"มาร์ค-อนุทิน" ประกาศไม่เอานายกฯ ตามใบสั่ง ระบุ ส.ว.ไม่ควรเข้ามาขัดขวางการตั้งรัฐบาลของคนที่สามารถรวบรวมเสียงได้ 250 เสียง ด้าน"จาตุรนต์-ธนาธร" ย้ำต้องแก้ รธน.เผด็จการ รื้อมรดกบาป คสช.
เมื่อเวลา13.00 น. วานนี้ (24 มิ.ย.) ที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี มีการจัดรายการวอร์มอัพ ไทยแลนด์ สเปเชียล ตอน“86ปี ประชาธิปไตยไทย ก้าวต่ออย่างไรให้ยั่งยืน”โดยมีตัวแทนนักการเมืองทั้งเก่าและใหม่ 10 พรรค ร่วมพูดคุย ถึงอนาคตประชาธิปไตยไทย อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พรรคพลังพลเมือง นายชวน ชูจันทร์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ในรอบแรกได้เปิดโอกาสให้มีการตอบคำถาม คนละ 5 นาที โดยให้พูดถึงประชาธิปไตย 86 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับให้คะแนน โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 86 ปีประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าในเรื่องของสังคม เรามีความตื่นตัวเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ที่ประชาชนโหยหาและคาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตประเทศ ประชาชนได้สัมผัสรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อต้องการผลักดันอนาคตประเทศ การรัฐประหารรอบหลังสุด ผู้ที่ทำการรัฐประหาร ต้องตอบสังคมทุกวันว่า จะเลือกตั้งเมื่อไร ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำรัฐธรรมนูญ จะต้องมีความพยายามหาความชอบธรรมจากประชาชน ด้วยการทำประชามติ สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าสังคมมีความก้าวหน้า และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรามีรธน.กว่า 20 ฉบับ แต่อาจยังมีจุดบอด คือต้องเผชิญภาวะประชานิยม และเผด็จการ ถ้าจะให้คะแนนประชาธิปไตยไทยในวันนี้ เดิมเคยอยู่ที่ประมาณ 7-8 คะแนน แต่วันนี้เรากำลังถดถอย เหลือประมาณ 5 คะแนน แต่จะสอบผ่านหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนและสังคมไทยว่า การเลือกตั้งในปี 62 จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม หวังว่าหลังการเลือกตั้ง จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ซึ่งเชื่อว่าถ้าเราทำได้ คะแนนก็จะเพิ่มขึ้น
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยวันนี้ คะแนนเต็ม 10 ตนให้ 3 คะแนน เพราะยังอยู่ภายใต้แกนนำของกองทัพ และประชาชนมีส่วนร่วมน้อยมาก ทั้งความคิดและบทบาท เชื่อว่าประชาชนสามารถชี้ความเป็นไปของบ้านเมืองได้ แต่ยังมีการปลูกฝังความคิดเผด็จการในรูปแบบประชาธิปไตยที่พยายามทำให้เห็นว่า การทำรัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็น ขาดการสร้างและการพัฒนาอุดมการณ์ที่เป็นเสรี อีกทั้งระบบกฎหมาย และระบอบยุติธรรมยังรับรองการทำรัฐประหาร สิ่งที่เราจะทำคือ ต้องสร้างใหม่และพัฒนาให้ยั่งยืน เราจะเสนอว่าให้มีการเลือกตั้งที่เสรี และคสช.ไม่ใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งแม้ว่ารธน.ฉบับนี้ จะไม่เป็นประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้คสช. สืบทอดอำนาจ ถ้าคนในคสช. จะมาในรูปแบบใด เราไม่เอาด้วยทั้งนั้น ไม่วาจะคนนอก หรือคนใน
