แอมะซอน (Amazon)โตกระฉูด ไม่มีหยุด ประกาศผลกำไร 1,600 ล้านเหรียญ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีการลงทุนจัดเต็มในศูนย์กระจายสินค้า และธุรกิจคอนเทนต์ ทำราคาหุ้นพุ่งนิวไฮ ที่ 1,625 เหรียญสหรัฐ
กำไรร้อนแรงนี้ผิดจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่มองว่ากำไรของ Amazon จะลดลงจากปี 2560 กำไรที่เพิ่มขึ้นแบบสุดเซอร์ไพรส์นี้ เป็นผลจากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง ของบริษัทอย่างแอมะซอนเว็บเซอร์วิส (Amazon Web Services)และแผนกโฆษณาของ Amazon ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับไตรมาสปัจจุบัน ไบรอัน ไอลซาฟสกี (Brian Olsavsky)ประธานฝ่ายการเงิน Amazon ระบุว่า บริษัทมีแผนสางปมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ของการลงทุนสร้างเนื้อหาต้นฉบับ หรือ original programming ทั้งภาพยนตร์ และซีรีส์ละครชุด ที่ Amazon ลงทุนสร้างเอง ด้วยการเพิ่มราคาสมาชิก Amazon Prime คาดว่าราคาสมาชิกรายเดือนของ Amazon จะเพิ่มขึ้นจาก 99 เป็น 119 เหรียญต่อปี เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้
ไม่เพียงเพิ่มราคา แต่ผู้บริหาร Amazon ยืนยันว่า บริษัทจะเน้นเพิ่มมูลค่าให้บริการ Prime น่าสนใจดึงดูดผู้ใช้ทั่วโลก คาดว่าจะแก้ปัญหา "ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น" ในการให้บริการ Prime ได้ ซึ่งรวมถึงค่าจัดส่งและบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง
นักลงทุนขานรับแนวทางของ Amazon โดยหุ้นของ Amazon พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ทันที หลังประกาศผลประกอบการ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเลขยอดขายของ Amazon ในไตรมาสนี้ แตะระดับ 51,000 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบเป็นปีที่แล้ว ขณะที่ Amazon Web Services มียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบ 50% แตะ 5,400 ล้านเหรียญ
** โกยเงิน 550 ล้านเหรียญต่อวัน
ผลงานโบแดงของ Amazon ในไตรมาสที่ผ่านมา ยังมีประเด็นที่ Amazon สามารถเพิ่มกำไรได้เกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรก เฉลี่ยตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ เจ้าพ่อ Amazon สามารถโกยรายได้มากกว่า 550 ล้านเหรียญต่อวัน
ซีอีโอ เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos)เปิดเผยในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ขณะนี้ มีสมาชิกบริการ Prime เกิน 100 ล้านรายแล้ว ตัวเลขสมาชิกนี้ การันตีได้อีกว่า Amazon มีลูกค้าเหนียวแน่น ที่สั่งซื้อสินค้าเป็นประจำตลอดเวลา โดยสมาชิก Prime จะได้รับสิทธิพิเศษ เรื่องค่าจัดส่งด่วนและสามารถชมวิดีโอสตรีมมิ่ง ได้
หากเจาะลงไปที่ Amazon Web Services ซึ่งเป็นธุรกิจบริการงานไอทีบนเทคโนโลยีคลาวด์ พบว่า AWS มีรายได้ต่อปีราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยแบรนด์ดังอย่างเน็ตฟลิกซ์ Netflix, แอร์บีเอ็นบี (Airbnb)หรือแม้แต่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ อย่าง CIA ล้วนใช้บริการ
สำหรับอนาคต Amazon มีแนวโน้มลงทุนหลายด้าน ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อพันธ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวบนจุดเด่นให้ลูกค้าไม่ต้องเข้าแถวจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ยังมีบริการจัดส่งสินค้าแนวใหม่ ที่จะทำให้ผู้ซื้อผู้ขายประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิม
กำไรร้อนแรงนี้ผิดจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่มองว่ากำไรของ Amazon จะลดลงจากปี 2560 กำไรที่เพิ่มขึ้นแบบสุดเซอร์ไพรส์นี้ เป็นผลจากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง ของบริษัทอย่างแอมะซอนเว็บเซอร์วิส (Amazon Web Services)และแผนกโฆษณาของ Amazon ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับไตรมาสปัจจุบัน ไบรอัน ไอลซาฟสกี (Brian Olsavsky)ประธานฝ่ายการเงิน Amazon ระบุว่า บริษัทมีแผนสางปมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ของการลงทุนสร้างเนื้อหาต้นฉบับ หรือ original programming ทั้งภาพยนตร์ และซีรีส์ละครชุด ที่ Amazon ลงทุนสร้างเอง ด้วยการเพิ่มราคาสมาชิก Amazon Prime คาดว่าราคาสมาชิกรายเดือนของ Amazon จะเพิ่มขึ้นจาก 99 เป็น 119 เหรียญต่อปี เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้
ไม่เพียงเพิ่มราคา แต่ผู้บริหาร Amazon ยืนยันว่า บริษัทจะเน้นเพิ่มมูลค่าให้บริการ Prime น่าสนใจดึงดูดผู้ใช้ทั่วโลก คาดว่าจะแก้ปัญหา "ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น" ในการให้บริการ Prime ได้ ซึ่งรวมถึงค่าจัดส่งและบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง
นักลงทุนขานรับแนวทางของ Amazon โดยหุ้นของ Amazon พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ทันที หลังประกาศผลประกอบการ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเลขยอดขายของ Amazon ในไตรมาสนี้ แตะระดับ 51,000 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบเป็นปีที่แล้ว ขณะที่ Amazon Web Services มียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบ 50% แตะ 5,400 ล้านเหรียญ
** โกยเงิน 550 ล้านเหรียญต่อวัน
ผลงานโบแดงของ Amazon ในไตรมาสที่ผ่านมา ยังมีประเด็นที่ Amazon สามารถเพิ่มกำไรได้เกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรก เฉลี่ยตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ เจ้าพ่อ Amazon สามารถโกยรายได้มากกว่า 550 ล้านเหรียญต่อวัน
ซีอีโอ เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos)เปิดเผยในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ขณะนี้ มีสมาชิกบริการ Prime เกิน 100 ล้านรายแล้ว ตัวเลขสมาชิกนี้ การันตีได้อีกว่า Amazon มีลูกค้าเหนียวแน่น ที่สั่งซื้อสินค้าเป็นประจำตลอดเวลา โดยสมาชิก Prime จะได้รับสิทธิพิเศษ เรื่องค่าจัดส่งด่วนและสามารถชมวิดีโอสตรีมมิ่ง ได้
หากเจาะลงไปที่ Amazon Web Services ซึ่งเป็นธุรกิจบริการงานไอทีบนเทคโนโลยีคลาวด์ พบว่า AWS มีรายได้ต่อปีราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยแบรนด์ดังอย่างเน็ตฟลิกซ์ Netflix, แอร์บีเอ็นบี (Airbnb)หรือแม้แต่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ อย่าง CIA ล้วนใช้บริการ
สำหรับอนาคต Amazon มีแนวโน้มลงทุนหลายด้าน ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อพันธ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวบนจุดเด่นให้ลูกค้าไม่ต้องเข้าแถวจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ยังมีบริการจัดส่งสินค้าแนวใหม่ ที่จะทำให้ผู้ซื้อผู้ขายประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิม