ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ใบสั่ง “ตระกูล ส.” อุ้ม “วิลาสินี” เข้าวิน “ผอ.ไทยพีบีเอส” ปาดหน้า “อดิศักดิ์ คนเนชั่น” งานมีเสียวเสี่ยงคุกกันบ้างแหละ
ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม จิ้งจกทัก ตุ๊กแกเรียก ก็ไม่สน “แก๊งคนดี” จะเอาต้องเอาให้ได้ .. ที่สุดก็ลงมติเลือก วิลาสินี พิพิธกุล อดีตรองผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ในสมัยของ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ อดีตผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่ ยืนยันน้ำหนักข่าว “ฮั้วแตก” หัก อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตคนเนชั่น ที่เคยมีสัญญาใจกันไว้ เข้าวิน .. ทั้งๆที่ “วิลาสินี” มีชนักความผิดร่วมซื้อหุ้นกู้ที่ทาง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จี้ให้ตรวจสอบใหม่อยู่ ฐานไปร่วมเซ็นต์ชื่อกับ “ทพ.กฤษดา” ในครั้งนั้นด้วย .. แถมงานนี้คอนเฟิร์มความทรงอิทธิพลของ “ตระกูล ส.” ที่อยู่เหนืออาณาจักรทีวีสาธารณะ ขุมทรัพย์ 2 ล้านแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี .. จากร่องรอยของ “วิลาสินี” ที่เคยได้มาเป็นรอง ผอ.ส.ส.ท. เพราะความใกล้ชิดกับ “ทพ.กฤษดา” ตั้งแต่ทำงานในสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) .. แถมคู่ชีวิตอย่าง สุปรีดา อดุลยานนท์ ก็เป็นผู้จัดการ สสส.คนปัจจุบัน .. ก็ไม่รู้ว่าหน้ามืด “บอร์ดไทยพีบีเอส” หน้ามืดหรือไร เพราะก่อนหน้าที่จะโหวตกัน แก้วสรร อติโพธิ กรรมการธรรมาภิบาลของ ส.ส.ท.ก็เตือนแล้วว่า กระบวนการสรรหาดูท่าจะผิดกฎหมาย-ไม่ถูกข้อบังคับ ส.ส.ท. จน ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ - พิพัฒน์ ชนะสงคราม โดดประชุมไม่ร่วมลงมติด้วย .. “จารย์แก้ว” ชี้ช่องว่าผู้สมัคร 5 รายที่โดนเขี่ยทิ้งไปในรอบแรกมีสิทธิ์ไปฟ้องร้องต่อ “ศาลปกครอง” เพิกถอนผลการคัดเลือก ผอ.ได้ทันที ไม่เท่านั้นยังอาจมีความผิดทางอาญาเสียด้วย .. มนต์สะกด “ตระกูล ส.” เข้มขลังจริง ขนาดมีคุก-ตารางคอยท่า ก็ยังก้มหน้าก้มตาโหวตตาม “ใบสั่ง” จะรอดูว่า “ยันต์คนดี” จะช่วยได้ไหมเวลาภัยมาถึงตัว
** “ข้าราชการไทย” อภิสิทธิ์ชน เหนียวหนี้ค่าไฟเป็นพันล้าน มีหน้ามาหาเรื่องของบประมาณเพิ่มอีก
โอ้โหเหะ “รัฐราชการ” นี่มัน “รัฐอภิสิทธิ์ชน” หรือไร .. กับข่าวหน่วยราชการในสังกัด “กระทรวงมหาดไทย” ทั่วประเทศ ค้างหนี้ค่าสาธารณูปโภค “ไฟฟ้า-ประปา” รวมกัน 1,174 ล้านบาท .. ที่น่าตกใจก็บางหน่วยงานค้างจ่ายร่วม 4 ปีเต็มๆ แต่ก็ยัง “หน้าทน” อยู่ได้ ทีกับ “ประชาชนตาดำๆ” ค้างเดือนเดียว ไม่กี่พันบาท เจอตัดไฟพรึ่บ .. ประเด็นนี้เปิดขึ้นมาเมื่อครั้งอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงินจำนวน 2.9 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนก่อน ที่ วิทยา ฉายสุวรรณ สมาชิก สนช. ได้ตั้งคำถามถึงการปล่อยปละละเลยให้หน่วยงานราชการค้างค่าสาธารณูปโภคตั้งแต่ปี 2545 โดยเฉพาะในส่วนของ “ก.