"วันนี้ สิ่งที่คสช. และพวกสร้างเอาไว้ ถือเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่พรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรจะสานต่อ มีแต่รื้อทิ้ง แล้วจะทำใหม่ ส่วนรธน.ฉบับนี้ เราไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะไม่มีความเป็นประชาธิปไตย และมีการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราจะแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขรธน.ทั้งฉบับ และจะขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้คสช. สืบทอดอำนาจได้ เช่นเดียวกับการที่จะมีคนของ คสช.เข้ามาในการโหวตนายกรัฐมนตรี ทั้งรอบแรกและรอบสอง เราก็จะไม่เอาด้วย พรรคเพื่อไทย ยินดีเป็นฝ่ายค้าน และเราไม่ทำพรรคให้เป็นสโมสรที่รวมนักการเมือง แล้วให้ใครเป็นนายกฯ เหมือนกับที่เขาทำอยู่ในขณะนี้" นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า ตนให้คะแนนไม่ผ่าน เพราะตั้งแต่ปี 35 เป็นต้นมา ประชาธิปไตยก็ค่อนข้างมีบทบาททำความเจริญให้กับประเทศ แต่ก็ยังดี ที่คณะรัฐประหารทุกคณะ ต้องคืนความเป็นประชาธิปไตยให้กับคนไทย แต่ที่ไม่ให้ผ่าน เพราะคนในวงการนี้ใช้ประชาธิปไตยในการบริหารประเทศแบบขาดๆ เกินๆ ซึ่งประชาธิปไตยของตน ต้องมีสวัสดิการ และปากท้องของประชาชน จากนี้ไปเราต้องทำให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ และผ่านไปได้ ซึ่งไม่ต้องให้ได้ถึง10 เต็ม10 คะแนน ขอให้ได้ผ่านก็พอ เพราะนี้คือประชาธิปไตยในรอบ12ปีที่ผ่านมา เราควรคืนอำนาจให้ประชาชนมีส่วนร่วม และรับฟังความเห็นของเขา ตรงนี้เชื่อว่าจะทำให้การเมืองผ่านฉลุยไปได้ หวังว่าการเลือกตั้งปี 62 ต้องทำให้ทุกคนยอมรับ แล้วปีหน้า มานั่งคุยกันใหม่ ตนก็จะบอกว่าเราให้คะแนนผ่าน
นายธนาธร กล่าวว่า ตนให้คะแนน 1.97 คะแนน ในฐานะที่ตนเป็นนักฝัน ก็ฝันว่าการรัฐประหารควรจบในรุ่นของตน ไม่ควรมีการทำรัฐประหารอีก ในรุ่นลูกรุ่นหลาน การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คือการเปลี่ยนแปลงเป็นพลเมืองที่มีความเท่าเทียมกัน อุปสรรคคือ คนที่ขัดขวางการเอาอำนาจ และสิทธิของประชาชนออกจากการเมืองไทยคือ พวกอภิสิทธิ์ชน ที่มีไม่กี่คนที่ถือสิทธิ์รวบอำนาจ โดยเฉพาะใช้กองทัพทำรัฐประหาร ซึ่งการทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ประชาธิปไตยไม่เติบโต ประชาชนไม่ได้ลิ้มลองประชาธิปไตย ไม่ได้ใช้อำนาจของตนเอง ดังนั้น ตนและพรรคอนาคตใหม่ ขอรับภารกิจนี้ไปสานต่อ
"ใครที่พูดอะไรเกี่ยวข้องกับทหาร เกี่ยวข้องกับรัฐประหารเอาไว้อย่างไร ให้ไปดูสิ่งที่พวกเขาจะทำกันหลังเลือกตั้ง เราอยู่กับความขัดแย้งมา 12 ปี เราต้องชนะให้ขาดด้วยการเลือกตั้ง อย่าให้ใครเอาคำว่าประชาธิปไตยมาตีกิน เราต้องจับมือกันให้ได้ เสียงในสภาฯ 376 เสียง และเราจะร่างรธน.ใหม่ ให้ได้ทันที เพราะต้องล้มล้างผลพวงของคณะรัฐประหาร ถ้าทำได้เพียงแค่ครั้งเดียว ผมก็มั่นใจว่าการทำรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย ส่วนพวกที่แอบหวังว่าจะไปเป็นรัฐมนตรี หรือไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องตอบให้ชัดว่าจะไปอยู่กับ คสช. หรือไม่ ตรงนี้พรรคการเมืองต้องตอบให้ชัด ถ้าพรรคไหนตอบไม่ชัด เราไม่ต้องเลือก" นายธนาธร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงท้าย ได้มีการเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไป ได้ตั้งคำถามกับผู้ร่วมรายการ โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.คลัง ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มคน ได้ลุกขึ้นถามว่า ขอความชัดเจนว่า หากมีการเลือกนายกฯ ในรัฐสภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในรอบ 35 ปี พรรคของท่านจะเลือกขั้นตอนแบบไหนระหว่าง 1. เลือกพรรคการเมืองที่มี 250 เสียงขึ้นไป และ 2.