xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : “ม็อบนางฟ้า” บีบเข้าตาจน คสช.ตีธงถอย-ซื้อเวลา, บึ้มสนามหลวง-บิ๊กซีใต้ ฉลอง 3 ปี คสช., ปตท.กรรมซัด-ธรรมาภิบาลนับวันยิ่งมีปัญหา, ดาบปราบโกงสิ้นฤทธิ์ ถ้าไม่กล้าแตะ “คิง เพาเวอร์”, หวยล็อกที่ “ไทยพีบีเอส” แคนดิเดตแบ่งเก้าอี้เรียบร้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



ศึกนอก - ศึกใน ขนาบ “รัฐบาล คสช.” รอบด้าน ในโอกาสครบรอบ “3 ปี คสช.” .. ปมบรรจุ “พยาบาลวิชาชีพ” ก็ร้อนแรง จน “ครม. ลุงตู่” ที่เคยเล่นบทโหดหักดิบข้อเสนอขอบรรจุกว่า 1.1 หมื่นอัตรา เป็นข้าราชการเมื่อสัปดาห์ก่อน ถึงมีปืน - รถถัง - เรือดำน้ำ แต่คงรู้ดีกว่าไปสู้ “นางฟ้าชุดขาว” มีแต่แพ้กับแพ้ ลนลานหาทาง “หย่าศึก” เห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอเข้ามาอีกครั้ง ขอเวลา 3 ปี ทยอยบรรจุรอบละ 2 พันกว่าอัตรา จนถึงปี 2562 ได้ครบถ้วนตามที่ขอมา ... แต่ย้ำว่าเป็นแค่ “แนวทาง” ยังไม่เป็นมติ ครม. แค่ให้ทาง “กระทรวงหมอ” กลับไปจัดทำรายละเอียดแล้วค่อยส่งกลับมาให้ดูอีกที ... ไม่ได้มองโลกแง่ร้าย แต่เข้าอิหรอบ “ซื้อเวลา” ประคองสถานการณ์ที่เดือดปุดๆ ไปก่อน ถึงเวลาจริงต้องรอดู “พี่ทหาร” จะเท “น้องพยาบาล” ให้ชอกช้ำอีกไหม

ก็รายละเอียดการบรรจุพยาบาลมีหมดแล้วแหละ ทั้งแบบลอตเดียว หรือทยอยเป็นรอบๆ อย่างที่ ครม. เคาะแนวทางออกมา อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ เท่านั้น ... เรื่องแบบนี้วางใจไม่ได้หรอก อำนาจผลัดมือมาถึง “รัฐบาล คสช.” ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้ง 3 ปีไม่เห็นหัวกัน พอ “ฟางเส้นสุดท้าย” ขาดผึง ถึงเห็นค่ามาโอ๋ปลอบประโลม คงแขยงวีรกรรมที่เหล่า “นางฟ้าชุดขาว” ร่วมคว้านกหวีดมาขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” มาแล้วต่างหาก ... ยิ่ง “ข้ออ้าง” ที่ออกจากปาก วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ที่พูดจาภาษาเทพ ว่า ต้องตรึงอัตรากำลัง “ข้าราชการไทย” ไว้ที่ 4 แสนคน หากบรรจุพยาบาล 1 หมื่นอัตรา บุคลากรกระทรวงอื่นๆ ก็จะเรียกร้องเช่นเดียวกัน หากใช้มาตรฐานเดียวกันรัฐบาลก็ต้องมีข้าราชการเพิ่มอีกราว 1 แสนคน ทั้งหลายทั้งปวงเป็นผลพวงมาจาก “การปฏิรูประบบราชการเมื่อปี 2544 - 2545” สมัย “รัฐบาลทักษิณ” ที่มีคนชื่อ “วิษณุ เครืองาม” ซึ่งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในตอนนั้นเป็นผู้วางรากฐานการปฏิรูประบบราชการที่ว่า และล็อกตัวเลขจำนวนขาราชการไว้ไม่ให้ “อุ้ยอ้าย - เทอะทะ” ก่อนที่ “วิษณุ” จะได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็น “รองนายกรัฐมนตรี” … อ่านเท่านี้ก็พอจะกระจ่างว่าใครกันที่ทำหมัน “พยาบาลวิชาชีพ” ไว้

