นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 62 ย้ำมองความต้องการในพื้นที่ ให้สอดคล้องแผนพัฒนาประเทศตามกรอบ ไม่ใช่เอาแต่เงินถม เพราะแก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน "ชี้" ยุทธศาสตร์ชาติต้องอยู่ ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่ ย้ำต้องเชิดชู-ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ เผยสถาบันฯทรงเมตตาไม่อยากลงโทษประชาชนคดีหมิ่นฯ อภัยโทษ-นิรโทษกรรม มาตลอด
วานนี้ (16ส.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเดินหน้าของประเทศ ต้องอาศัยส่วนราชการ และภาครัฐบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นไปตามความต้องการของประเทศ และศักยภาพที่มีอยู่ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือในทุกภาคส่วน ด้วยพลังประชารัฐ เพื่อที่จะทำให้ประเทศ มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีที่อยู่ในสังคมโลก ในจุดที่เหมาะสม
วันนี้เราทำงานด้วยกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 วงรอบ 5 ปี โดยมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ขึ้นมาอีก ถือเป็นกลไกในการทำงานเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่ ก็ตาม ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามกรอบที่วางไว้ เราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก
สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ เรายังคงต้องใช้งบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ เป็นตัวนำพาไปในช่วงแรก ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของการบริหารจัดการภาครัฐ คือ ขาดการบูรณาการในมิติต่างๆ อย่างแท้จริง จึงพยายามส่งเสริมให้บูรณาการในด้านต่างๆ ตามมิติพื้นที่ แต่ก็ยังเชื่อมโยงได้ไม่แท้จริง รัฐบาลสนับสนุนให้มองการพัฒนาพื้นที่ เป็นระดับภาค ซึ่งปัจจุบันเราได้กำหนดเป็น 6 ภาค ดังนั้น งบประมาณไม่ว่าจะเป็นด้านใด ก็จะต้องมองศักยภาพของภาคโดยรวม ต้องประเมินตัวเลข จีดีพี รายหัว รายจังหวัด เพราะปัจจุบันยังมีความแตกต่างในเรื่องของรายได้แต่ละพื้นที่ค่อนข้างมาก เห็นได้จากการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย มีถึง 14 ล้านคน หลังคัดกรองแล้ว น่าจะเหลือประมาณ 12 ล้านคน โดยประเมินรายได้ ต่ำกว่า 1 แสนบาท ต่อปี เฉลี่ยต่อเดือนแล้วอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยรายได้ต่อเดือนควรอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท แต่มันทำไม่ได้ เพราะแม้แต่ข้าราชการยังมีรายได้ไม่ถึง จึงต้องคิดว่า ทำอย่างไรให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีรายได้สูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง 6 ภาค ดังนั้น จะต้องเร่งการพัฒนาโดยเร็ว
"ทำอย่างไรที่จะทำให้การพัฒนา และรายได้ถึงมือประชาชนทุกคน ถ้ามัวเอาโครงการ และงบประมาณไปใส่เป็นก้อน ๆ เฉพาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ โดยไม่มองมวลรวมทั้งหมด ทุกอย่างก็จะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเพียงพอ ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม เพราะโครงสร้างไม่ได้แก้ปัญหา พื้นฐานก็ยังเหลื่อมล้ำ และไม่ใช่ทุกภาค ทุกจังหวัดจะเสนองบประมาณมาแบบเดียวกัน เพราะส่วนกลาง ไม่สามารถจัดสรรให้ได้ ผู้ว่าฯ ต้องเข้าใจว่า อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง และวันนี้งบประมาณจังหวัดก็ได้รับจัดสรรไปมากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ว่าฯ ทุกคนจะต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า จังหวัด และภาคของท่าน ควรพัฒนาไปในทิศทางใด" นายกฯ กล่าว
