ป.ป.ช.ประเดิมตั้งคณะอนุ กก.ไต่สวน "นพรัตน์-พนม-ประนอม" 3 อดีตบิ๊กสำนักพุทธฯ ส่อทุจริตเงินบูรณะวัดพนัญเชิง 20 ล้าน ส่วนคดีเงินทอนวัดยังมีค้างอีก 11 คดี “สุวพันธุ์” รมว.ยุติธรรม สั่งการ “อธิบดีดีเอสไอ” ส่งเจ้าหน้าที่เข้าพบ “เจ้าอาวาส” หรือผู้ปกครองคณะสงฆ์ ขอข้อมูลคดีทุจริตเงินทอนวัด
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด 12 คดี ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ส่งสำนวนคดีมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้คณะทำงานฯไปแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น ในวันนี้ได้มีการสรุปและเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมอีกครั้ง โดยประชุมพิจารณาแล้วพบว่ามีมูลความผิดชัดเจน เพียงพอ จึงมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 3 ราย คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผอ.พศ. นายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. และน.ส.ประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ซึ่งพบว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดในการเบิกจ่ายงบฯดังกล่าว มูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท โดยมอบหมายให้นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี โดย ป.ป.ช.เตรียมที่จะแจ้งคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ส่งไปให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนรับทราบ หรือให้คัดค้านรายชื่ออนุกรรมการต่อไป ส่วนสำนวนคดีอื่นที่ ปปป.ส่งมาอีก 11 สำนวนคดีนั้น ให้มีการแสวงหาข้อมูลต่อไปและทยอยสรุปให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสำนวนที่ปปป.ส่งมามีพระหรือบุคลากรในวัดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในสำนวนปปป.มีแค่เจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด ส่วนพระไม่ได้ถูกกล่าวหา แต่หากวัดมีส่วนรู้เห็นอาจต้องขอให้พระและบุคลากรในวัดมาเป็นพยาน
เมื่อถามว่า ในสำนวน 11 คดีนั้นผู้ถูกกล่าวหาชื่อเดียวกับที่ถูกตั้งอนุกรรมการไต่สวนชุดนี้หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างปี 2557-2559 ดังนั้นจะไม่ใช่ตัวละครเดียวกันทั้งหมด ต้องดูว่าแต่ละช่วงปีนั้นผู้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงของ พศ.นั้นเป็นใครบ้าง.
** ดึง “ดีเอสไอ” ร่วมบี้ข้อมูลเงินทอนวัด
อีกด้าน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน บูรณปฏิสังขรณ์วัดทั่วประเทศ หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด ว่า ได้ให้นโยบายกับหน่วยใน ศอตช. ที่จะต้องร่วมกัน ตรวจสอบและสอบสวนในเรื่องนี้ไปแล้ว ให้ยึดหลักการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐตามโครงการของ พศ.ต้องสอบสวนให้ได้ตัวบุคคลที่ทุจริตทั้งที่เป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในส่วนกลางและต่างจังหวัด เพื่อนำไปสู่การพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรืออาญาต่อไป รวมทั้งให้เข้าไปตรวจสอบหลักเกณฑ์ กระบวนการ ตลอดจนมาตรการในการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพและความโปร่งใส
"ศอตช. จะทำงานร่วมกับผู้แทนมหาเถรสมาคม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผอ.พศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยได้หารือกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นกรรมการ ศอตช.และต้องเข้ามาช่วยทำงานเรื่องนี้ด้วย ให้สนับสนุนการสืบสวนสอบสวน อาจมีความจำเป็นต้องเข้าไปขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากคณะสงฆ์ผู้ปกครองของวัดต่างๆ" นายสุวพันธุ์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม เผยอีกว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเข้าไปเรียนชี้แจงกับท่านเจ้าอาวาสหรือคณะสงฆ์ผู้ปกครองโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่รอบด้านและช่วยกันทำให้การใช้งบประมาณแผ่นดินส่วนนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคณะสงฆ์และวัดวาอารามอย่างแท้จริง และไม่มีการทุจริตขอให้ ศอตช. เร่งรัดการดำเนินการสืบสวนสอบสวน การแลกเปลี่ยน ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างใกล้ชิดทั้งข้อมูลของ ป.ป.ช. สตง. ปปง. ป.ป.ท. พศ. และดีเสไอ ต้องให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งตัวผู้ทุจริต และของระบบการบริหารจัดการโครงการดังกล่าว.
