นายกรัฐมนตรี ยันยึดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์” คนละเรื่องกับคดีในศาลฎีกา ชี้อาจมีกรณีที่ 3 หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าศาลปกครองรับคำร้องทุเลายึดก็ต้องหยุดชั่วคราว ลั่นกรมบังคับคดีลุยจนกว่าจะสิ้นสุดอายุความ ขออย่าเอาประเด็นมาปลุกระดม บิดเบือนหาว่ารังแก
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมบังคับคดี กระทรวงการคลัง ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ในบัญชีธนาคารของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าถือเป็นคนละเรื่องกับกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ขออย่านำ 2 กรณีมาปนกัน เพราะการยึดทรัพย์โดยกรมบังคับคดีถือเป็นมาตรการทางปกครอง ที่ต้องทำตามเวลาที่กำหนด ส่วนในวันที่ 25 ส.ค.เป็นเรื่องของศาลซึ่งเป็นคดีอาญา วันนี้มี 2 กรณี แต่อาจะมี 3 กรณีก็ได้หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ความเสียหาย ขอยืนยันว่ากรณียึดและอายัดทรัพย์ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ร้องต่อศาลปกครองให้ทุเลาการดำเนินการยึดทรัพย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หากศาลรับคำร้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ การยึดทรัพย์ก็จะหยุดชั่วคราว ถ้าศาลไม่ให้ทุเลาก็ต้องเดินหน้ายึดทรัพย์กันต่อไป ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะให้สิทธิแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเมื่อโดนคำสั่งศาลแล้วจะไม่สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ พ.ศ. 2539 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็สามารถร้องศาลปกครองจนกว่าอายุความจะสิ้นสุด และระหว่างนี้กรมบังคับคดีก็จะดำเนินการยึดทรัพย์จนกว่าอายุความจะสิ้นสุดเหมือนกัน
“ขอว่าอย่าเอา 2 เรื่องมาพันกัน อย่าเอามากลายเป็นประเด็นเพื่อปลุกระดมเพื่อใช้ในการบิดเบือน เอาคนมาหาว่าเราไปรังแก ยึดทรัพย์ เพราะมันคนละเรื่อง เนื่องจากมีกฎหมายตั้งหลายตัว” นายกฯ กล่าว