กระทรวงศึกษาฯ พบยอดเงินที่ขรก. ซี 8โกงเงินกองทุนเสมาฯ เพิ่มอีก 30 ล้าน รวมยอดทั้งหมดกว่า 100 ล้าน จ่อไล่บี้แบงก์ หลังพบพิรุธโอนเงินไม่เป็นไปตามขั้นตอน และไม่มีชื่อเจ้าของบัญชี
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ช่วงปี51- 61 กว่า 88 ล้านบาท เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ สุดพบว่ามีเงินหายเพิ่มอีก 30 ล้านบาท ในปี 50 , 51 และ 53 รวมเป็นเงินที่หาย กว่า 100 ล้านบาท และพบว่ามีการเบิกจ่ายซ้ำซ้อน รวมถึงเตรียมเสนอขอขยายเวลาการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากต้อง รอเอกสารจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) ทั่วประเทศ โดยตนขอให้ส่งมาให้ภายในวันที่ 28 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ หากแต่ละจังหวัดส่งหลักฐานมาตามเวลาที่กำหนด คิดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลได้บางส่วน ที่เหลือรอเอกสาร จากสำนักงาน ป.ป.ท. ที่ได้จากการเข้าตรวจค้นบ้าน นางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบาย และแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 และขอเอกสารการโอนเงิน จาก ธ.กรุงไทย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการโอนเงินพบว่ามีความผิดปกติ คือตามขั้นตอนทั่วไป การโอนเงินจะต้องมีชื่อเจ้าของบัญชี เลขที่บัญชี และจำนวนเงิน แต่พบว่า นางรจนา ส่งเฉพาะเลขบัญชี และจำนวนเงินให้ธนาคาร ซึ่งไม่แน่ใจว่า ระบบจีโร(GIRO) ที่ธนาคารใช้ ให้ส่งได้เฉพาะเลขที่บัญชีจริงหรือไม่ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แล้วทำไมธนาคาร จึงปล่อยให้มีการโอนเงินโดยที่ไม่มีชื่อบัญชี โดยได้ขอให้คณะกรรมการสืบสวนฯ ไปตรวจสอบการโอนเงินในโครงการอื่นๆ ด้วยว่าใช้เฉพาะชื่อบัญชี และจำนวนเงิน เช่นเดียวกับกองทุนฯ นี้หรือไม่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบและตรวจสอบรายละเอียดต่อไป
"เรื่องที่ธนาคารมีความละหลวมหรือไม่ ยังไม่ตัดสินเช่นนั้น แต่ที่น่าสังเกตคือ หากใช้เฉพาะเลขที่บัญชีและจำนวนเงิน หลักฐานการจ่ายเงินที่ธนาคารส่งกลับมา ก็จะถือว่าไม่มีความสมบูรณ์ เพราะไม่มีชื่อผู้รับโอน ยอมรับว่าการ ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ยังมีความหละหลวมอยู่ "นายอรรถพล กล่าว และว่า ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเน้นตรวจสอบจากเอกสารเป็นสำคัญ ส่วนจะเชิญนางรจนา มาให้ข้อมูลอีกรอบหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้เชิญนางรจนามาให้ข้อมูลแล้ว แต่นางรจนาปฏิเสธ โดยอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการประสานติดต่อเข้ามา ซึ่งหากมีการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว ก็อาจจะต้องเชิญนางรจนา มาให้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร อีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ป.ป.ท. กล่าวว่า คดีนี้หลังจากนำกำลังตรวจยึดเอกสาร แฟ้ม คอมพิวเตอร์ และหลักฐานอื่นๆทั้งหมดจากบ้านนางรจนา สินที แล้ว หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการคัดแยกหลักฐานที่เป็นเอกสาร ว่าส่วนใดมีความสำคัญเกี่ยวกับคดี ก็จะรวบรวมไว้
ส่วนหลักฐานอีเลกทรอนิกทั้งหมด ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะนำส่งให้ผู้เชี่ยวชาญที่ บก.ปอท. ทำการตรวจสอบข้อมูล หลังจากจากนั้นจะรวบรวมหลักฐาน เสนอบอร์ด ป.ป.ท. เพื่ออนุมัติไต่สวนคดีต่อไป เพื่อสาวให้ถึงหัวหน้าขบวนการทุจริต และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันนี้( 26 มี.ค.)คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.) สำนักงานปลัด ศธ. ที่มีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.เป็นประธาน จะประชุมเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย นางรจนา ซึ่งทางสำนักนิติการของสำนักงานปลัด ศธ.เสนอให้ลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งโทษมี 2 กรณี คือ ไล่ออก หรือ ปลดออกจากราชการ