ไม่เป็นอะไร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามรธน. โดยให้ ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย ปรากฏว่า ทุกพรรคการเมืองพูดในทิศทางเดียวกันว่า ข้อ 1. ให้การเลือกนายกฯ จบในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร อาทิ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส.ว.ไม่ควรเข้ามาขัดขวาง คนที่สามารถรวบรวมเสียงได้ 250 เสียง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องให้คนที่มีเสียง 250 เสียง มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ส่วนนายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ต้องการไปร่วมโหวตนายกฯ โดย ส.ว. เพราะนายกฯ ของประเทศไทยต้องมาจากการเสนอชื่อของพรรคการเมือง แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะไปถึงขั้นตอนนั้น ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะไม่เลือกนายกฯ ที่ ส.ว.เป็นคนส่งมา
ทั้งนี้ บรรยากาศที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี เป็นไปอย่างคึกคัก บรรดานักการเมืองแต่ละคนต่างมีแฟนคลับมาให้กำลังใจ โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงที่นายจาตุรนต์ นายธนาธร นายสมบัติ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดนั้น มีเสียงปรบมือเป็นระยะๆ ขณะที่บางช่วงที่ นายอภิสิทธิ์ และ นายอนุทิน พูด จะมีเสียงโห่เ ป็นระยะเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อการจัดงานเสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่ได้คุมเข้มเรื่องความปลอดภัย โดยมีการจัดทางเดินให้กับนักการเมืองโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ ให้เดินทางกลับขึ้นรถ อย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลา13.00 น. วานนี้ (24 มิ.ย.) ที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี มีการจัดรายการวอร์มอัพ ไทยแลนด์ สเปเชียล ตอน“86ปี ประชาธิปไตยไทย ก้าวต่ออย่างไรให้ยั่งยืน”โดยมีตัวแทนนักการเมืองทั้งเก่าและใหม่ 10 พรรค ร่วมพูดคุย ถึงอนาคตประชาธิปไตยไทย อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พรรคพลังพลเมือง นายชวน ชูจันทร์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ในรอบแรกได้เปิดโอกาสให้มีการตอบคำถาม คนละ 5 นาที โดยให้พูดถึงประชาธิปไตย 86 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับให้คะแนน โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 86 ปีประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าในเรื่องของสังคม เรามีความตื่นตัวเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ที่ประชาชนโหยหาและคาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตประเทศ ประชาชนได้สัมผัสรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อต้องการผลักดันอนาคตประเทศ การรัฐประหารรอบหลังสุด ผู้ที่ทำการรัฐประหาร ต้องตอบสังคมทุกวันว่า จะเลือกตั้งเมื่อไร ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำรัฐธรรมนูญ จะต้องมีความพยายามหาความชอบธรรมจากประชาชน ด้วยการทำประชามติ สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าสังคมมีความก้าวหน้า และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรามีรธน.กว่า 20 ฉบับ แต่อาจยังมีจุดบอด คือต้องเผชิญภาวะประชานิยม และเผด็จการ ถ้าจะให้คะแนนประชาธิปไตยไทยในวันนี้ เดิมเคยอยู่ที่ประมาณ 7-8 คะแนน แต่วันนี้เรากำลังถดถอย เหลือประมาณ 5 คะแนน แต่จะสอบผ่านหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนและสังคมไทยว่า การเลือกตั้งในปี 62 จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม หวังว่าหลังการเลือกตั้ง จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ซึ่งเชื่อว่าถ้าเราทำได้ คะแนนก็จะเพิ่มขึ้น