มหาดไทย-กลาโหม” .. โดยที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขีดเส้นให้ทุกหน่วยงานจ่ายหนี้ให้เรียบร้อยภายใน 3 เดือน .. แต่ตอนนั้น “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ยอมรับหน้าชื่อว่า “หน่วยงานรัฐ-กองทัพ” ติดหนี้ “ไฟฟ้า-ประปา” นานเป็น 10 ปี รวมกว่า 6 พันล้าน โดยอ้างว่างบประมาณน้อย ถ้าจะใช้หนี้ต้องขอเพิ่มงบ-โยกงบใช้หนี้ เท่านั้น .. งานนี้ต้องรอดูฝีมือ กฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ว่าจะทำคุณงามความดีส่งท้ายชีวิตราชการหรือไม่ เห็นว่านัดวิดีโอคอนเฟอเรนท์ทุกหน่วยงานในสังกัด 12 ก.ค.นี้ .. แต่ก็น่าหลัวว่าจะมามุกเดียวกับ “ท่าน มท.1” เอะอะหาเรื่องของบเพิ่มลูกเดียวเลย
** “ชีพ จุลมนต์” จ่อประธานศาลฎีกาคนใหม่ “ศิริชัย” พ้อไร้วาสนา แต่ไม่เอาเรื่อง รูดม่าน “วิกฤตตุลาการ ภาค 2”
เดชะบุญ!! “วิกฤตตุลาการ ภาค 2” ไม่เกิดตามแรงแช่งแหะ .. หลัง “คนผิดหวัง” อย่าง ศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ผู้มีอาวุโสอันดับ 1 ในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนใหม่ แถลงข่าวเปิดใจยอมรับเหตุผลของ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าเจ้าตัว “แม้อาวุโส แต่ไม่เหมาะสม” ในการขึ้นชั้น “เบอร์ 1 ฝ่ายตุลาการ” .. ตัดจบดรามา หลังจากก่อนหน้านี้ลือสะพัดว่า “ท่านศิริชัย” จะตั้งป้อมสู้ ฟ้องร้องเอาผิดคณะกรรมการ ก.ต.ยกชุด .. ฟังการแถลงข่าวก็รู้สึกเห็นใจ กับคำตัดพ้อว่า ตัวเองไม่มีวาสนา ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ รู้สึกผิดหวังเป้นธรรมดา .. อย่างน้อยๆก็เป็นการแสดงสปิริต ที่ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมยืดเยื้อใน “วงการตุลาการ”
ตัดภาพมาอีกที่ อนุ ก.ต.ก็ลงมติเอกฉันท์ให้ ชีพ จุลมนต์ เป็นผู้เหมาะสมเป็นประธานศาลฎีกาคนใหม่ คนที่ 44 ต่อจาก วีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาที่จะเกษียณในเดือน ก.ย.นี้ .. แต่ก็ยังต้องรอให้ ก.ต.ลงมติอีกครั้งในวันที่ 11 ก. ค.นี้ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไรพลิกโผ สำหรับ “ว่าที่ประมุขตุลาการ” ที่จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่ “วงการตราชั่ง” อย่างน้อยๆ 2 ประการ .. ประการแรก ไม่ว่าจะ “ท่านศิริชัย” หรือ “ท่านชีพ” ได้รับการแต่งตั้ง ก็จะถือเป็นครั้งแรกที่ “นิติศาสตรบัณฑิต ม.รามคำแหง” ได้ขึ้นเป็น “ประมุขตุลาการ” .. อีกประการหนึ่ง คือการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่เดิม "ผู้อาวุโสสูงสุด" ที่สอบผู้พิพากษาได้ที่ 1 ของรุ่น จะต้องได้เป็น "ประธานศาลฎีกา" แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็น "บรรทัดฐาน" ในครั้งต่อๆไป หรือไม่
