xs
xsm
sm
md
lg

หันไปว่าด้วยเรื่องดิน-ฟ้า-อากาศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท

พายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” พัดถล่มรัฐเท็กซัส
เริ่มต้นสัปดาห์นี้...ไม่รู้ว่าจะออกลูกกันไหนดี เพราะเรื่อง “ปูหนี” ก็ยังไม่ถึงกับหายคลายจางไปจากความรู้สึกของผู้คนซักเท่าไหร่ ยิ่งมี “มงแต๊ส” หรือ “มงเต๊ส” (เอาเป็นเต๊สดีกว่า...เพราะแต๊สออกจะฟังแล้วน่าเกลียดอยู่ซักหน่อย) กิอง กิเออ ออกมาช่วยทำให้อะไรที่ทุเรศๆ อยู่แล้ว ยิ่งน่าเกลียด น่าทุเรศ ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ผู้คนก็เลยเต๊สๆ แต๊สๆ หยิบเอาเรื่องปูหนี ไปจนถึงเรื่องหูปู หางปู มาว่ากันซะจนชุลมุนไปทั่วทั้งเข่งไก่ หาที่ซุก ที่ซ่อน เพื่อให้รอดพ้นลูกหลงจากการจิกตีได้ค่อนข้างจะลำบากซะเหลือเกิน...

ส่วนถ้าจะเปิดฝาเข่ง...บินไปหา “คิมน้อย” หรือไม่ก็ “ทรัมป์บ้า” โดยเนื้อหาของสถานการณ์ ก็ดูจะหวนกลับมาสู่อาการ “กั๊กกันไป-กั๊กกันมา” อีกเช่นเดิม แม้ “คิมน้อย” จะหันมายกซดไป 1 แบนแล้วก็ตาม คือตัดสินใจงัดบ้องข้าวหลามยักษ์ยิงข้ามหัวญี่ปุ่นไปตกอยู่แถวๆ ฝั่งแปซิฟิกโน่นเลย แต่จะถึงขั้นให้ “ทรัมป์บ้า” คว้าขวดออกมาซดเป็นกลมๆ...คงลำบากเพราะแค่รบกับผู้คนภายในประเทศ ก็...ตายแล้ว!!! อย่างที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” ท่านได้บรรยายไว้ในคอลัมน์ “มองต่างแดน” นั่นแหละว่า แค่จะอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปให้ได้ อีกซักเดือน สองเดือนข้างหน้า ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ อยู่ไม่ได้ หรือไม่ อย่างไร ก็ยังไม่แน่ โอกาสที่จะปลีกเวลามารบกับ “คิมน้อย” มันเลยไม่ถึงกับน่าถนัดถนี่ซักเท่าไหร่ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี จึงออกจะเป็นไปอย่างที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านว่าเอาไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมานั่นแหละว่า เป็นสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างกำลังเลี้ยงตัว หาจุดทรงตัวเหมาะๆ อยู่บริเวณริมๆ ปากเหวแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่โตมโหฬาร...อะไรประมาณนั้น...

ด้วยเหตุนี้...ลองไปว่ากันถึงเรื่องฝน เรื่องฟ้า เรื่อง “ธรรมชาติ” น่าจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ทั้งผู้ว่าฯ กทม.ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสภาวะดิน-ฟ้า-อากาศ ท่านก็ได้ออกเตือนๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่จะเกิดน้ำบ่า น้ำหลาก น้ำท่วม ส่งผลให้ “น้ำรอระบาย” มันอาจจะระบายลำบาก กลายเป็นปัญหาระดับที่ทำให้ “คะแนนนิยม” ของรัฐบาล ที่ใกล้ๆ “สอบตก” อยู่แล้ว (5.7 จากคะแนนเต็ม 10) มีสิทธิร่วงๆ ลงไปอีกก็ไม่แน่!!! ยิ่งมีข่าวว่า “พายุดอกกุหลาบ” หรือ “พายุมาวาร์” ตามชื่อที่พวกมาเลเซียเขาตั้งให้ ได้ก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เพียงแต่จะไป “ขึ้นฝั่ง” เอาแถวๆ จีน แถวๆ ญี่ปุ่น แล้วไม่วกกลับลงมาอีกเลย อันทำให้ไม่เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยเอาเลยแม้แต่น้อย ตามที่กรมอุตุนิยมฯ ท่านว่า หรือไปๆ-มาๆ จะเป็นแบบเดียวกับ “พายุนกพิราบ” หรือ “พายุฮาโตะ” ที่แม้กรมอุตุฯ ท่านเคยสรุปว่า ไม่น่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยแม้แต่เพียงนิดเดียว หลังจากเลยไปแถวญี่ปุ่น ไต้หวัน และไปขึ้นฝั่งแถวๆ จีนตอนใต้ แต่ไปๆ-มาๆ ดันเลี้ยวกลับเอาหางมาฟาดภาคเหนือและภาคอีสานของไทย ชนิดเล่นเอาอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์กันไปมิใช่น้อย...

