เป็นอาทิตย์เต็มๆ ที่ทั่วโลก DIZZY อย่างหนัก เป็นอาการวิงเวียนโคลงไปโคลงมากับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ-และเกาหลีใต้ ยังกะขึ้น Roller-Coaster ที่ดิ่งลงอย่างแรง แล้วก็กลับสวิงขึ้นสูง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาแบบนี้ในโลก แม้แต่สมัยเจ้าสีหนุจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างเขมรแดง-เขมร 3 ฝ่ายก็เถอะ ยังไม่เวียนหัวที่เหตุการณ์เปลี่ยนภายใน 24 ชม....เดี๋ยวก็ “on” เดี๋ยวก็ “off” ยังกะข่าวบิดาของเมแกน มาร์เคิล จะมาร่วมพิธีเป็นคนจูงมือเจ้าสาวไปส่งให้เจ้าบ่าว, ยังไงยังงั้น
อาการที่ตลาดหุ้นทั้งในสหรัฐฯ และเอเชียแปซิฟิกดิ่งลงฮวบ หลังทรัมป์เขียนจม. (เปิดผนึก) ถึงประธานคิมแห่งเกาหลีเหนือ ขอยกเลิกการจัดประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์วันที่ 12 มิถุนาฯ โดยตบท้ายถึงสมรรถนะทางนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นการประกาศเดี่ยว, โดยไม่ได้ปรึกษาพันธมิตรสนิท เช่น เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ทำให้หุ้นสองประเทศนี้ดิ่งตามไปด้วย และผู้นำสองประเทศนี้กลับนโยบายแทบไม่ทัน
ปธน.มุนแห่งเกาหลีใต้ได้เรียกประชุมด่วนจี๋กับฝ่ายความมั่นคงทันที เพราะต้องประเมินสถานการณ์ด่วน ด้วยเกรงว่าสัญญาณเกรี้ยวกราดจากเกาหลีเหนือ ที่เขาลงทุนลงแรงไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จะสูญเปล่า (คะแนนของมุนได้รับความชื่นชมจากชาวเกาหลีใต้พุ่งไปถึง 80% หลังการประชุมสุดยอดและประกาศปฏิญญาปันมุนจอมเมื่อ 27 เมษายน)
ปธน.มุนได้ใช้ช่องทางติดต่อด่วนกับน้องสาวของประธานคิม เพื่อขอพบด่วนกับประธานคิม
สื่อหลายฉบับรายงานว่า ประธานคิมได้โทรศัพท์มาหาปธน.มุนในวันศุกร์ เพื่อพูดจาถึงการจัดประชุมสุดยอดด่วนในวันเสาร์
Summit ครั้งที่ 2 ระหว่างมุนและคิมจัดขึ้นอย่างลับสุดยอดที่หมู่บ้านปันมุนจอม แต่เป็นอาการของฝ่ายเกาหลีเหนือเพื่อเคลียร์ประเด็นที่คิมไม่สบายใจ และฝ่ายมุนก็ร้อนใจมากว่าจะกระทบต่อขบวนการลงนามสันติภาพของ 2 เกาหลี ที่จะต้องเกิดขึ้นภายในปีนี้
การประชุมลับเกิดขึ้นช่วงบ่าย 3 ถึง 5 โมงเย็นของวันเสาร์ ได้มีบันทึกเทปตอนพบกัน โดยน้องสาวประธานคิมถึงกับมารับปธน.มุนจากรถยนต์
มุนและคิมกอดกันแน่นถึง 3 ครั้ง และตามองกันอย่างคนที่ไว้ใจกันอย่างยิ่ง
ภาพประชุมลับนี้ นำออกมาเผยแพร่ในดึกวันเสาร์ และตามมาด้วยคำแถลงของปธน.มุน ในสายวันอาทิตย์เมื่อวานนี้
มุนเริ่มด้วยการกล่าวขอโทษสื่อของเกาหลีใต้ที่เขาไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงการประชุมลับ เพราะเป็นการจัดที่เร่งด่วนมาก (แต่ความจริงมุนอาจยังไม่แน่ใจว่าการประชุมจะเกิดผลในทางดีหรือไม่)