แต่ที่น่าสนใจคือก่อนที่ ชีพ จุลมนต์ ที่จะขึ้นรับตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนใหม่หลังเดือน ก.ย.นี้ มีคิวทำหน้าที่องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 คดีสำคัญ .. ตั้งแต่คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ 7 ต.ค.51 ที่มี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ - พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ - พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว เป็นจำเลย นัดอ่านคำพิพากษา 2 ส.ค. .. รวมทั้งคดีจำนำข้าว ทั้งของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างไต่สวนพยานช่วงโค้งสุดท้าย และคดีทุจริตการขายข้าวแบบจีทูจีที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นจำเลย คาดว่าทั้ง 2 คดีจะมีการนัดอ่านคำพิพากษาภายในเร็วๆนี้เช่นกัน
** “เอกชน” ว้าก “กรมการค้าต่างประเทศ” กีดกันประมูลข้าว หวั่นมีวาระซ่อนเร้นดึงเกมขาย “ข้าวเน่า” เอื้อประโยชน์ใคร??
เอฟเฟกซ์จาก “ข้าวค้างสต๊อก” มรดกตกทอดจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ยังไม่จบไม่สิ้น .. เมื่อ “ศาลปกครอง” มีคำสั่งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ให้ กรมการค้าต่างประเทศ ระงับกระบวนการประกวดราคาไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด .. โดยที่ บริษัท ทีพีเค เอทานอล จำกัด เป็นผู้ยื่นเรื่องฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าถูก กรมการค้าต่างประเทศ กีดกันให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐ ด้วยข้อหาเก่ากึ๊กของเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ถูกปรับจิ๊บ แถมไม่ถูกขึ้น “แบล็คลิสต์” เสียด้วย .. ที่สำคัญเป็นเรื่องเก่าของบริษัทที่เป็นคนละนิติบุคคลกันกับ “ทีพีเค” ด้วยซ้ำ .. เดิมที “ทีพีเค” เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการซื้อ “ข้าวเสื่อมคุณภาพ” จำนวน 5 แสนตัน แต่ฝ่ายรัฐกลับไม่ยอมทำสัญญากับ “ทีพีเค” แล้ววกเอาข้าวชุดเดิมไปขายใหม่ ทำให้กระบวนการระบายข้าวได้ล่าช้าออก จึงมีคำถามตามมาว่า ต้องการเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ .. ก็มีข้อมูลว่า “คู่เทียบ-คู่แข่ง” ที่เข้ามาเสนอราคาข้าวในรอบ 5 แสนตันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “บริษัทขนาดเล็กมาก” เมื่อเทียบกับ “ทีพีเค” ที่มีโรงงานผลิตเอทานอลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย .. แน่นอนว่า กรมการค้าต่างประเทศ ก็ย่อมจะรู้ดี “ทีพีเค” ก็เลยมองว่าเป็นการ “เลือกปฏิบัติ” เพื่อกลั่นแกล้งกัน .. ยิ่ง นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกมาทำท่าฮึดฮัดกับคำสั่งศาลปกครอง ทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง บอกทำให้เสียหายเป็นหมื่นล้าน และอ้างว่าเมื่อไม่สามารถระบายข้าวได้ตามแผนงาน ก็จะกระทบต่อ “กลไกตลาด” ทั้งที่ข้าวชุดนี้เป็น “ข้าวเน่า” ที่เกี่ยวกับ “ตลาดข้าวคนกิน” แน่นอน .. เรื่องมันเลยดูไม่ชอบมาพากล เหมือนมี “วาระซ่อนเร้น” อะไรกันแน่.