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ช่วงปี51- 61 กว่า 88 ล้านบาท เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ สุดพบว่ามีเงินหายเพิ่มอีก 30 ล้านบาท ในปี 50 , 51 และ 53 รวมเป็นเงินที่หาย กว่า 100 ล้านบาท และพบว่ามีการเบิกจ่ายซ้ำซ้อน รวมถึงเตรียมเสนอขอขยายเวลาการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากต้อง รอเอกสารจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) ทั่วประเทศ โดยตนขอให้ส่งมาให้ภายในวันที่ 28 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ หากแต่ละจังหวัดส่งหลักฐานมาตามเวลาที่กำหนด คิดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลได้บางส่วน ที่เหลือรอเอกสาร จากสำนักงาน ป.ป.ท. ที่ได้จากการเข้าตรวจค้นบ้าน นางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบาย และแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 และขอเอกสารการโอนเงิน จาก ธ.กรุงไทย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการโอนเงินพบว่ามีความผิดปกติ คือตามขั้นตอนทั่วไป การโอนเงินจะต้องมีชื่อเจ้าของบัญชี เลขที่บัญชี และจำนวนเงิน แต่พบว่า นางรจนา ส่งเฉพาะเลขบัญชี และจำนวนเงินให้ธนาคาร ซึ่งไม่แน่ใจว่า ระบบจีโร(GIRO) ที่ธนาคารใช้ ให้ส่งได้เฉพาะเลขที่บัญชีจริงหรือไม่ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แล้วทำไมธนาคาร จึงปล่อยให้มีการโอนเงินโดยที่ไม่มีชื่อบัญชี โดยได้ขอให้คณะกรรมการสืบสวนฯ ไปตรวจสอบการโอนเงินในโครงการอื่นๆ ด้วยว่าใช้เฉพาะชื่อบัญชี และจำนวนเงิน เช่นเดียวกับกองทุนฯ นี้หรือไม่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบและตรวจสอบรายละเอียดต่อไป
"เรื่องที่ธนาคารมีความละหลวมหรือไม่ ยังไม่ตัดสินเช่นนั้น แต่ที่น่าสังเกตคือ หากใช้เฉพาะเลขที่บัญชีและจำนวนเงิน หลักฐานการจ่ายเงินที่ธนาคารส่งกลับมา ก็จะถือว่าไม่มีความสมบูรณ์ เพราะไม่มีชื่อผู้รับโอน ยอมรับว่าการ ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ยังมีความหละหลวมอยู่ "นายอรรถพล กล่าว และว่า ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเน้นตรวจสอบจากเอกสารเป็นสำคัญ ส่วนจะเชิญนางรจนา มาให้ข้อมูลอีกรอบหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้เชิญนางรจนามาให้ข้อมูลแล้ว แต่นางรจนาปฏิเสธ โดยอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการประสานติดต่อเข้ามา ซึ่งหากมีการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว ก็อาจจะต้องเชิญนางรจนา มาให้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร อีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ป.ป.ท. กล่าวว่า คดีนี้หลังจากนำกำลังตรวจยึดเอกสาร แฟ้ม คอมพิวเตอร์ และหลักฐานอื่นๆทั้งหมดจากบ้านนางรจนา สินที แล้ว หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการคัดแยกหลักฐานที่เป็นเอกสาร ว่าส่วนใดมีความสำคัญเกี่ยวกับคดี ก็จะรวบรวมไว้
ส่วนหลักฐานอีเลกทรอนิกทั้งหมด ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะนำส่งให้ผู้เชี่ยวชาญที่ บก.ปอท. ทำการตรวจสอบข้อมูล หลังจากจากนั้นจะรวบรวมหลักฐาน เสนอบอร์ด ป.ป.ท. เพื่ออนุมัติไต่สวนคดีต่อไป เพื่อสาวให้ถึงหัวหน้าขบวนการทุจริต และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันนี้( 26 มี.ค.)คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.) สำนักงานปลัด ศธ. ที่มีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.เป็นประธาน จะประชุมเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย นางรจนา ซึ่งทางสำนักนิติการของสำนักงานปลัด ศธ.เสนอให้ลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งโทษมี 2 กรณี คือ ไล่ออก หรือ ปลดออกจากราชการ