**ต้องเชิดชู-ปกป้องสถาบันกษัตริย์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ ต้องมีมิติด้านความมั่นคงด้วย ขอให้หน่วยงานต่างๆ นำไปคิด ว่าแต่ละพื้นที่ทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด วางภาระกิจของตัวเองอย่างไร ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยทั้งหมดได้เขียนไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ซึ่ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะกำกับดูแลในช่วง 5 ปีแรก เชื่อว่าทุกอย่างจะเข้าที่ โดยประเทศเริ่มมั่นคง และมีทิศทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่สำคัญที่สุด คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งถือเป็นองค์กรสำคัญเป็นหนึ่งในหลักของประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เราต้องเคารพ เทิดทูน และรักษาไว้ยิ่งชีวิต เราปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ประวัติศาสตร์ชาติไทยมีมาเกือบ 1,000 ปี มีพระมหากษัตริย์มาตลอด ฉะนั้นหน้าที่ของพวกเรา สิ่งแรกจะต้องเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดี ปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ
ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และวันนี้จะเปิดวีดีทัศน์ ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานให้มา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อจะให้เห็นว่า พระองค์ทรงใช้คำว่า สืบสาน รักษา และต่อยอด สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงทำอะไรไว้ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงสืบทอดสิ่งเหล่านั้น พวกเราทุกคนก็ต้องสานต่อ ตามแนวทางที่พระราชทานไว้ ซึ่งรัฐบาลได้สรุปออกมาแล้วว่า จะนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งมีถึง 8-9 กิจกรรม ไม่ใช่เฉพาะด้านการเกษตรเพียงอย่างเดียว
"เรื่องการตรวจสอบกระทำความผิด อะไรก็แล้วแต่ ผู้ที่เผยแพร่สิ่งที่ไม่เหมาะสมวันนี้ สถาบันทรงพระเมตตาทรงรับสั่งเสมอว่า ไม่อยากให้ประชาชนต้องถูกลงโทษด้วยเรื่องเหล่านี้ ซึ่งประชาชนบางคนก็รู้กฎหมาย แต่ก็พยายามจะทำอยู่เหมือนพยายามที่จะต่อต้านกฎหมาย ซึ่งก็คือกฎหมายฉบับหนึ่งเหมือนฉบับอื่นๆ และพระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานอภัยโทษ นิรโทษกรรมมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีคนพยายามจะทำอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าสถาบันไปทำอะไรให้เดือดร้อน ผมพยายามจะคิดแบบที่เขาคิด แต่ก็คิดไม่ออก คิดไม่ได้ ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ฉะนั้นขอให้นึกถึงว่า พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตา ไม่อยากให้มีการลงโทษอะไรต่างๆ ซึ่งกฎหมายนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนออก แต่ทุกรัฐบาลเป็นคนออกกฎหมายนี้มา เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้เข้าใจด้วย พระองค์ท่านใช้กฎหมายไม่ได้ พระองค์ท่านพระราชทานอำนาจทั้ง 3 อำนาจมาให้รัฐบาลเป็นผู้บริหาร เราก็ต้องปกป้องพระองค์ท่าน " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า เราต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจรวมทั้งเร่งขยายผลโครงการตามแนวพระราชดำริ ตามหลักการทรงงานของพระองค์ท่านทุกพระองค์
***ร.๑๐ ทรงให้ทำคลีนิกเกษตรเคลื่อนที่
จากนั้น เวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานเกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี ว่า "วันนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านจากรัชกาลที่ 9 สู่รัชกาลที่ 10 ถือเป็นความโชคดีของทุกคนที่ทั้ง 2 พระองค์ อยู่กับเรา เป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ ด้วยความอยู่ดีกินดีทำเพื่อการเกษตร ด้านการเกษตรรัชกาลที่ 10 ทรงให้ทำคลีนิกเกษตรเคลื่อนที่ แก้ไขปัญหาเกษตรกรในท้องถิ่น ถ้าใครปรับใครทำก็ได้ โลกใบนี้ไม่มีอะไรได้เปล่าๆ พวกโกงยังต้องลงทุนเลย จะขอราคาให้มากที่สุดเป็นไปไม่ได้ ต้องปลูกให้ตรงความต้องการผู้บริโภค สร้างความต้องการเทียมไม่ได้ แล้วไปดูแลปลายทาง เกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องพัฒนาประเทศไปด้วย หาโอกาสให้เจอในแผ่นดินนี้แล้วรวมตัวกันให้ได้ ต้องเริ่มต้นแก้ให้ได้ อย่าท้อถอย ราคาข้าวตกมันตกทั้งวงจร ทำอะไรต้องเป็นห่วงโซ่ คนกลางต้องเสียสละบ้าง ทุกคนอยากรวยหมด เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ต้องรู้พอเพียง ต้องรู้จักพอได้ ถ้าความมั่นคงไม่เกิดอย่างอื่นล้มเหลวหมด ต้องทำงานเป็น วิชาการอย่างเดียวไม่ได้"