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยวันนี้ คะแนนเต็ม 10 ตนให้ 3 คะแนน เพราะยังอยู่ภายใต้แกนนำของกองทัพ และประชาชนมีส่วนร่วมน้อยมาก ทั้งความคิดและบทบาท เชื่อว่าประชาชนสามารถชี้ความเป็นไปของบ้านเมืองได้ แต่ยังมีการปลูกฝังความคิดเผด็จการในรูปแบบประชาธิปไตยที่พยายามทำให้เห็นว่า การทำรัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็น ขาดการสร้างและการพัฒนาอุดมการณ์ที่เป็นเสรี อีกทั้งระบบกฎหมาย และระบอบยุติธรรมยังรับรองการทำรัฐประหาร สิ่งที่เราจะทำคือ ต้องสร้างใหม่และพัฒนาให้ยั่งยืน เราจะเสนอว่าให้มีการเลือกตั้งที่เสรี และคสช.ไม่ใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งแม้ว่ารธน.ฉบับนี้ จะไม่เป็นประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้คสช. สืบทอดอำนาจ ถ้าคนในคสช. จะมาในรูปแบบใด เราไม่เอาด้วยทั้งนั้น ไม่วาจะคนนอก หรือคนใน
"วันนี้ สิ่งที่คสช. และพวกสร้างเอาไว้ ถือเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่พรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรจะสานต่อ มีแต่รื้อทิ้ง แล้วจะทำใหม่ ส่วนรธน.ฉบับนี้ เราไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะไม่มีความเป็นประชาธิปไตย และมีการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราจะแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขรธน.ทั้งฉบับ และจะขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้คสช. สืบทอดอำนาจได้ เช่นเดียวกับการที่จะมีคนของ คสช.เข้ามาในการโหวตนายกรัฐมนตรี ทั้งรอบแรกและรอบสอง เราก็จะไม่เอาด้วย พรรคเพื่อไทย ยินดีเป็นฝ่ายค้าน และเราไม่ทำพรรคให้เป็นสโมสรที่รวมนักการเมือง แล้วให้ใครเป็นนายกฯ เหมือนกับที่เขาทำอยู่ในขณะนี้" นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า ตนให้คะแนนไม่ผ่าน เพราะตั้งแต่ปี 35 เป็นต้นมา ประชาธิปไตยก็ค่อนข้างมีบทบาททำความเจริญให้กับประเทศ แต่ก็ยังดี ที่คณะรัฐประหารทุกคณะ ต้องคืนความเป็นประชาธิปไตยให้กับคนไทย แต่ที่ไม่ให้ผ่าน เพราะคนในวงการนี้ใช้ประชาธิปไตยในการบริหารประเทศแบบขาดๆ เกินๆ ซึ่งประชาธิปไตยของตน ต้องมีสวัสดิการ และปากท้องของประชาชน จากนี้ไปเราต้องทำให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ และผ่านไปได้ ซึ่งไม่ต้องให้ได้ถึง10 เต็ม10 คะแนน ขอให้ได้ผ่านก็พอ เพราะนี้คือประชาธิปไตยในรอบ12ปีที่ผ่านมา เราควรคืนอำนาจให้ประชาชนมีส่วนร่วม และรับฟังความเห็นของเขา ตรงนี้เชื่อว่าจะทำให้การเมืองผ่านฉลุยไปได้ หวังว่าการเลือกตั้งปี 62 ต้องทำให้ทุกคนยอมรับ แล้วปีหน้า มานั่งคุยกันใหม่ ตนก็จะบอกว่าเราให้คะแนนผ่าน
