝั่ง ในฐานะนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย่อมต้องตื่นเต้นที่ได้พบผู้ก่อตั้ง/ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาคนแรก ตอนนั้นจำได้ว่าอาจารย์วรชาติเล่าประวัติศาสตร์ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้ราวกับสายน้ำไหล ด้วยความแม่นยำในเนื้อหาและการอ้างอิง ผมยังคิดในใจว่า ถ้า ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อใด ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ในรัชกาลที่ 6 ย่อมมีผู้สืบทอดแล้ว
อาจารย์วรชาติ เป็นคนขยันเขียนหนังสือมาก ขยันค้นคว้า และขยันเขียนมาก และเขียนเล่าเรื่องได้สนุก อ่านแล้วสนุก ใช้ภาษาไทยง่ายๆ กระชับ แต่ใช้ราชาศัพท์แม่นยำถูกต้อง โดยเฉพาะเบื้องหลัง เบื้องลึก ในพระราชบันทึกเรื่อง ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 นั้น ต้องไปอ่าน ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ก่อน แม้จะมีการละคำพูดหรือชื่อบุคคลหรือพระนามเจ้านายออกไปบ้าง แต่ก็อ่านแล้วเข้าใจการเมืองการปกครองไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 ได้เป็นอย่างดี ยิ่งมาอ่านหนังสือที่อาจารย์วรชาติแต่งยิ่งทำให้อ่านพระราชนิพนธ์ ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 ได้อย่างเข้าในถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ แรงจูงใจ และความจำเป็น ในเวลานั้นได้อย่างดียิ่ง
อาจารย์วรชาตินอกจากเขียนหนังสือเกี่ยวกับล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 เท่าที่ผมเคยอ่านและค้นคว้ามาหกเล่ม (และคงมีมากกว่านั้นอีกที่ผมไม่ทราบ) แล้วยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติวชิราวุธวิทยาลัยที่อาจารย์เป็นนักเรียนเก่า และเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนา เชียงใหม่ และเจ้านายฝ่ายเหนือได้ชวนอ่าน และอ่านแล้วสนุกเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนตัวผมเมื่อได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่อาจารย์วรชาติกรุณาถ่ายทอดสอนให้ ก็อยากจะเขียนบ้างเท่าที่ความรู้ตัวเองพอจะมี เมื่อพยายามเขียน ก็ได้อาจารย์วรชาติ คอยแนะนำ ค้นคว้าหาเอกสาร และส่งเอกสารต่างๆ มาให้อ่าน แม้ผมจะถามมากมายแค่ไหน ก็ใจเย็น อธิบาย หาหลักฐานและเอกสารมาให้อ่าน อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย และที่สำคัญสอนให้ผมรู้ว่าเรื่องใดควรเขียน เรื่องใดไม่ควรเขียน แค่ไหนเป็นการสมควรหรือไม่เป็นการสมควร อาจารย์สอนผมอย่างผู้ใหญ่เมตตาเด็ก และเป็นผู้ที่เข้าใจราชสวัสดิ์ 10 อย่างถ่องแท้ (หากสนใจเชิญอ่าน >> วงศ์เทวัญในอิเหนาและราชสวัสดิ์ในขุนช้างขุนแผน)
อาจารย์วรชาติ อ่านบทความ วิจารณ์ แนะนำ และช่วยแก้ไขบทความที่ผมเขียนสามบทความ บทความแรกคือ วชิรญาณ-จุฬาลงกรณ์-วชิราวุธ-วชิราลงกรณ์ เป็นบทความที่อธิบายความสัมพันธ์ทางโลกและทางธรรมของพระเจ้าแผ่นดินนับแต่รัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 10
บทความที่สอง ผมมีข้อสังเกตว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความละม้ายคล้ายคลึงกันหลายประการ ในบทความชื่อ รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ-รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
และบทความที่สาม ผมเขียนบทความเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระอาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าสองพระองค์ ซึ่งเป็นการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า จากสามัญชนสองพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในบทความชื่อ ชินวราลงกรณ วชิรญาณสังวร วชิราลงกรโณ
อาจารย์วรชาติ แม้จะช่วยอ่าน ช่วยแก้ไข ให้คำแนะนำ แต่กลับไม่ต้องการมีชื่อ ในบทความ เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง และไม่ต้องการสิ่งใดๆ เลย นับว่าเป็นการให้กำลังใจกับผู้น้อยที่เริ่มสนใจประวัติศาสตร์และเริ่มเขียนอย่างผมมาก
วันนี้ผมอ่าน Facebook ของ หม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน และได้ทราบข่าวร้ายว่า หอสมุดวชิราวุธานุสรณ์เคลื่อนที่ คือ อาจารย์วรชาติ มีชูบท ได้จากไกลไปเสียแล้วด้วยความตกใจและเสียใจ
ผมจึงเขียนบทความนี้เพื่อกราบลาอาจารย์วรชาติ มีชูบท ด้วยบทความที่อาจารย์ช่วยผมให้เขียนได้สามบทความข้างต้น ด้วยความอาลัยว่าจะหาผู้ที่จงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์และทุ่มเทค้นคว้าอย่างไม่ย่อท้อและมีคุณสมบัติของครูและนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เช่นนี้ได้ยากยิ่ง