xs
xsm
sm
md
lg

กก.ความมั่นคงพิจารณา 3 ร่างยุทธศาสตร์ เลขาฯ สมช.เชื่อคนตั้งค่าหัว มทภ.4 ไม่แนวร่วมก็พวกคึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
เลขาธิการ สมช.เผยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายด้านความมั่นคงพิจารณาร่างนโยบายและแผนระดับชาติ ร่างยุทธศาสตร์ไซเบอร์ ร่างยุทธศาสตร์ก่อการร้าย จ่อชง สมช.ต่อ พร้อมล่าคนตั้งค่าหัวแม่ทัพภาค 4 สงสัยแนวร่วมหรือพวกคึก เชื่อแค่คนกลุ่มน้อยแสดงออกเพื่อตอบโต้ ชี้ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ชัด

วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายด้านความมั่นคง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้พิจารณานโยบายและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับความมั่นคง ได้แก่ ร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติที่ครอบคลุมทุกประเด็นด้านความมั่นคง, ร่างยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้มีกรอบแนวทางแก่ภาครัฐและเอกชน ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่เข้ามาตามโลกไซเบอร์ และรับมือไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะจุดล่อแหลมทางสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาร่างยุทธศาสตร์การก่อการร้าย ที่จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ในเรื่องของการป้องกันการตอบโต้ และการฟื้นฟู ทั้งนี้ ร่างยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ฉบับจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จากนั้นจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละเรื่องจัดทำยุทธศาสตร์ของกระทรวง หรือหน่วยงานของตัวเองขึ้น

นอกจากนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีมีผู้โพสต์เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กตั้งค่าหัวแม่ทัพภาคที่ 4 ในราคา 1 ล้านบาทว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐจะพยายามแสดงออกในลักษณะต่างๆ ขณะนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กำลังติดตามบุคคลดังกล่าวอยู่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวร่วมก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หรือเป็นแค่การกระทำของกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การโพสต์ดังกล่าวเพื่อต้องการยั่วยุเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.อ.ทวีปกล่าวว่า เป็นการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าเขาไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของภาครัฐที่พยายามสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ แต่คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มน้อยที่ยังมีความเห็นแตกต่าง จึงพยายามแสดงออกโดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุดเพื่อตอบโต้ อย่างไรก็ตาม การกระทำลักษณะนี้ผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ถ้าผู้กระทำถูกจับได้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น