นายธนาธร กล่าวว่า ตนให้คะแนน 1.97 คะแนน ในฐานะที่ตนเป็นนักฝัน ก็ฝันว่าการรัฐประหารควรจบในรุ่นของตน ไม่ควรมีการทำรัฐประหารอีก ในรุ่นลูกรุ่นหลาน การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คือการเปลี่ยนแปลงเป็นพลเมืองที่มีความเท่าเทียมกัน อุปสรรคคือ คนที่ขัดขวางการเอาอำนาจ และสิทธิของประชาชนออกจากการเมืองไทยคือ พวกอภิสิทธิ์ชน ที่มีไม่กี่คนที่ถือสิทธิ์รวบอำนาจ โดยเฉพาะใช้กองทัพทำรัฐประหาร ซึ่งการทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ประชาธิปไตยไม่เติบโต ประชาชนไม่ได้ลิ้มลองประชาธิปไตย ไม่ได้ใช้อำนาจของตนเอง ดังนั้น ตนและพรรคอนาคตใหม่ ขอรับภารกิจนี้ไปสานต่อ
"ใครที่พูดอะไรเกี่ยวข้องกับทหาร เกี่ยวข้องกับรัฐประหารเอาไว้อย่างไร ให้ไปดูสิ่งที่พวกเขาจะทำกันหลังเลือกตั้ง เราอยู่กับความขัดแย้งมา 12 ปี เราต้องชนะให้ขาดด้วยการเลือกตั้ง อย่าให้ใครเอาคำว่าประชาธิปไตยมาตีกิน เราต้องจับมือกันให้ได้ เสียงในสภาฯ 376 เสียง และเราจะร่างรธน.ใหม่ ให้ได้ทันที เพราะต้องล้มล้างผลพวงของคณะรัฐประหาร ถ้าทำได้เพียงแค่ครั้งเดียว ผมก็มั่นใจว่าการทำรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย ส่วนพวกที่แอบหวังว่าจะไปเป็นรัฐมนตรี หรือไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องตอบให้ชัดว่าจะไปอยู่กับ คสช. หรือไม่ ตรงนี้พรรคการเมืองต้องตอบให้ชัด ถ้าพรรคไหนตอบไม่ชัด เราไม่ต้องเลือก" นายธนาธร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงท้าย ได้มีการเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไป ได้ตั้งคำถามกับผู้ร่วมรายการ โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.คลัง ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มคน ได้ลุกขึ้นถามว่า ขอความชัดเจนว่า หากมีการเลือกนายกฯ ในรัฐสภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในรอบ 35 ปี พรรคของท่านจะเลือกขั้นตอนแบบไหนระหว่าง 1. เลือกพรรคการเมืองที่มี 250 เสียงขึ้นไป และ 2.ไม่เป็นอะไร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามรธน. โดยให้ ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย ปรากฏว่า ทุกพรรคการเมืองพูดในทิศทางเดียวกันว่า ข้อ 1. ให้การเลือกนายกฯ จบในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร อาทิ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส.ว.ไม่ควรเข้ามาขัดขวาง คนที่สามารถรวบรวมเสียงได้ 250 เสียง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องให้คนที่มีเสียง 250 เสียง มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ส่วนนายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ต้องการไปร่วมโหวตนายกฯ โดย ส.ว. เพราะนายกฯ ของประเทศไทยต้องมาจากการเสนอชื่อของพรรคการเมือง แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะไปถึงขั้นตอนนั้น ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะไม่เลือกนายกฯ ที่ ส.ว.เป็นคนส่งมา
ทั้งนี้ บรรยากาศที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี เป็นไปอย่างคึกคัก บรรดานักการเมืองแต่ละคนต่างมีแฟนคลับมาให้กำลังใจ โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงที่นายจาตุรนต์ นายธนาธร นายสมบัติ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดนั้น มีเสียงปรบมือเป็นระยะๆ ขณะที่บางช่วงที่ นายอภิสิทธิ์ และ นายอนุทิน พูด จะมีเสียงโห่เ ป็นระยะเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อการจัดงานเสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่ได้คุมเข้มเรื่องความปลอดภัย โดยมีการจัดทางเดินให้กับนักการเมืองโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ ให้เดินทางกลับขึ้นรถ อย่างรวดเร็ว