คือถ้าดูจาก “พายุฮาร์วีย์” ที่เพิ่งไปขึ้นฝั่งแถวๆ รัฐเท็กซัส หลุยเซียนา ของประเทศอเมริกาเมื่อไม่กี่วันมานี้ ต้องเรียกว่า...น่าเกลียด น่ากลัว น่าหันมาให้ความสนใจมิใช่น้อย หนักซะยิ่งกว่าเรื่องมองเตสกิอง กิเออ ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า หรืออย่างที่สำนักประเมินผลทางเศรษฐกิจ “มูดีส์” เขาเพิ่งสรุปรวบยอดตัวเลขความเสียหายของพายุลูกนี้ ต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอาไว้นั่นแหละว่า ถ้าคำนวณออกมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องนับจำนวนคนตาย ที่ตายไปแล้ว 44 ราย หรือต้องอพยพผู้คนอีกนับเป็นล้านๆ คน ความเสียหายทางเศรษฐกิจของพายุลูกนี้ คิดเป็นมูลค่าไม่น่าจะน้อยไปกว่า 5.1-7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หนักหนาสาหัสขนาดไหน ก็เอาตัวเลข 30 กว่าๆ ไปคูณออกมาเป็นเงินบาทไทยลองดูก็ได้ คือระดับครึ่งๆ งบประมาณประเทศไทยตลอดทั้งปีเอาเลยทีเดียวเจียว...

เหตุที่มันเสียหายหนักหนาสาหัสถึงขั้นนี้...ว่ากันว่า เป็นเพราะบริเวณที่พายุเข้านั้น มันเป็นบรรดา “แหล่งผลิตน้ำมัน” ของอเมริกาแบบพอดิบพอดี ส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมันระดับ 1 ใน 4 ของสหรัฐฯ ต้องสะดุดหยุดกึกแบบฉับพลัน-ทันที ตัวเลขการผลิตหดหายไปถึงวันละ 4.4 ล้านบาร์เรล เป็นอย่างน้อย สภาพความเสียหายมันจึงหนักหนาสาหัสไปได้ถึงเพียงนี้ และนั่นย่อมทำให้ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กรอบเป็นข้าวเกรียบอยู่แล้ว แม้ช่วงหลังจะหันมาขายอาวุธ ขายถ่านหินอย่างเป็นล่ำเป็นสันได้มากมายขนาดไหน แต่การวาดหวังอยากจะให้ “America Great Again” ก็ยิ่งยากซ์ซ์ซ์ออกไปยิ่งขึ้นเท่านั้น...

ไม่ต่างอะไรไปจาก “ระบบเศรษฐกิจไทย” นั่นแหละทั่น...แม้ว่าช่วงหลังๆ นี้ ใครต่อใครจะเริ่มออกมา “คุยๆ” กันบ้างแล้ว ถึงแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจที่ทำท่าว่าจะดีวัน-ดีขึ้น ส่งออกก็ดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ดีขึ้น ตลาดหุ้นไทยก็ดัน “สวนควันปืน” ไม่ว่าใครๆ “หัวตก” กันแทบทั้งโลก เพราะกรณี “คิมน้อย” กับ “ทรัมป์บ้า” แต่ด้วยอานิสงส์จากกรณี “ปูหนี” เท่านั้นเอง “แมลงเม่า” ทั้งหลายในบ้านเรากลับได้ซี๊ดๆ ซ๊าดๆ กันชนิดอุจจาระแตก อุจจาระแตน เกิดอาการวาดหวัง วาดฝัน ไว้ถึงขั้นตลาดจะโตไปถึง 1,700 จุดโน่นเลย ชนิดนักกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง “ป๋าดัน-สมคิด” ยังอดไม่ได้ต้องออกมาปรามๆ ให้หาทาง “พอเพียง” เข้าไว้นั่นและดี...

ด้วยเหตุนี้...การหันมามองความเป็นไปของธรรมชาติ อย่างน้อยก็เอาไว้เป็น “เครื่องเตือนสติ” น่าจะมีความสำคัญมิใช่น้อยอย่าแค่ตื่นเช้าขึ้นมาเช็กข่าวกันทางไลน์ ว่าปูหนี ปูไม่หนี มองเตสกิเออ จะว่ายังไงกันต่อ หรือ “ทรัมป์บ้า” จะเอายังไงกับ “คิมน้อย” ฯลฯ ลองหันไปแหงนหน้าดูฟ้า ดูฝน ดูความเป็นไปของธรรมชาติกันเอาไว้มั่ง!!! เพราะสุดท้ายแล้ว...ไม่ว่ามนุษย์หน้าไหน รายไหน หรือแม้แต่ประเทศไหน จักรวรรดิไหน จะยิ่งใหญ่ เกรียงไกร เพียงใดก็ตาม แต่โดยบทเรียนทางประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีการบันทึกกันมา “ธรรมชาติ” นั่นแหละ...มักเป็นตัวตัดสินชี้ขาดทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงวินาทีสุดท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น