มุนพูดถึง 3 เรื่องสำคัญคือ
ผู้นำทั้งสองจะเดินหน้าจัดทำสัญญาสันติภาพให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยจะมีการพบกันบ่อยขึ้นของเจ้าหน้าที่ชั้นสูง (ที่ถูกระงับไปอย่างทันด่วนในวันพุธ โดยฝ่ายเกาหลีเหนือไม่พอใจจอห์น โบลตัน พูดถึงจะจัดการกับคิมแบบที่ทำกับกัดดาฟี ตลอดจนการซ้อมรบอย่างมโหฬารระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ)
มุนแถลงว่า คิมยังแน่วแน่ที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการประชุมสุดยอดกับทรัมป์ที่สิงคโปร์ (ในวันที่ 12 มิถุนาฯ หรืออาจช้ากว่า...เมื่อพร้อม)
มุนได้บอกกับคิมว่า ทางสหรัฐฯ ยังคงมั่นคงกับคำมั่นว่าจะไม่เปลี่ยนระบอบ (Regime Change) หรือโค่นคิม และพร้อมจะให้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับเกาหลีเหนือ
ที่สำคัญคือ อาจมีการประชุมที่สิงคโปร์ (ราวๆ 12 มิถุนาฯ-ตามเดิม-หรือช้าไป 2-3 วัน) โดยจะเป็น 3 ฝ่ายก็ได้ ซึ่งมุนเองก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ 3 ที่ร่วมเป็นสักขีพยานหรือกาวใจเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น โดยเฉพาะเพื่อให้คิมสบายใจว่า สหรัฐฯ จะไม่เบี้ยว (แบบกัดดาฟี และอิหร่าน) เรื่องการโค่นคิม
หุ้นที่ดิ่งในวันพฤหัสฯ และวันศุกร์มีอาการกระเตื้องขึ้นทันทีในวันจันทร์ (ในวันอังคารของสหรัฐฯ-เขาหยุดวันจันทร์ Memorial Day ที่สหรัฐฯ) เพื่อรับข่าวดีนี้
หลายคนมองว่า อาจมี Trump Tower ไปตั้งตระหง่านอยู่กลางกรุงเปียงยาง และเห็นร้าน McDonald’s ตั้งอยู่เกลื่อนเกาหลีเหนือ พอๆ กับเห็นรถญี่ปุ่น, เกาหลีใต้แล่นกันเต็มเกาหลีเหนือ ถ้าการเจรจาลงตัวกับการทยอยหยุดทดลองปรมาณูของเกาหลีเหนือ และการทยอยปลดอาวุธอันตรายของเกาหลีเหนือ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตกลงทรัมป์และคิม ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด
คงต้องเปลี่ยนสูตรเงื่อนไขของสหรัฐฯ ที่จะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแบบทันที และทั้งหมดภายในการประชุมสุดยอดเพียงครั้งเดียว
ทรัมป์ยอมโอนอ่อน ส่วนหนึ่งคงไม่อยากให้คะแนนนิยมตัวเองตกลงมา ถ้าไม่ประสบผลสำเร็จในการพบครั้งแรกกับคิมหรือถ้าไม่เกิดขึ้นเลย
สำหรับมุนนั้น ถ้าสหรัฐฯ ไม่ยอมเจรจากับเกาหลีเหนือ อาจกระทบสัมพันธ์ระหว่างเขากับคิมด้วย เขาจึงต้องกอบกู้ความสัมพันธ์ที่กำลังดิ่งลงอย่างไม่คาดคิด
นับเป็นความสำเร็จของมุนที่กอบกู้ความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง
และน่าจับตาน้องสาวของคิม ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในครั้งนี้ อาจนำไปสู่การเป็นทายาทของคิมในอนาคตด้วย