ช.ชฎา
---------------------
รูป
วิลาสินี พิพิธกุล
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ชีพ จุลมนต์
** ใบสั่ง “ตระกูล ส.” อุ้ม “วิลาสินี” เข้าวิน “ผอ.ไทยพีบีเอส” ปาดหน้า “อดิศักดิ์ คนเนชั่น” งานมีเสียวเสี่ยงคุกกันบ้างแหละ
ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม จิ้งจกทัก ตุ๊กแกเรียก ก็ไม่สน “แก๊งคนดี” จะเอาต้องเอาให้ได้ .. ที่สุดก็ลงมติเลือก วิลาสินี พิพิธกุล อดีตรองผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ในสมัยของ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ อดีตผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่ ยืนยันน้ำหนักข่าว “ฮั้วแตก” หัก อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตคนเนชั่น ที่เคยมีสัญญาใจกันไว้ เข้าวิน .. ทั้งๆที่ “วิลาสินี” มีชนักความผิดร่วมซื้อหุ้นกู้ที่ทาง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จี้ให้ตรวจสอบใหม่อยู่ ฐานไปร่วมเซ็นต์ชื่อกับ “ทพ.กฤษดา” ในครั้งนั้นด้วย .. แถมงานนี้คอนเฟิร์มความทรงอิทธิพลของ “ตระกูล ส.” ที่อยู่เหนืออาณาจักรทีวีสาธารณะ ขุมทรัพย์ 2 ล้านแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี .. จากร่องรอยของ “วิลาสินี” ที่เคยได้มาเป็นรอง ผอ.ส.ส.ท. เพราะความใกล้ชิดกับ “ทพ.กฤษดา” ตั้งแต่ทำงานในสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) .. แถมคู่ชีวิตอย่าง สุปรีดา อดุลยานนท์ ก็เป็นผู้จัดการ สสส.คนปัจจุบัน .. ก็ไม่รู้ว่าหน้ามืด “บอร์ดไทยพีบีเอส” หน้ามืดหรือไร เพราะก่อนหน้าที่จะโหวตกัน แก้วสรร อติโพธิ กรรมการธรรมาภิบาลของ ส.ส.ท.ก็เตือนแล้วว่า กระบวนการสรรหาดูท่าจะผิดกฎหมาย-ไม่ถูกข้อบังคับ ส.ส.ท. จน ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ - พิพัฒน์ ชนะสงคราม โดดประชุมไม่ร่วมลงมติด้วย .. “จารย์แก้ว” ชี้ช่องว่าผู้สมัคร 5 รายที่โดนเขี่ยทิ้งไปในรอบแรกมีสิทธิ์ไปฟ้องร้องต่อ “ศาลปกครอง” เพิกถอนผลการคัดเลือก ผอ.ได้ทันที ไม่เท่านั้นยังอาจมีความผิดทางอาญาเสียด้วย .. มนต์สะกด “ตระกูล ส.” เข้มขลังจริง ขนาดมีคุก-ตารางคอยท่า ก็ยังก้มหน้าก้มตาโหวตตาม “ใบสั่ง” จะรอดูว่า “ยันต์คนดี” จะช่วยได้ไหมเวลาภัยมาถึงตัว
** “ข้าราชการไทย” อภิสิทธิ์ชน เหนียวหนี้ค่าไฟเป็นพันล้าน มีหน้ามาหาเรื่องของบประมาณเพิ่มอีก
โอ้โหเหะ “รัฐราชการ” นี่มัน “รัฐอภิสิทธิ์ชน” หรือไร .. กับข่าวหน่วยราชการในสังกัด “กระทรวงมหาดไทย” ทั่วประเทศ ค้างหนี้ค่าสาธารณูปโภค “ไฟฟ้า-ประปา” รวมกัน 1,174 ล้านบาท .. ที่น่าตกใจก็บางหน่วยงานค้างจ่ายร่วม 4 ปีเต็มๆ แต่ก็ยัง “หน้าทน” อยู่ได้ ทีกับ “ประชาชนตาดำๆ” ค้างเดือนเดียว ไม่กี่พันบาท เจอตัดไฟพรึ่บ .. ประเด็นนี้เปิดขึ้นมาเมื่อครั้งอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงินจำนวน 2.9 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนก่อน ที่ วิทยา ฉายสุวรรณ สมาชิก สนช. ได้ตั้งคำถามถึงการปล่อยปละละเลยให้หน่วยงานราชการค้างค่าสาธารณูปโภคตั้งแต่ปี 2545 โดยเฉพาะในส่วนของ “ก.