ข่าวปนคน คนปนข่าว
** วลีร้อน “เปรตวัดสุทัศน์” ท่ามกลางสงครามล่า “แก๊งงาบเงินทอนวัด” อดีต 3 บิ๊กสำนักพุทธฯโดน ป.ป.ช.จับขึ้นเขียง “โจรผ้าเหลือง”มีหนาว
เป็นประเด็นร้อนสุดๆ ใน “ยุทธจักรดงขมิ้น” จากกรณีทุจริต “เงินทอนวัด” ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ กำลังดำเนินการสะสาง และนำมาซึ่งความไม่พอใจของพระสงฆ์องคเจ้าบางรูปถึงขั้นประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมและเรียกร้องให้มีการปลด “พ.ต.ท.พงศ์พร” ให้พ้นจากเก้าอี้ ผอ.พศ.กันเลยทีเดียว .. โดยอ้างว่า “ผอ.พงศ์พร” ไม่เข้าใจการบริหารจัดการของวัดวาอารามต่างๆ แล้วยังเอาการสอบสวนคดีแบบตำรวจมาใช้กับพระสงฆ์ ประมาณตนว่า “อยู่เหนือกฎหมาย” ด้วยประโยคที่ว่า “พระเป็นของสูง” .. ของสูงๆแต่ทำตัวต่ำตมก็มีถม จากเรื่องนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า “พระผู้ใหญ่” ที่ว่าสูงๆนั่น คงเกรงว่าทุจริตเงินทอนวัด จะขยายผลไปถึง “ขุมทรัพย์แสนล้าน” ที่ไม่เคยมีใคร (กล้า) เข้าไปตรวจสอบ กระทั่งรั่วไหลไปเป็น “สมบัติส่วนตัว” มากกว่า “ศาสนสมบัติ” ของพุทธศาสนิกชนคนไทย .. โดยเฉพาะคิวของ พระเทพปฏิภาณวาที หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เจ้าคุณพิพิธ” แห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่ออกมารับว่าเป็นคนที่ต่อว่า “ผอ.พงศ์พร” อย่างรุนแรง จนตกเป็นข่าว เป็นขี้ปากชาวบ้านเอง .. การปะทะคารมอย่างเผ็ดร้อนก็ตามมา ไล่เรียงทั้ง พระพยอม หลวงปู่พุทธะอิสระ กระทั่งนักเขียนการ์ตูนชื่อดังอย่าง ชัย ราชวัตร ที่ถึงขนาดใช้คำว่า “เปรตวัดสุทัศน์” ที่คุ้นหูในอดีตเปรียบให้เห็นถึงพฤติกรรมของพระบางรูป
ล่าสุดเป็นคิวทีมตรวจสอบ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 20 ล้าน โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 3 ราย คือ นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. พนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และ ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ. ที่พบว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดในการเบิกจ่ายงบฯมูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท .. ซึ่งเป็นการตั้งเรื่องสอบสวนตามสำนวนที่ทางตำรวจส่งมาที่ยังจำกัดวงที่ระดับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แต่ยังไม่มี “พระสงฆ์” ถูกกล่าวหาในคดีของวัดพนัญเชิงนี้ .. ก็ต้องลุ้นว่าอีก 11 คดีที่มาถึง ป.ป.ช. จะคดีไหนลาก “พระสงฆ์” ผู้สูงศักดิ์ แต่ทำตัว “ต่ำตม” มาติดร่างแหเป็น “โจรผ้าเหลือง” ด้วยหรือไม่ .. เพราะแค่ตัดตอนความผิดอยู่แค่ “ฆราวาส” ที่มีอำนาจใน พศ. ก็ตัดวงจรอุบาทว์ในวงการผ้าเหลืองดอกนาย
** กลัวกรรมไล่ล่า “ไอ้คำ” ขอนอนตาราง หวั่น “โจทก์” เช็คบิลนอกคุก แต่ไม่เหงามี “ตุ๊ดตู่” เป็นรูมเมท
สงสัยอาการ “โฮมซิค” จะกำเริบ จู่ “ไอ้คำ” วิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ที่หนีคดีไปตั้งหลายปีก็ยอมจำนนกลับเมืองไทยโดยดุษฎี .. ทั้งที่มีโอกาสอุทธรณ์คำสั่งศาลเมืองมะกัน ที่ตัดสินให้ส่งตัวกลับในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน” แต่ก็ไม่ยื่นคำร้อง รอให้เจ้าหน้าที่ไทยไปรับกลับบ้านเกิด .. แถมพอถูกเอาตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง “ทนายไอ้คำ” ก็ไม่ยักจะยื่นประกันตัว บอกว่าเจ้าตัวสั่งไว้ ก็แปลกใจว่า “คนหัวหมอ” ขนาดนี้ ทำไมยอมจำนนง่ายๆ แล้วก็ต้องร้องอ๋อขึ้นมา เมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาเล่าต่อว่า “ไอ้คำ” เปรยๆว่าที่ไม่ยื่นขอประกันตัว เพราะคิดว่านอนในคุกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก .. นี่ละหนา ทำบาปทำกรรม หลอกลวงคนไว้เยอะ คงกลัวว่า จะเจอ “โจทก์” ไล่ล่าเช็คบิลนอกคุกกระมัง .. แต่ไม่ต้องกลัวเหงา ดั่งบุพเพสันนิวาส วันเดียวกัน “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะนอนคุก โดนพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่ลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทไปกล่าวหา “หนุ่มมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯว่า สั่งฆ่าประชาชน .. ทำให้ทั้ง “ไอ้คำ – ตุ๊ดตู่” เดินเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพแทบจะพร้อมกัน แล้วคงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างน้อยๆ 2 สัปดาห์ที่แดนแรกรับ มีสิทธิ์เป็นคู่หูรูนเมทกันเสียด้วย.
** พิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ต้องไม่ลืมว่าทำไม “พล.ต.ต.ปวีณ” คนทำคดีต้องลี้ภัย
ที่สุดองค์คณะผู้พิพากษาคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา อ่านคำพิพากษา “คดีค้ามนุษย์แรงงานชาวโรฮีนจา” ซึ่งมีผู้ตกเป็นจำเลยรวม 103 คน และเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลใหญ่ “ตำรวจ ทหาร นักการเมืองท้องถิ่น” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. โดยตัวเด่นๆระดับ “บิ๊กบอส” อย่าง “โกโต้ง” ปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ อดีตนายก อบจ.สตูล ถูกตัดสินจำคุก 75 ปี และ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก โดนไป 27 ปี อาจจะเป็นตอนจบที่ถูกใจใครหลายคน .. แต่ต้องย้อนไปว่า การเปิดโปงสู่การจับกุม “ขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา” อันลืนลั่น เมื่อปี 2558 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีที่ชื่อ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีต รอง ผบช.ภ. 8 ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาในตอนนั้น .. แต่หลังจากที่ปิดคดีพร้อมออกหมายจับคผู้ที่เกี่ยวข้อง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตำรวจ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ และพลเรือน ร่วมขบวนการนับร้อยรายแล้ว .. กลับโดน “ล็อกเป้า” ให้ไปอยู่ในแดนสังหาร ถูก “ผู้มีอำนาจ” ย้ายไปอยู่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) .. ซึ่งตอนนั้น พล.ต.ต.ปวีณ ก็ได้ทำเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาขอให้ทบทวนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายแต่ไม่เป็นผล .. กระทั่ง พล.ต.ต.ปวีณ ต้องตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. 2558 และพาครอบครัวเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนยื่นเรื่อง “ขอลี้ภัย” ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย .. ต้องถามว่า ทำไม “ตำรวจน้ำดี” ที่สร้างผลงานชิ้นโบแดง ต้องจับพลัดจับผลูเป็น “ผู้ลี้ภัย” แม้ต้องระหกระเหินไปพำนักต่างแดน .. หรือเป็นเพราะ “โกโต้ง – พล.ท.มนัส” ยังเป็นแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของเรื่องนี้ แล้ว พล.ต.ต.ปวีณ สัมผัสได้ว่า ยัง “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” พร้อมที่จะชำระแค้นกับตัวเขาและครอบครัว จากผลของการเข้าไปกวาดล้างขบวนการที่มีผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้.
