"สาวม. 2" กลับถึงบ้านแล้ว อ้างไม่มีอะไรกับ"ผอ.ฉาว" ขณะที่ตำรวจชี้ คำให้การมีพิรุธ เหมือนเตี๊ยมมา ด้าน ผอ.ติดต่อขอเข้าพบตำรวจ 31 ม.ค.นี้ ขณะที่ สพฐ. เล็งย้ายที่เรียนให้เด็ก หวั่นอึดอัดใจ
จากกรณี นายณฐาภพ บุญทองโพ ผอ.โรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถูกกล่าวหามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี โดยมีหลักฐานเป็นข้อความสนทนาแชทไลน์ เรียกกันและกันว่า “ที่รัก”และ “เมียจ๋า” ซึ่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา จะออกคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ในวันนี้ (29ม.ค.)
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อเสนอศาลออกหมายจับ หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่มารับทราบข้อหา ในคดีพรากผู้เยาว์ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และคดีกระทำชำเรา เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และ ล่าสุดมีนักเรียนหญิง ม. 2 อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนห้องเดียวกับเหยื่อรายแรก ได้เข้าแจ้งความ สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนรายเดียวกันนี้ ลวนลาม จับมือ จับแขน ลูบขา พร้อมชวนมีเพศสัมพันธ์ โดยเสนอเงิน 2,000 บาทนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า เด็กหญิงวัย 14 ปี คนดังกล่าวที่หายตัวไป ได้กลับไปยังบ้านพักแล้ว แต่ผู้ปกครอง ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามข้อมูล อ้างว่าเด็กยังรู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อม ทำความเข้าใจในเรื่องของคดีแล้ว ทางผู้ปกครอง จึงยินยอมให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ เข้าไปสอบถามข้อมูลพูดคุยกับเด็กหญิงวัย 14 ปีแล้ว โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยมีอะไรกับ ผอ.วัย 51 ปีรายนี้ ส่วนที่หายตัวไป เนื่องจากไปหาพ่อแท้ๆ ที่จ.สกลนคร และไปหาป้า ที่จ.ชลบุรี ก่อนนั่งรถบัสกลับมาเมื่อเช้า (28 ม.ค.) โดยระหว่างการพูดคุย ชุดสืบสวนฯ สังเกตว่า เด็กหญิงคนดังกล่าว พูดกระท่อนกระแท่น และคล้ายกับถูกสั่งการไม่ให้ความร่วมมือ
หลังจากนี้พนักงานสอบสวน รวมถึงสหวิชาชีพ และผู้ที่เกี่ยวข้องจะเข้าสอบปากคำอย่างเป็นทางการ เพื่อรวบรวมสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ ผอ.คนดังกล่าว ได้ติดต่อผ่านทางพนักงานสอบสวนว่า จะขอเข้าพบตำรวจ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ แต่ยังไม่ได้ระบุเวลา
ด้านนายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ (29 ม.ค.) จะหารือกับหน่วยปฏิบัติ ที่ใช้กฎหมาย ทั้งตัวแทนเขตพื้นที่ฯ ตัวแทนผู้บริหารสถานศึกษาและหน่วยงานในสพฐ.ที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนองค์ความรู้ ที่ใช้ในการดูแลเด็กและเยาวชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น เมื่อมีการทบทวนเรื่องระเบียบการดูแลนักเรียนเรียบร้อยแล้ว จะเสนอให้ จัดอบรมทางไกล เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ให้กับผู้บริหารโรงเรียน และครูฝ่ายปกครองทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวปฏิบัติต่างๆที่ตรงกัน
"ส่วนนักเรียนหญิงชั้น ม. 2 นั้น ทางเจ้าหน้าที่ ฉก.ชน.ในพื้นที่ได้ลงไปพูดคุยกับแม่เด็กแล้ว ขณะเดียวกัน ผมเองได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้นสังกัด เบื้องต้น ขอให้เด็กหยุดเรียน และให้โรงเรียนอำนวยความสะดวก โดยการจัดการเรียนการสอนให้ที่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด จากนั้นจะประเมินสถานการณ์ หากเด็กไม่สามารถกลับเข้าเรียนในโรงเรียนเดิมได้ ทางฉก.ชน. จะประสานหาที่เรียนใหม่ให้ โดยการดำเนินการจัดหาโรงเรียนใหม่ จะเป็นความลับเพื่อคุ้มครองเด็ก ซึ่งเท่าที่ประเมินเบื้องต้น เด็กหญิงรายนี้อาจจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนเพื่อไม่ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้ ผมจะลงพื้นที่ เพื่อพูดคุยกับเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ทุกคนด้วย” นายธีร์ กล่าว
จากกรณี นายณฐาภพ บุญทองโพ ผอ.โรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถูกกล่าวหามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี โดยมีหลักฐานเป็นข้อความสนทนาแชทไลน์ เรียกกันและกันว่า “ที่รัก”และ “เมียจ๋า” ซึ่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา จะออกคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ในวันนี้ (29ม.ค.)
