สิ่งที่ทำให้หน่วยงานซึ่งถูกจัดตั้งเอาไว้สำหรับการทำ “สงครามไซเบอร์” กับอเมริกาโดยเฉพาะ อย่างหน่วยงานที่ถูกเรียกขานกันในนาม “Bureau 121” ของเกาหลีเหนือนั้น ดูน่าอันตรายไม่น้อยไปกว่าขีปนาวุธในแต่ละลูก ก็น่าจะเห็นได้จากศักยภาพในการดอดเข้าไปล้วงข้อมูล “ลับสุดยอด” จากหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ หรือจากองค์กร “NSA” (National Security Agency) เอามาใช้เป็น “หอกสนองคืน” ด้วยการเล่นงานระบบคอมพิวเตอร์ของประเทศตะวันตก หรือแม้แต่โลกทั้งโลก โดยอาศัยตัวไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่เรียกๆ กันว่า “WannaCry” ซึ่งแอบล้วงมาจากหน่วยงาน “NSA” นั่นเอง...
ว่ากันว่า...ไวรัสตัวนี้นั้น ถูกแอบล้วง แอบควัก โดย “แฮกเกอร์” ผู้ถูกเรียกขานกันในแวดวงชาวแฮกทั้งหลาย ว่า “Shadow Brokers” ซึ่งจะเป็นใคร สัญชาติใด เชื้อชาติใด ก็ยากที่จะระบุได้ชัดๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...น่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับกลุ่ม “Lazarus Group” หรือกับสาขาหน่วยงาน “Bureau 121” ของหัวหน้าแก๊งยันหว่างแห่งคาบสมุทรเกาหลี หรือกับประธานาธิบดี “คิมน้อย” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของไวรัส “WannaCry” รวมทั้ง “Petya” ที่แพร่ระบาดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของโลกตะวันตกเป็นหลักเมื่อช่วงไม่นานมานี้นี่เอง ว่ากันว่า...ส่งผลเสียหายคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยไปกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสูงกว่ารายได้ส่งออกทั้งหมดของเกาหลีเหนือในแต่ละปี เรียกว่า “สะใจตาแม้น” หรือ “หายแค้นตาแม้น” ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...
พูดง่ายๆ ว่า...แม้ว่าอเมริกานั้นพยายามที่จะเป็น “จ้าวโลก” โดยอาศัยอำนาจทางทหาร ที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้ หรือไม่อาจแข่งขันได้ แต่ภายใต้ “โลกชนิดใหม่” ที่ใครต่อใครต่างนำเอา “ข้อมูล” แทบทุกสิ่งทุกอย่างยัดใส่ไว้ในระบบ “คอมพิวเตอร์” จนก่อให้เกิด “โลกไซเบอร์” ที่เต็มไปด้วยข้อมูลนานาชนิดลอยฟ่องไปมา ไหลจากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง จากห้วงสมุทรสู่ภาคพื้นไปจนสู่ฟ้าอวกาศ ชนิดที่ใครคนใดคนหนึ่ง หรืออำนาจใด อำนาจหนึ่ง ยากซ์ซ์ซ์ที่จะควบคุมบังคับได้ถนัดๆ มันเลยทำให้เกิดการนำเอา “จุดอ่อน” ของฝ่ายที่ได้เปรียบทางอำนาจ มาพัฒนาให้กลายเป็น “จุดแข็ง” ของฝ่ายที่เสียเปรียบทางอำนาจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ กองพลไซเบอร์ หรือแม้แต่กองโจรไซเบอร์ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่ถูกหมายหัวเอาไว้โดยคุณพ่ออเมริกา นับวัน...จึงเริ่มเติบโต แกร่งกล้ายิ่งขึ้นทุกที ไม่ว่าจีน รัสเซีย อิหร่าน รวมทั้งเกาหลีเหนือของ “คิมน้อย” ที่สามารถแก้แค้น-เอาคืน คุณพ่ออเมริกาได้ทุกเมื่อ...
และภายใต้การเติบโตของกองพลไซเบอร์ กองโจรไซเบอร์ ในแต่ละประเทศที่ต่างต้องตกเป็น “คู่กัด” หรือถูกคุณพ่ออเมริกาเอาปูนหมายหัวไปด้วยกันทั้งสิ้น มันจึงยิ่งยากเอามากๆ ที่จะล่วงรู้ได้ชัดๆ ว่า การ “แก้แค้น-เอาคืน” ในแต่ละครั้ง เกิดขึ้นโดยฝีมือของใครกันแน่ เพราะภายใต้การบุกทะลวงโจมตีด้วย “สงครามไซเบอร์” นั้น มันมักก่อให้เกิดบรรยากาศในแบบ “สงครามที่แทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” คือแม้นว่าคุณพี่จีนนั้นจะแสดงอาการ “เห็นควรด้วย” อย่างชัดแจ้ง ในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ แต่จาก “ข่าวล่า-มาเรือ” ที่ระบุเอาไว้ประมาณว่า สำนักงานสาขาของหน่วยงาน “Bureau 121” ของเกาหลีเหนือในจีน ดันมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับหน่วยงานแฮกเกอร์ของจีน ที่มีชื่อว่า “Tonto Team” และต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในอันที่จะเพียรพยายามหาทางล้วงๆ ควักๆ ข้อมูลจาก “ระบบป้องกันขีปนาวุธบนพิกัดตำแหน่งสูง” หรือระบบ “THAAD” ที่คุณพ่ออเมริกานำเอามาติดตั้งไว้ในเกาหลีใต้นั่นเอง...
เอาเป็นว่า...ไม่ว่าคุณพี่จีน คุณพ่ออเมริกา คุณน้องเกาหลีเหนือ ฯลฯ ใครจะแค้นใคร ใครจะแก้แค้น เพิ่มแค้น ระหว่างกันและกันไปถึงขั้นไหน นั่นคงต้องถือเป็น “เรื่องของคุณ” ที่จะไปว่ากันเอาเอง แต่สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาที่อาจเพิ่ง “เริ่มตื่น” ขึ้นมาในโลกไซเบอร์ ยังไงๆ...คงต้องระมัดระวังเอาไว้มั่ง อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องกลายไปเป็นผู้ “เกะกะตีน” หรือต้องไป “ขวางทางตีน” ผู้หนึ่ง-ผู้ใด จนอาจกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ง่ายๆ เพราะอย่างที่ “นาวาอากาศเอกอมร ชมเชย” รองผู้อำนวยการกองสงครามไซเบอร์ สำนักระบบบัญชาการและควบคุม กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทหารอากาศ ท่านได้เปิดเผยเอาไว้ในระหว่างการเสวนาเรื่อง “ไซเบอร์ในกิจการทหาร” ภายใต้ความร่วมมือของ 3 เหล่าทัพ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั่นแหละว่า ด้วยเหตุเพราะยังไม่ตื่นตัวต่อภัยคุกคามใหม่ๆ หรือยังไม่ได้ให้ความสนใจต่อความเป็นไปในโลกไซเบอร์เท่าที่ควรก็ตามแต่ จึงส่งผลให้ “ประเทศไทย...เคยถูกเกาหลีเหนือใช้เป็นฐานในการโจมตีสหรัฐอเมริกา ด้วยการซ่อนตัวผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ก” นี่...อันนี้นี่แหละ จริง-ไม่จริงก็ไม่รู้!!! แต่ก็อย่าถึงกับต้องทำให้กลายเป็นการเปิดช่อง เปิดทาง ให้หลุดเข้าไปสู่การ “เข้าทางตีน” ของผู้หนึ่ง-ผู้ใดเป็นเด็ดขาด...