วานนี้ (16ส.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเดินหน้าของประเทศ ต้องอาศัยส่วนราชการ และภาครัฐบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นไปตามความต้องการของประเทศ และศักยภาพที่มีอยู่ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือในทุกภาคส่วน ด้วยพลังประชารัฐ เพื่อที่จะทำให้ประเทศ มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีที่อยู่ในสังคมโลก ในจุดที่เหมาะสม
วันนี้เราทำงานด้วยกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 วงรอบ 5 ปี โดยมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ขึ้นมาอีก ถือเป็นกลไกในการทำงานเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่ ก็ตาม ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามกรอบที่วางไว้ เราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก
สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ เรายังคงต้องใช้งบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ เป็นตัวนำพาไปในช่วงแรก ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของการบริหารจัดการภาครัฐ คือ ขาดการบูรณาการในมิติต่างๆ อย่างแท้จริง จึงพยายามส่งเสริมให้บูรณาการในด้านต่างๆ ตามมิติพื้นที่ แต่ก็ยังเชื่อมโยงได้ไม่แท้จริง รัฐบาลสนับสนุนให้มองการพัฒนาพื้นที่ เป็นระดับภาค ซึ่งปัจจุบันเราได้กำหนดเป็น 6 ภาค ดังนั้น งบประมาณไม่ว่าจะเป็นด้านใด ก็จะต้องมองศักยภาพของภาคโดยรวม ต้องประเมินตัวเลข จีดีพี รายหัว รายจังหวัด เพราะปัจจุบันยังมีความแตกต่างในเรื่องของรายได้แต่ละพื้นที่ค่อนข้างมาก เห็นได้จากการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย มีถึง 14 ล้านคน หลังคัดกรองแล้ว น่าจะเหลือประมาณ 12 ล้านคน โดยประเมินรายได้ ต่ำกว่า 1 แสนบาท ต่อปี เฉลี่ยต่อเดือนแล้วอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยรายได้ต่อเดือนควรอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท แต่มันทำไม่ได้ เพราะแม้แต่ข้าราชการยังมีรายได้ไม่ถึง จึงต้องคิดว่า ทำอย่างไรให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีรายได้สูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง 6 ภาค ดังนั้น จะต้องเร่งการพัฒนาโดยเร็ว
"ทำอย่างไรที่จะทำให้การพัฒนา และรายได้ถึงมือประชาชนทุกคน ถ้ามัวเอาโครงการ และงบประมาณไปใส่เป็นก้อน ๆ เฉพาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ โดยไม่มองมวลรวมทั้งหมด ทุกอย่างก็จะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเพียงพอ ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม เพราะโครงสร้างไม่ได้แก้ปัญหา พื้นฐานก็ยังเหลื่อมล้ำ และไม่ใช่ทุกภาค ทุกจังหวัดจะเสนองบประมาณมาแบบเดียวกัน เพราะส่วนกลาง ไม่สามารถจัดสรรให้ได้ ผู้ว่าฯ ต้องเข้าใจว่า อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง และวันนี้งบประมาณจังหวัดก็ได้รับจัดสรรไปมากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ว่าฯ ทุกคนจะต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า จังหวัด และภาคของท่าน ควรพัฒนาไปในทิศทางใด" นายกฯ กล่าว
