"วิษณุ" รับ “กรมบังคับคดี” ถอนเงินฝาก "ยิ่งลักษณ์" แล้ว 5 บัญชีได้เงินแค่หลักแสน แย้มเตรียมอายัด “บ้าน-ที่ดิน-คอนโดฯ” อีกหลายรายการ “บิ๊กตู่” คาดโดนข้อหาทางแพ่งซ้ำ หลังพิพากษาคดีจำนำข้าว ตร.มอร์นิเตอร์โซเชียลปลุกม็อบเชียร์ “สันติบาล” ขอศาลออกหมายจับ “วัฒนา เมืองสุข” ยุยง-ปลุกปั่น วันแถลงปิดคดีจำนำข้าว “เสื้อแดงเชียงใหม่” ระดม 3 พันให้กำลังใจหน้าศาล 25 ส.ค.นี้
จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เงินในบัญชีที่ถูกอายัดจากคำสั่งปกครองเพื่อนำมาชดเชยความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ได้ถูกเบิกถอนออกมา 5 จาก 16 บัญชีนั้น วานนี้ (27 ก.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวยอมรับ กรมบังคับคดี ได้ถอนเงินจาก 5 บัญชีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมแล้วมีเงินเป็นหลักแสนบาท จาก 16 บัญชีที่ถูกอายัดไว้ ซึ่งถือเป็นอำนาจตามกฎหมาย แต่ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าคลังทันที ทรัพย์ยังอยู่ที่กรมบังคับคดี เนื่องจากเป็นการยึดตามคำสั่งทางคดีปกครอง อย่างไรก็ตาม ที่เหลืออีก 11 บัญชีนั้นยังไม่มีการแตะต้องแต่อย่างใด
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอยู่หลายคดี โดยคดีอาญาของนักการเมืองนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินในวันที่ 25 ส.ค.ซึ่งหากศาลตัดสินว่า มีความผิด ก็จะนำไปสู่การดำเนินคดีแพ่งต่อไป แต่ในส่วนการบังคับคดีที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ เป็นการดำเนินการทางปกครองจากความเสียหายที่เกิดแก่รัฐ ซึ่งถ้าพบก็ยึดได้ทันที และมีอายุความ 10 ปี ถือเป็นคนละส่วนกับกรณีของศาลฎีกา และหากเจ้าหน้าที่ไม่ยึดก็จะถือว่าบกพร่อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าหนี้ ยังได้ตรวจสอบพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีทรัพย์สินแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.สังหาริมทรัพย์ อาทิ เงินฝากในธนาคารต่างๆ รวมแล้วเป็นจำนวนเงินไม่มาก จำเป็นต้องอายัดไว้ก่อน หรือถูกฟรีซเอาไว้ เพื่อไม่ให้มีการจำหน่ายจ่ายโอน และ 2.อสังหาริมทรัพย์ คือ ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ประมาณ 37 รายการ โดยหน่วยงานเจ้าของเรื่องทราบดีว่ามีมูลค่าจำนวนหนึ่ง แต่ขอไม่ระบุตัวเลข ซึ่งกรมบังคับคดีได้ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อขออายัดทรัพย์นั้นไว้เช่นกัน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนละกรณีกับคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะมีคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. อย่าเอามาปนกัน การยึดอายัดทรัพย์เป็นมาตรการทางปกครอง ซึ่งต้องทำตามเวลาที่กำหนด วันนี้ยังมีแค่ 2 กรณี แต่อาจจะมี 3 กรณีก็ได้ หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ความเสียหายอีก ขอยืนยันว่า กรณียึดและอายัดทรัพย์ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา
สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือมวลชนที่จะมาให้กำลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 1 ส.ค.ที่แถลงปิดคดีจำนำข้าวด้วยวาจา และในวันที่ 25 ส.ค.ที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่มีความกังวลเรื่องความรุนแรง การสร้างสถานการณ์ และไม่กลัวว่ามวลชนจะนำคำตัดสินมาเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง ยืนยันว่าขณะนี้การข่าวยังปกติ ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุร้าย แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับแกนนำแล้วเรื่องมวลชนบ้าง
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจได้เตรียมความพร้อมและตั้งรับทุกสถานการณ์ เชื่อว่ามวลชนที่เดินทางมารับรู้ดีว่าอะไรคือขอบเขตของกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆในโลกโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 3 ราย ในข้อหากระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามมาตรา 116 โดยนำเอกสารหลักฐานมามอบให้พิจารณา
ทั้งนี้ นายวัฒนา ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Watana Muangsook" ถึงกรณีที่ศาลฎีกาพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวนัดสุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลักษณะยุยงให้เกิดความปั่นป่วนอีกทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช.อีกด้วย จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวยืนยันว่า จะมีคนเสื้อแดงเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แน่นอน เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องมีการว่าจ้างแต่อย่างใด การเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เชื่อว่า ต่างคนต่างไป แต่ดูแลตัวเอง ไม่ละเมิดอำนาจศาล คาดว่าน่าจะมีประชาชนจาก จ.เชียงใหม่ ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่า 3,000 คน.
จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เงินในบัญชีที่ถูกอายัดจากคำสั่งปกครองเพื่อนำมาชดเชยความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ได้ถูกเบิกถอนออกมา 5 จาก 16 บัญชีนั้น วานนี้ (27 ก.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวยอมรับ กรมบังคับคดี ได้ถอนเงินจาก 5 บัญชีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมแล้วมีเงินเป็นหลักแสนบาท จาก 16 บัญชีที่ถูกอายัดไว้ ซึ่งถือเป็นอำนาจตามกฎหมาย แต่ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าคลังทันที ทรัพย์ยังอยู่ที่กรมบังคับคดี เนื่องจากเป็นการยึดตามคำสั่งทางคดีปกครอง อย่างไรก็ตาม ที่เหลืออีก 11 บัญชีนั้นยังไม่มีการแตะต้องแต่อย่างใด
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอยู่หลายคดี โดยคดีอาญาของนักการเมืองนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินในวันที่ 25 ส.ค.ซึ่งหากศาลตัดสินว่า มีความผิด ก็จะนำไปสู่การดำเนินคดีแพ่งต่อไป แต่ในส่วนการบังคับคดีที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ เป็นการดำเนินการทางปกครองจากความเสียหายที่เกิดแก่รัฐ ซึ่งถ้าพบก็ยึดได้ทันที และมีอายุความ 10 ปี ถือเป็นคนละส่วนกับกรณีของศาลฎีกา และหากเจ้าหน้าที่ไม่ยึดก็จะถือว่าบกพร่อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าหนี้ ยังได้ตรวจสอบพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีทรัพย์สินแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.สังหาริมทรัพย์ อาทิ เงินฝากในธนาคารต่างๆ รวมแล้วเป็นจำนวนเงินไม่มาก จำเป็นต้องอายัดไว้ก่อน หรือถูกฟรีซเอาไว้ เพื่อไม่ให้มีการจำหน่ายจ่ายโอน และ 2.อสังหาริมทรัพย์ คือ ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ประมาณ 37 รายการ โดยหน่วยงานเจ้าของเรื่องทราบดีว่ามีมูลค่าจำนวนหนึ่ง แต่ขอไม่ระบุตัวเลข ซึ่งกรมบังคับคดีได้ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อขออายัดทรัพย์นั้นไว้เช่นกัน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนละกรณีกับคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะมีคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. อย่าเอามาปนกัน การยึดอายัดทรัพย์เป็นมาตรการทางปกครอง ซึ่งต้องทำตามเวลาที่กำหนด วันนี้ยังมีแค่ 2 กรณี แต่อาจจะมี 3 กรณีก็ได้ หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ความเสียหายอีก ขอยืนยันว่า กรณียึดและอายัดทรัพย์ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา
สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือมวลชนที่จะมาให้กำลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 1 ส.ค.ที่แถลงปิดคดีจำนำข้าวด้วยวาจา และในวันที่ 25 ส.ค.ที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่มีความกังวลเรื่องความรุนแรง การสร้างสถานการณ์ และไม่กลัวว่ามวลชนจะนำคำตัดสินมาเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง ยืนยันว่าขณะนี้การข่าวยังปกติ ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุร้าย แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับแกนนำแล้วเรื่องมวลชนบ้าง
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจได้เตรียมความพร้อมและตั้งรับทุกสถานการณ์ เชื่อว่ามวลชนที่เดินทางมารับรู้ดีว่าอะไรคือขอบเขตของกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆในโลกโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 3 ราย ในข้อหากระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามมาตรา 116 โดยนำเอกสารหลักฐานมามอบให้พิจารณา
ทั้งนี้ นายวัฒนา ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Watana Muangsook" ถึงกรณีที่ศาลฎีกาพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวนัดสุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลักษณะยุยงให้เกิดความปั่นป่วนอีกทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช.อีกด้วย จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวยืนยันว่า จะมีคนเสื้อแดงเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แน่นอน เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องมีการว่าจ้างแต่อย่างใด การเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เชื่อว่า ต่างคนต่างไป แต่ดูแลตัวเอง ไม่ละเมิดอำนาจศาล คาดว่าน่าจะมีประชาชนจาก จ.เชียงใหม่ ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่า 3,000 คน.