มหาดไทย-กลาโหม” .. โดยที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขีดเส้นให้ทุกหน่วยงานจ่ายหนี้ให้เรียบร้อยภายใน 3 เดือน .. แต่ตอนนั้น “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ยอมรับหน้าชื่อว่า “หน่วยงานรัฐ-กองทัพ” ติดหนี้ “ไฟฟ้า-ประปา” นานเป็น 10 ปี รวมกว่า 6 พันล้าน โดยอ้างว่างบประมาณน้อย ถ้าจะใช้หนี้ต้องขอเพิ่มงบ-โยกงบใช้หนี้ เท่านั้น .. งานนี้ต้องรอดูฝีมือ กฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ว่าจะทำคุณงามความดีส่งท้ายชีวิตราชการหรือไม่ เห็นว่านัดวิดีโอคอนเฟอเรนท์ทุกหน่วยงานในสังกัด 12 ก.ค.นี้ .. แต่ก็น่าหลัวว่าจะมามุกเดียวกับ “ท่าน มท.1” เอะอะหาเรื่องของบเพิ่มลูกเดียวเลย
** “ชีพ จุลมนต์” จ่อประธานศาลฎีกาคนใหม่ “ศิริชัย” พ้อไร้วาสนา แต่ไม่เอาเรื่อง รูดม่าน “วิกฤตตุลาการ ภาค 2”
เดชะบุญ!! “วิกฤตตุลาการ ภาค 2” ไม่เกิดตามแรงแช่งแหะ .. หลัง “คนผิดหวัง” อย่าง ศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ผู้มีอาวุโสอันดับ 1 ในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนใหม่ แถลงข่าวเปิดใจยอมรับเหตุผลของ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าเจ้าตัว “แม้อาวุโส แต่ไม่เหมาะสม” ในการขึ้นชั้น “เบอร์ 1 ฝ่ายตุลาการ” .. ตัดจบดรามา หลังจากก่อนหน้านี้ลือสะพัดว่า “ท่านศิริชัย” จะตั้งป้อมสู้ ฟ้องร้องเอาผิดคณะกรรมการ ก.ต.ยกชุด .. ฟังการแถลงข่าวก็รู้สึกเห็นใจ กับคำตัดพ้อว่า ตัวเองไม่มีวาสนา ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ รู้สึกผิดหวังเป้นธรรมดา .. อย่างน้อยๆก็เป็นการแสดงสปิริต ที่ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมยืดเยื้อใน “วงการตุลาการ”
ตัดภาพมาอีกที่ อนุ ก.ต.ก็ลงมติเอกฉันท์ให้ ชีพ จุลมนต์ เป็นผู้เหมาะสมเป็นประธานศาลฎีกาคนใหม่ คนที่ 44 ต่อจาก วีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาที่จะเกษียณในเดือน ก.ย.นี้ .. แต่ก็ยังต้องรอให้ ก.ต.ลงมติอีกครั้งในวันที่ 11 ก. ค.นี้ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไรพลิกโผ สำหรับ “ว่าที่ประมุขตุลาการ” ที่จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่ “วงการตราชั่ง” อย่างน้อยๆ 2 ประการ .. ประการแรก ไม่ว่าจะ “ท่านศิริชัย” หรือ “ท่านชีพ” ได้รับการแต่งตั้ง ก็จะถือเป็นครั้งแรกที่ “นิติศาสตรบัณฑิต ม.รามคำแหง” ได้ขึ้นเป็น “ประมุขตุลาการ” .. อีกประการหนึ่ง คือการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่เดิม "ผู้อาวุโสสูงสุด" ที่สอบผู้พิพากษาได้ที่ 1 ของรุ่น จะต้องได้เป็น "ประธานศาลฎีกา" แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็น "บรรทัดฐาน" ในครั้งต่อๆไป หรือไม่
