"ศิริ"มอบสนพ. เร่งศึกษาทบทวนมาตรการตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน 363 บ./ถัง15กก. ให้สอดรับราคาแอลพีจีตลาดโลก และกองทุนน้ำมันฯ หลังพบบัญชีแอลพีจีล่าสุดเหลือแค่ 99 ล้านบาท ส่อเค้าหมดหน้าตัก ยืนยันยังไม่เลิกตรึงราคา เตรียมสรุปเสนอ กบง.ครั้งหน้า พร้อมเร่งสรุปการบริหารจัดการเอสพีพี ที่จะหมดสัญญา
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อเร็วๆ นี้ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ไปศึกษาทบทวนมาตรการการดูแลราคาก๊าซแอลพีจี ภาคครัวเรือนที่ก่อนหน้านี้ กบง.ได้กำหนดตรึงราคาไว้ไม่เกิน 363 บาท ต่อถัง 15 กก. มีผลตั้งวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางราคาแอลพีจีตลาดโลก และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจี ในระยะต่อไป
"ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนบัญชีแอลพีจี ยังไม่หมด ยังพอเหลืออยู่แต่มีไม่มากนักจึงต้องระมัดระวัง แต่ยืนยันว่าจะยังสามารถรักษาระดับราคาแอลพีจีที่ 363 บาทต่อถัง15กก.ไว้ โดยยังไม่ได้ยกเลิกนโยบายดังกล่าว แต่ได้มอบให้ สนพ.ไปพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานและความเหมาะสมถึงมาตรการที่จะรองรับ กรณีหากเงินหมด และรวมถึงราคาตลาดโลกในช่วงต่อไปจะเป็นอย่างไรด้วย แล้วนำกลับมาเสนอในการประชุม กบง.ครั้งหน้า " นายศิริ กล่าว
สำหรับนโยบายแนวทางรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ระบบโคเจเนอเรชัน ที่หมดสัญญาในปี 2560-2568 กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเข้าพิจารณาในที่ประชุม กบง.ครั้งต่อไป เพื่อให้ทันกับการนำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่จะประชุมในช่วงต้นเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 1 ก.ค. 61 สุทธิอยู่ที่ 30,242 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจี เหลือเงินอยู่ที่ 99 ล้านบาท และบัญชีน้ำมัน อยู่ที่ 30,143 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา กบง. ต้องใช้เงินจากกองทุนฯชดเชยราคาขายปลีกแอลพีจี ที่ระดับ 4.03 บาทต่อ กก. หรือประมาณเดือนละ 346 ล้านบาท โดยหากไม่มีมาตรการใดๆ เข้ามาบริหารจัดการ อาจส่งผลให้เงินในบัญชีแอลพีจี หมดลง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายศิริ เคยระบุถึงแนวทางบริหารจัดการหากเงินในบัญชีแอลพีจีหมดลงว่า สามารถโยกเงินจากบัญชีน้ำมันมาดูแลได้ แต่จะไม่ใช่การอุดหนุนข้ามประเภทแบบถาวรเหมือนในอดีต จนกองทุนฯมีภาระถึง 8 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะเป็นลักษณะการยืมเงินบัญชีน้ำมันฯ มาบริหารก่อน จากนั้นค่อยทยอยจ่ายคืนภายหลังเมื่อราคาแอลพีจีตลาดโลกลดลง ขณะที่ สนพ. เคยศึกษาแนวทางรองรับไว้ เช่น 1. วิธีการเหนียวหนี้ ที่เป็นการชะลอการจ่ายเงินให้โรงกลั่น และโรงแยกฯ , 2. ยืมเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยบัญชีแอลพีจี ซึ่งแนวทางนี้จะไม่มีภาระดอกเบี้ย และ3. กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ มาอุดหนุนราคา
นายสุรศักดิ์ อยู่คงพัน นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า สมาคมฯได้หารือกับ สนพ.และกรมการค้าภายในเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรึงราคาแอลพีจี 363 บาท ต่อถัง(15กก.) ก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องการให้ประกาศเป็นราคาแนะนำหน้าร้าน เพื่อความชัดเจนเนื่องจากราคาดังกล่าวหากเป็นราคาควบคุมทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ต้องบวกค่าขนส่งไปถึงผู้บริโภค ที่มีต้นทุนสูงขึ้นมากไม่คุ้มกับค่าการตลาดที่ได้รับ นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ต้องการให้กระทรวงพลังงาน ทบทวนการประกาศราคาแอลพีจีกลับไปเป็นรายเดือน เพราะราคาที่ประกาศอ้างอิงตลาดโลกรายสัปดาห์นั้น เห็นว่าในทางปฏิบัติมีความยุ่งยาก
