รอยเตอร์ - อิทธิพลของพายุโซนร้อน “ฮาร์วีย์” ซึ่งซัดถล่มรัฐเทกซัส ส่งผลให้เมืองฮุสตันซึ่งมีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 4 ของสหรัฐฯ กลายสภาพเป็นเมืองบาดาลวานนี้ (27 ส.ค.) ขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องใช้เรืออพยพออกจากบ้าน หรือไม่ก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับฝนที่คาดว่าจะเทกระหน่ำต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
พายุฮาร์วีย์ซึ่งพัดขึ้นฝั่งเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (25) ด้วยความเร็วลม 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถูกจัดเป็นเฮอริเคนที่มีความรุนแรงที่สุดที่ถล่มรัฐเทกซัสในรอบกว่า 50 ปี และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ราย แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากอิทธิพลของพายุยังก่อให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งและทอร์นาโดตามมา
หลายพื้นที่คาดว่าจะมีฝนตกในช่วง 1 สัปดาห์เทียบเท่ากับปริมาณฝนทั้งปี
แม่น้ำลำคลองที่เอ่อล้นตลิ่งส่งผลให้ถนนหลายสายในเมืองฮุสตันมีน้ำท่วมถึงระดับอก ขณะที่สำนักบริการสภาพอากาศสหรัฐฯ รายงานว่ามีฝนตกในเขตเมืองฮุสตันสูงกว่า 76 เซนติเมตรในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังตกต่อเนื่องไปอีก
พายุลูกนี้เคลื่อนเข้าสู่ใจกลางอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ ทำให้หลายบริษัทต้องสั่งปิดโรงกลั่นและอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง
“นี่เป็นอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองฮุสตัน ไม่เคยมีฝนตกมากขนาดนี้มาก่อนเลย” สตีฟ โบเวน นักอุตุนิยมวิทยาจากบริษัทประกันภัยต่อ เอียน เบนฟิลด์ ให้สัมภาษณ์
พื้นที่ชายฝั่งบางแห่งของรัฐเทกซัสอาจมีปริมาณฝนมากถึง 127 เซนติเมตรในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หรือเทียบเท่ากับฝนที่ตกเฉลี่ยใน 1 ปี
ศูนย์กลางของพายุฮาร์วีย์ยังอยู่ห่างจากฮุสตันไปราวๆ 170 กิโลเมตร และคาดว่าจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองใหญ่แห่งนี้ในช่วงวันพุธ (30)
ทางการได้ร้องขอให้พลเมืองในฮุสตันและพื้นที่อื่นๆ อย่าเพิ่งอพยพออกจากบ้านเรือนแม้จะถูกน้ำท่วม เนื่องจากถนนไม่สามารถใช้สัญจรได้ ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวยืนยันวานนี้ (27) ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยและสำรวจความเสียหายที่รัฐเทกซัสในวันอังคาร (29)
ทั้งนี้ ศักยภาพการกลั่นน้ำมันของอเมริการาว 45% อยู่บริเวณชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก และเกือบ 1 ใน 5 ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบก็อยู่นอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกเช่นกัน การสั่งปิดโรงกลั่นและแท่นขุดเจาะเนื่องจากอิทธิพลของพายุฮาร์วีย์ โดยเฉพาะโรงกลั่นเบย์ทาวน์ของบริษัท เอ็กซ์ซอน โมบิล ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุปทานก๊าซโซลีนทั่วพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงภูมิภาคอื่นๆ ของสหรัฐฯ
ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสร้างความตกตะลึงต่อฝ่ายบริหารเมืองฮุสตัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอให้ประชาชนที่มีเรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยคนอื่นๆ ด้วย ขณะที่สำนักงานบรรเทาเหตุฉุกเฉินแนะนำให้ชาวบ้านหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาถ้ามีความจำเป็น
นักอุตุนิยมวิทยาได้เปรียบเทียบความรุนแรงของพายุฮาร์วีย์ว่าแทบไม่ต่างจากเฮอริเคน “แคทรีนา” ซึ่งเป็นเฮอริเคนระดับ 3 ที่ซัดถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์เมื่อปี 2005 จนมีผู้เสียชีวิตไปถึง 1,800 คน ส่วนสำนักงานควบคุมอุทกภัยประจำเทศมณฑลแฮร์ริสระบุว่า ผลกระทบจากพายุฮาร์วีย์น่าจะใกล้เคียงกับพายุโซนร้อน “แอลลิสัน” ซึ่งทำให้มีปริมาณฝนราว 102 เซนติเมตรในรัฐเทกซัสเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2001 และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าถึง 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