**ต้องเชิดชู-ปกป้องสถาบันกษัตริย์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ ต้องมีมิติด้านความมั่นคงด้วย ขอให้หน่วยงานต่างๆ นำไปคิด ว่าแต่ละพื้นที่ทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด วางภาระกิจของตัวเองอย่างไร ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยทั้งหมดได้เขียนไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ซึ่ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะกำกับดูแลในช่วง 5 ปีแรก เชื่อว่าทุกอย่างจะเข้าที่ โดยประเทศเริ่มมั่นคง และมีทิศทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่สำคัญที่สุด คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งถือเป็นองค์กรสำคัญเป็นหนึ่งในหลักของประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เราต้องเคารพ เทิดทูน และรักษาไว้ยิ่งชีวิต เราปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ประวัติศาสตร์ชาติไทยมีมาเกือบ 1,000 ปี มีพระมหากษัตริย์มาตลอด ฉะนั้นหน้าที่ของพวกเรา สิ่งแรกจะต้องเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดี ปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ
ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และวันนี้จะเปิดวีดีทัศน์ ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานให้มา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อจะให้เห็นว่า พระองค์ทรงใช้คำว่า สืบสาน รักษา และต่อยอด สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงทำอะไรไว้ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงสืบทอดสิ่งเหล่านั้น พวกเราทุกคนก็ต้องสานต่อ ตามแนวทางที่พระราชทานไว้ ซึ่งรัฐบาลได้สรุปออกมาแล้วว่า จะนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งมีถึง 8-9 กิจกรรม ไม่ใช่เฉพาะด้านการเกษตรเพียงอย่างเดียว
"เรื่องการตรวจสอบกระทำความผิด อะไรก็แล้วแต่ ผู้ที่เผยแพร่สิ่งที่ไม่เหมาะสมวันนี้ สถาบันทรงพระเมตตาทรงรับสั่งเสมอว่า ไม่อยากให้ประชาชนต้องถูกลงโทษด้วยเรื่องเหล่านี้ ซึ่งประชาชนบางคนก็รู้กฎหมาย แต่ก็พยายามจะทำอยู่เหมือนพยายามที่จะต่อต้านกฎหมาย ซึ่งก็คือกฎหมายฉบับหนึ่งเหมือนฉบับอื่นๆ และพระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานอภัยโทษ นิรโทษกรรมมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีคนพยายามจะทำอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าสถาบันไปทำอะไรให้เดือดร้อน ผมพยายามจะคิดแบบที่เขาคิด แต่ก็คิดไม่ออก คิดไม่ได้ ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ฉะนั้นขอให้นึกถึงว่า พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตา ไม่อยากให้มีการลงโทษอะไรต่างๆ ซึ่งกฎหมายนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนออก แต่ทุกรัฐบาลเป็นคนออกกฎหมายนี้มา เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้เข้าใจด้วย พระองค์ท่านใช้กฎหมายไม่ได้ พระองค์ท่านพระราชทานอำนาจทั้ง 3 อำนาจมาให้รัฐบาลเป็นผู้บริหาร เราก็ต้องปกป้องพระองค์ท่าน " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า เราต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจรวมทั้งเร่งขยายผลโครงการตามแนวพระราชดำริ ตามหลักการทรงงานของพระองค์ท่านทุกพระองค์
***ร.๑๐ ทรงให้ทำคลีนิกเกษตรเคลื่อนที่
จากนั้น เวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานเกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี ว่า "วันนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านจากรัชกาลที่ 9 สู่รัชกาลที่ 10 ถือเป็นความโชคดีของทุกคนที่ทั้ง 2 พระองค์ อยู่กับเรา เป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ ด้วยความอยู่ดีกินดีทำเพื่อการเกษตร ด้านการเกษตรรัชกาลที่ 10 ทรงให้ทำคลีนิกเกษตรเคลื่อนที่ แก้ไขปัญหาเกษตรกรในท้องถิ่น ถ้าใครปรับใครทำก็ได้ โลกใบนี้ไม่มีอะไรได้เปล่าๆ พวกโกงยังต้องลงทุนเลย จะขอราคาให้มากที่สุดเป็นไปไม่ได้ ต้องปลูกให้ตรงความต้องการผู้บริโภค สร้างความต้องการเทียมไม่ได้ แล้วไปดูแลปลายทาง เกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องพัฒนาประเทศไปด้วย หาโอกาสให้เจอในแผ่นดินนี้แล้วรวมตัวกันให้ได้ ต้องเริ่มต้นแก้ให้ได้ อย่าท้อถอย ราคาข้าวตกมันตกทั้งวงจร ทำอะไรต้องเป็นห่วงโซ่ คนกลางต้องเสียสละบ้าง ทุกคนอยากรวยหมด เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ต้องรู้พอเพียง ต้องรู้จักพอได้ ถ้าความมั่นคงไม่เกิดอย่างอื่นล้มเหลวหมด ต้องทำงานเป็น วิชาการอย่างเดียวไม่ได้"