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อเร็วๆ นี้ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ไปศึกษาทบทวนมาตรการการดูแลราคาก๊าซแอลพีจี ภาคครัวเรือนที่ก่อนหน้านี้ กบง.ได้กำหนดตรึงราคาไว้ไม่เกิน 363 บาท ต่อถัง 15 กก. มีผลตั้งวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางราคาแอลพีจีตลาดโลก และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจี ในระยะต่อไป
"ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนบัญชีแอลพีจี ยังไม่หมด ยังพอเหลืออยู่แต่มีไม่มากนักจึงต้องระมัดระวัง แต่ยืนยันว่าจะยังสามารถรักษาระดับราคาแอลพีจีที่ 363 บาทต่อถัง15กก.ไว้ โดยยังไม่ได้ยกเลิกนโยบายดังกล่าว แต่ได้มอบให้ สนพ.ไปพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานและความเหมาะสมถึงมาตรการที่จะรองรับ กรณีหากเงินหมด และรวมถึงราคาตลาดโลกในช่วงต่อไปจะเป็นอย่างไรด้วย แล้วนำกลับมาเสนอในการประชุม กบง.ครั้งหน้า " นายศิริ กล่าว
สำหรับนโยบายแนวทางรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ระบบโคเจเนอเรชัน ที่หมดสัญญาในปี 2560-2568 กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเข้าพิจารณาในที่ประชุม กบง.ครั้งต่อไป เพื่อให้ทันกับการนำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่จะประชุมในช่วงต้นเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 1 ก.ค. 61 สุทธิอยู่ที่ 30,242 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจี เหลือเงินอยู่ที่ 99 ล้านบาท และบัญชีน้ำมัน อยู่ที่ 30,143 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา กบง. ต้องใช้เงินจากกองทุนฯชดเชยราคาขายปลีกแอลพีจี ที่ระดับ 4.03 บาทต่อ กก. หรือประมาณเดือนละ 346 ล้านบาท โดยหากไม่มีมาตรการใดๆ เข้ามาบริหารจัดการ อาจส่งผลให้เงินในบัญชีแอลพีจี หมดลง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายศิริ เคยระบุถึงแนวทางบริหารจัดการหากเงินในบัญชีแอลพีจีหมดลงว่า สามารถโยกเงินจากบัญชีน้ำมันมาดูแลได้ แต่จะไม่ใช่การอุดหนุนข้ามประเภทแบบถาวรเหมือนในอดีต จนกองทุนฯมีภาระถึง 8 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะเป็นลักษณะการยืมเงินบัญชีน้ำมันฯ มาบริหารก่อน จากนั้นค่อยทยอยจ่ายคืนภายหลังเมื่อราคาแอลพีจีตลาดโลกลดลง ขณะที่ สนพ. เคยศึกษาแนวทางรองรับไว้ เช่น 1. วิธีการเหนียวหนี้ ที่เป็นการชะลอการจ่ายเงินให้โรงกลั่น และโรงแยกฯ , 2. ยืมเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยบัญชีแอลพีจี ซึ่งแนวทางนี้จะไม่มีภาระดอกเบี้ย และ3. กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ มาอุดหนุนราคา
นายสุรศักดิ์ อยู่คงพัน นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า สมาคมฯได้หารือกับ สนพ.และกรมการค้าภายในเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรึงราคาแอลพีจี 363 บาท ต่อถัง(15กก.) ก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องการให้ประกาศเป็นราคาแนะนำหน้าร้าน เพื่อความชัดเจนเนื่องจากราคาดังกล่าวหากเป็นราคาควบคุมทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ต้องบวกค่าขนส่งไปถึงผู้บริโภค ที่มีต้นทุนสูงขึ้นมากไม่คุ้มกับค่าการตลาดที่ได้รับ นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ต้องการให้กระทรวงพลังงาน ทบทวนการประกาศราคาแอลพีจีกลับไปเป็นรายเดือน เพราะราคาที่ประกาศอ้างอิงตลาดโลกรายสัปดาห์นั้น เห็นว่าในทางปฏิบัติมีความยุ่งยาก