แต่ที่น่าสนใจคือก่อนที่ ชีพ จุลมนต์ ที่จะขึ้นรับตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนใหม่หลังเดือน ก.ย.นี้ มีคิวทำหน้าที่องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 คดีสำคัญ .. ตั้งแต่คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ 7 ต.ค.51 ที่มี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ - พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ - พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว เป็นจำเลย นัดอ่านคำพิพากษา 2 ส.ค. .. รวมทั้งคดีจำนำข้าว ทั้งของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างไต่สวนพยานช่วงโค้งสุดท้าย และคดีทุจริตการขายข้าวแบบจีทูจีที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นจำเลย คาดว่าทั้ง 2 คดีจะมีการนัดอ่านคำพิพากษาภายในเร็วๆนี้เช่นกัน
** “เอกชน” ว้าก “กรมการค้าต่างประเทศ” กีดกันประมูลข้าว หวั่นมีวาระซ่อนเร้นดึงเกมขาย “ข้าวเน่า” เอื้อประโยชน์ใคร??
เอฟเฟกซ์จาก “ข้าวค้างสต๊อก” มรดกตกทอดจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ยังไม่จบไม่สิ้น .. เมื่อ “ศาลปกครอง” มีคำสั่งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ให้ กรมการค้าต่างประเทศ ระงับกระบวนการประกวดราคาไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด .. โดยที่ บริษัท ทีพีเค เอทานอล จำกัด เป็นผู้ยื่นเรื่องฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าถูก กรมการค้าต่างประเทศ กีดกันให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐ ด้วยข้อหาเก่ากึ๊กของเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ถูกปรับจิ๊บ แถมไม่ถูกขึ้น “แบล็คลิสต์” เสียด้วย .. ที่สำคัญเป็นเรื่องเก่าของบริษัทที่เป็นคนละนิติบุคคลกันกับ “ทีพีเค” ด้วยซ้ำ .. เดิมที “ทีพีเค” เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการซื้อ “ข้าวเสื่อมคุณภาพ” จำนวน 5 แสนตัน แต่ฝ่ายรัฐกลับไม่ยอมทำสัญญากับ “ทีพีเค” แล้ววกเอาข้าวชุดเดิมไปขายใหม่ ทำให้กระบวนการระบายข้าวได้ล่าช้าออก จึงมีคำถามตามมาว่า ต้องการเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ .. ก็มีข้อมูลว่า “คู่เทียบ-คู่แข่ง” ที่เข้ามาเสนอราคาข้าวในรอบ 5 แสนตันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “บริษัทขนาดเล็กมาก” เมื่อเทียบกับ “ทีพีเค” ที่มีโรงงานผลิตเอทานอลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย .. แน่นอนว่า กรมการค้าต่างประเทศ ก็ย่อมจะรู้ดี “ทีพีเค” ก็เลยมองว่าเป็นการ “เลือกปฏิบัติ” เพื่อกลั่นแกล้งกัน .. ยิ่ง นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกมาทำท่าฮึดฮัดกับคำสั่งศาลปกครอง ทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง บอกทำให้เสียหายเป็นหมื่นล้าน และอ้างว่าเมื่อไม่สามารถระบายข้าวได้ตามแผนงาน ก็จะกระทบต่อ “กลไกตลาด” ทั้งที่ข้าวชุดนี้เป็น “ข้าวเน่า” ที่เกี่ยวกับ “ตลาดข้าวคนกิน” แน่นอน .. เรื่องมันเลยดูไม่ชอบมาพากล เหมือนมี “วาระซ่อนเร้น” อะไรกันแน่.
ช.ชฎา
---------------------
รูป
วิลาสินี พิพิธกุล
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ชีพ จุลมนต์