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อเสนอศาลออกหมายจับ หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่มารับทราบข้อหา ในคดีพรากผู้เยาว์ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และคดีกระทำชำเรา เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และ ล่าสุดมีนักเรียนหญิง ม. 2 อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนห้องเดียวกับเหยื่อรายแรก ได้เข้าแจ้งความ สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนรายเดียวกันนี้ ลวนลาม จับมือ จับแขน ลูบขา พร้อมชวนมีเพศสัมพันธ์ โดยเสนอเงิน 2,000 บาทนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า เด็กหญิงวัย 14 ปี คนดังกล่าวที่หายตัวไป ได้กลับไปยังบ้านพักแล้ว แต่ผู้ปกครอง ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามข้อมูล อ้างว่าเด็กยังรู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อม ทำความเข้าใจในเรื่องของคดีแล้ว ทางผู้ปกครอง จึงยินยอมให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ เข้าไปสอบถามข้อมูลพูดคุยกับเด็กหญิงวัย 14 ปีแล้ว โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยมีอะไรกับ ผอ.วัย 51 ปีรายนี้ ส่วนที่หายตัวไป เนื่องจากไปหาพ่อแท้ๆ ที่จ.สกลนคร และไปหาป้า ที่จ.ชลบุรี ก่อนนั่งรถบัสกลับมาเมื่อเช้า (28 ม.ค.) โดยระหว่างการพูดคุย ชุดสืบสวนฯ สังเกตว่า เด็กหญิงคนดังกล่าว พูดกระท่อนกระแท่น และคล้ายกับถูกสั่งการไม่ให้ความร่วมมือ
หลังจากนี้พนักงานสอบสวน รวมถึงสหวิชาชีพ และผู้ที่เกี่ยวข้องจะเข้าสอบปากคำอย่างเป็นทางการ เพื่อรวบรวมสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ ผอ.คนดังกล่าว ได้ติดต่อผ่านทางพนักงานสอบสวนว่า จะขอเข้าพบตำรวจ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ แต่ยังไม่ได้ระบุเวลา
ด้านนายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ (29 ม.ค.) จะหารือกับหน่วยปฏิบัติ ที่ใช้กฎหมาย ทั้งตัวแทนเขตพื้นที่ฯ ตัวแทนผู้บริหารสถานศึกษาและหน่วยงานในสพฐ.ที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนองค์ความรู้ ที่ใช้ในการดูแลเด็กและเยาวชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น เมื่อมีการทบทวนเรื่องระเบียบการดูแลนักเรียนเรียบร้อยแล้ว จะเสนอให้ จัดอบรมทางไกล เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ให้กับผู้บริหารโรงเรียน และครูฝ่ายปกครองทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวปฏิบัติต่างๆที่ตรงกัน
"ส่วนนักเรียนหญิงชั้น ม. 2 นั้น ทางเจ้าหน้าที่ ฉก.ชน.ในพื้นที่ได้ลงไปพูดคุยกับแม่เด็กแล้ว ขณะเดียวกัน ผมเองได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้นสังกัด เบื้องต้น ขอให้เด็กหยุดเรียน และให้โรงเรียนอำนวยความสะดวก โดยการจัดการเรียนการสอนให้ที่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด จากนั้นจะประเมินสถานการณ์ หากเด็กไม่สามารถกลับเข้าเรียนในโรงเรียนเดิมได้ ทางฉก.ชน. จะประสานหาที่เรียนใหม่ให้ โดยการดำเนินการจัดหาโรงเรียนใหม่ จะเป็นความลับเพื่อคุ้มครองเด็ก ซึ่งเท่าที่ประเมินเบื้องต้น เด็กหญิงรายนี้อาจจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนเพื่อไม่ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้ ผมจะลงพื้นที่ เพื่อพูดคุยกับเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ทุกคนด้วย” นายธีร์ กล่าว