ช.ชฎา
รูป--พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์
พนม ศรศิลป์
วิรพล สุขผล
จตุพร พรหมพันธุ์
** วลีร้อน “เปรตวัดสุทัศน์” ท่ามกลางสงครามล่า “แก๊งงาบเงินทอนวัด” อดีต 3 บิ๊กสำนักพุทธฯโดน ป.ป.ช.จับขึ้นเขียง “โจรผ้าเหลือง”มีหนาว
เป็นประเด็นร้อนสุดๆ ใน “ยุทธจักรดงขมิ้น” จากกรณีทุจริต “เงินทอนวัด” ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ กำลังดำเนินการสะสาง และนำมาซึ่งความไม่พอใจของพระสงฆ์องคเจ้าบางรูปถึงขั้นประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมและเรียกร้องให้มีการปลด “พ.ต.ท.พงศ์พร” ให้พ้นจากเก้าอี้ ผอ.พศ.กันเลยทีเดียว .. โดยอ้างว่า “ผอ.พงศ์พร” ไม่เข้าใจการบริหารจัดการของวัดวาอารามต่างๆ แล้วยังเอาการสอบสวนคดีแบบตำรวจมาใช้กับพระสงฆ์ ประมาณตนว่า “อยู่เหนือกฎหมาย” ด้วยประโยคที่ว่า “พระเป็นของสูง” .. ของสูงๆแต่ทำตัวต่ำตมก็มีถม จากเรื่องนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า “พระผู้ใหญ่” ที่ว่าสูงๆนั่น คงเกรงว่าทุจริตเงินทอนวัด จะขยายผลไปถึง “ขุมทรัพย์แสนล้าน” ที่ไม่เคยมีใคร (กล้า) เข้าไปตรวจสอบ กระทั่งรั่วไหลไปเป็น “สมบัติส่วนตัว” มากกว่า “ศาสนสมบัติ” ของพุทธศาสนิกชนคนไทย .. โดยเฉพาะคิวของ พระเทพปฏิภาณวาที หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เจ้าคุณพิพิธ” แห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่ออกมารับว่าเป็นคนที่ต่อว่า “ผอ.พงศ์พร” อย่างรุนแรง จนตกเป็นข่าว เป็นขี้ปากชาวบ้านเอง .. การปะทะคารมอย่างเผ็ดร้อนก็ตามมา ไล่เรียงทั้ง พระพยอม หลวงปู่พุทธะอิสระ กระทั่งนักเขียนการ์ตูนชื่อดังอย่าง ชัย ราชวัตร ที่ถึงขนาดใช้คำว่า “เปรตวัดสุทัศน์” ที่คุ้นหูในอดีตเปรียบให้เห็นถึงพฤติกรรมของพระบางรูป
ล่าสุดเป็นคิวทีมตรวจสอบ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 20 ล้าน โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 3 ราย คือ นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. พนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และ ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ. ที่พบว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดในการเบิกจ่ายงบฯมูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท .. ซึ่งเป็นการตั้งเรื่องสอบสวนตามสำนวนที่ทางตำรวจส่งมาที่ยังจำกัดวงที่ระดับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แต่ยังไม่มี “พระสงฆ์” ถูกกล่าวหาในคดีของวัดพนัญเชิงนี้ .. ก็ต้องลุ้นว่าอีก 11 คดีที่มาถึง ป.ป.ช. จะคดีไหนลาก “พระสงฆ์” ผู้สูงศักดิ์ แต่ทำตัว “ต่ำตม” มาติดร่างแหเป็น “โจรผ้าเหลือง” ด้วยหรือไม่ .. เพราะแค่ตัดตอนความผิดอยู่แค่ “ฆราวาส” ที่มีอำนาจใน พศ. ก็ตัดวงจรอุบาทว์ในวงการผ้าเหลืองดอกนาย
** กลัวกรรมไล่ล่า “ไอ้คำ” ขอนอนตาราง หวั่น “โจทก์” เช็คบิลนอกคุก แต่ไม่เหงามี “ตุ๊ดตู่” เป็นรูมเมท
สงสัยอาการ “โฮมซิค” จะกำเริบ จู่ “ไอ้คำ” วิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ที่หนีคดีไปตั้งหลายปีก็ยอมจำนนกลับเมืองไทยโดยดุษฎี .. ทั้งที่มีโอกาสอุทธรณ์คำสั่งศาลเมืองมะกัน ที่ตัดสินให้ส่งตัวกลับในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน” แต่ก็ไม่ยื่นคำร้อง รอให้เจ้าหน้าที่ไทยไปรับกลับบ้านเกิด .. แถมพอถูกเอาตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง “ทนายไอ้คำ” ก็ไม่ยักจะยื่นประกันตัว บอกว่าเจ้าตัวสั่งไว้ ก็แปลกใจว่า “คนหัวหมอ” ขนาดนี้ ทำไมยอมจำนนง่ายๆ แล้วก็ต้องร้องอ๋อขึ้นมา เมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาเล่าต่อว่า “ไอ้คำ” เปรยๆว่าที่ไม่ยื่นขอประกันตัว เพราะคิดว่านอนในคุกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก .. นี่ละหนา ทำบาปทำกรรม หลอกลวงคนไว้เยอะ คงกลัวว่า จะเจอ “โจทก์” ไล่ล่าเช็คบิลนอกคุกกระมัง .. แต่ไม่ต้องกลัวเหงา ดั่งบุพเพสันนิวาส วันเดียวกัน “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะนอนคุก โดนพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่ลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทไปกล่าวหา “หนุ่มมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯว่า สั่งฆ่าประชาชน .. ทำให้ทั้ง “ไอ้คำ – ตุ๊ดตู่” เดินเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพแทบจะพร้อมกัน แล้วคงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างน้อยๆ 2 สัปดาห์ที่แดนแรกรับ มีสิทธิ์เป็นคู่หูรูนเมทกันเสียด้วย.
** พิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ต้องไม่ลืมว่าทำไม “พล.ต.ต.ปวีณ” คนทำคดีต้องลี้ภัย
ที่สุดองค์คณะผู้พิพากษาคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา อ่านคำพิพากษา “คดีค้ามนุษย์แรงงานชาวโรฮีนจา” ซึ่งมีผู้ตกเป็นจำเลยรวม 103 คน และเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลใหญ่ “ตำรวจ ทหาร นักการเมืองท้องถิ่น” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. โดยตัวเด่นๆระดับ “บิ๊กบอส” อย่าง “โกโต้ง” ปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ อดีตนายก อบจ.สตูล ถูกตัดสินจำคุก 75 ปี และ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก โดนไป 27 ปี อาจจะเป็นตอนจบที่ถูกใจใครหลายคน .. แต่ต้องย้อนไปว่า การเปิดโปงสู่การจับกุม “ขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา” อันลืนลั่น เมื่อปี 2558 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีที่ชื่อ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีต รอง ผบช.ภ. 8 ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาในตอนนั้น .. แต่หลังจากที่ปิดคดีพร้อมออกหมายจับคผู้ที่เกี่ยวข้อง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตำรวจ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ และพลเรือน ร่วมขบวนการนับร้อยรายแล้ว .. กลับโดน “ล็อกเป้า” ให้ไปอยู่ในแดนสังหาร ถูก “ผู้มีอำนาจ” ย้ายไปอยู่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) .. ซึ่งตอนนั้น พล.ต.ต.ปวีณ ก็ได้ทำเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาขอให้ทบทวนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายแต่ไม่เป็นผล .. กระทั่ง พล.ต.ต.ปวีณ ต้องตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. 2558 และพาครอบครัวเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนยื่นเรื่อง “ขอลี้ภัย” ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย .. ต้องถามว่า ทำไม “ตำรวจน้ำดี” ที่สร้างผลงานชิ้นโบแดง ต้องจับพลัดจับผลูเป็น “ผู้ลี้ภัย” แม้ต้องระหกระเหินไปพำนักต่างแดน .. หรือเป็นเพราะ “โกโต้ง – พล.ท.มนัส” ยังเป็นแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของเรื่องนี้ แล้ว พล.ต.ต.ปวีณ สัมผัสได้ว่า ยัง “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” พร้อมที่จะชำระแค้นกับตัวเขาและครอบครัว จากผลของการเข้าไปกวาดล้างขบวนการที่มีผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้.
ช.ชฎา
รูป--พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์
พนม ศรศิลป์
วิรพล สุขผล
จตุพร พรหมพันธุ์