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด 12 คดี ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ส่งสำนวนคดีมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้คณะทำงานฯไปแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น ในวันนี้ได้มีการสรุปและเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมอีกครั้ง โดยประชุมพิจารณาแล้วพบว่ามีมูลความผิดชัดเจน เพียงพอ จึงมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 3 ราย คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผอ.พศ. นายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. และน.ส.ประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ซึ่งพบว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดในการเบิกจ่ายงบฯดังกล่าว มูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท โดยมอบหมายให้นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี โดย ป.ป.ช.เตรียมที่จะแจ้งคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ส่งไปให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนรับทราบ หรือให้คัดค้านรายชื่ออนุกรรมการต่อไป ส่วนสำนวนคดีอื่นที่ ปปป.ส่งมาอีก 11 สำนวนคดีนั้น ให้มีการแสวงหาข้อมูลต่อไปและทยอยสรุปให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสำนวนที่ปปป.ส่งมามีพระหรือบุคลากรในวัดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในสำนวนปปป.มีแค่เจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด ส่วนพระไม่ได้ถูกกล่าวหา แต่หากวัดมีส่วนรู้เห็นอาจต้องขอให้พระและบุคลากรในวัดมาเป็นพยาน
เมื่อถามว่า ในสำนวน 11 คดีนั้นผู้ถูกกล่าวหาชื่อเดียวกับที่ถูกตั้งอนุกรรมการไต่สวนชุดนี้หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างปี 2557-2559 ดังนั้นจะไม่ใช่ตัวละครเดียวกันทั้งหมด ต้องดูว่าแต่ละช่วงปีนั้นผู้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงของ พศ.นั้นเป็นใครบ้าง.
** ดึง “ดีเอสไอ” ร่วมบี้ข้อมูลเงินทอนวัด
อีกด้าน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน บูรณปฏิสังขรณ์วัดทั่วประเทศ หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด ว่า ได้ให้นโยบายกับหน่วยใน ศอตช. ที่จะต้องร่วมกัน ตรวจสอบและสอบสวนในเรื่องนี้ไปแล้ว ให้ยึดหลักการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐตามโครงการของ พศ.ต้องสอบสวนให้ได้ตัวบุคคลที่ทุจริตทั้งที่เป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในส่วนกลางและต่างจังหวัด เพื่อนำไปสู่การพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรืออาญาต่อไป รวมทั้งให้เข้าไปตรวจสอบหลักเกณฑ์ กระบวนการ ตลอดจนมาตรการในการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพและความโปร่งใส
"ศอตช. จะทำงานร่วมกับผู้แทนมหาเถรสมาคม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผอ.พศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยได้หารือกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นกรรมการ ศอตช.และต้องเข้ามาช่วยทำงานเรื่องนี้ด้วย ให้สนับสนุนการสืบสวนสอบสวน อาจมีความจำเป็นต้องเข้าไปขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากคณะสงฆ์ผู้ปกครองของวัดต่างๆ" นายสุวพันธุ์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม เผยอีกว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเข้าไปเรียนชี้แจงกับท่านเจ้าอาวาสหรือคณะสงฆ์ผู้ปกครองโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่รอบด้านและช่วยกันทำให้การใช้งบประมาณแผ่นดินส่วนนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคณะสงฆ์และวัดวาอารามอย่างแท้จริง และไม่มีการทุจริตขอให้ ศอตช. เร่งรัดการดำเนินการสืบสวนสอบสวน การแลกเปลี่ยน ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างใกล้ชิดทั้งข้อมูลของ ป.ป.ช. สตง. ปปง. ป.ป.ท. พศ. และดีเสไอ ต้องให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งตัวผู้ทุจริต และของระบบการบริหารจัดการโครงการดังกล่าว.