ตูมสนั่น!! เหตุการณ์ “เสียงดังคล้ายระเบิด” หน้าโรงละครแห่งชาติ ย่านสนามหลวง จนมีประชาชนบาดเจ็บ 2 ราย ประสานเสียงเล่นคีย์เดียวกับ “คาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี” ไม่ผิดเพี้ยน มองเป็นอื่นยาก นอกเสียจากเฉลิมฉลอง - ท้าทายอำนาจรัฐ ในโอกาส “3 ปี คสช.” เย้ยฝีมือ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯความมั่นคง จนต้องรีบสั่งการให้เจ้าหน้าที่ควานหาตัว “มือบึ้ม” มาลงโทษโดยเร็ว สอดคล้องกับ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ระบุว่าต้นเหตุน่าจะมาจาก “ประทัดยักษ์” และคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ก่อกวน เหมือนเหตุที่หน้ากองสลากฯเก่า เมื่อ 2 เดือนก่อน

พอ “บิ๊กความมั่นคง” พูดไปในทางเดียวกันแบบนี้ ก็น่าเห็นใจ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เจ้าของท่าซาราเฮโยอันลือลั่น ที่อุตส่าห์ออกตัวล้อฟรีด้วยน้ำเสียงสูงปรึ๊ดว่า แค่ “ท่อ PVC แตก” ไม่ใช่ระบง..ระเบิดอะไรหร้อกกก เมื่อไม่ได่นัดกันไว้ก่อน ก็เหมือนทิ้ง “ศานิตย์” ไว้กลางทาง

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด .. วันก่อนเจอรัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องไปเบาะๆ 2 หมื่นล้านบาท ฐานทำน้ำมันรั่วเมื่อปี 2552 เมื่อวาน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง ก็ตั้งท่าจะเอาเรื่องบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ในเครือ “กลุ่ม ปตท.” ฐานเลิ่นเล่อกรณีเรือบรรทุกน้ำมันดิบ ชื่อ MELODY สัญชาติ ไลบีเรีย ที่มาจอดลอยลำนอกชายฝั่งส่งน้ำมันดิบให้ PTTGC ทิ้งคราบน้ำมันในทะเลอ่าวไทยไว้เป็นของฝาก แถมเป็นจุดเดียวกับที่ข้อต่อท่อส่งน้ำมันเคยรั่วเมื่อปี 2556 เสียด้วย ถึงหนนี้ปริมาณจะไม่มากเท่า แต่ก็ทำเอาชาวประมงท้องถิ่นถึงกับผวา กลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยปี 2556 ที่ทำเอาหลายครอบครัวทำมาหากินไม่ได้ เหตุการณ์ที่อินโดฯมาถึงระยอง มันสะท้อนผลงานที่แท้จริงของ “กลุ่ม ปตท.” ที่กำไรปีละเป็นแสนล้าน รางวัลธรรมาภิบาล - รักษ์สิ่งแวดล้อมเต็มตู้โชว์ เหมือนไปจับสลากได้มามากกว่า ก็ที่เห็นมันหนักไปทางก่อมลภาวะ แบบไร้ความรับผิดชอบมากกว่า ... ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อาจจะเป็นผลกรรมที่เอารัดเอาเปรียบสังคมจนเคยตัว กรณี “ท่อก๊าซ” ศาลสั่งให้คืนรัฐทั้งหมด ก็ยังเล่นแง่ตีความเข้าข้างตัวเองไม่เลิก

โทษปี่โทษกลองเรื่อยเลย กับคิว “นายกฯตู่” ออกอาการเซ็งไม่ยอมแถลงผลงาน 3 ปี คสช. ทั้งที่ร่ายยาวตลอดทุกคืนวันศุกร์ ผลงานทะลักทะล้น โบ้ยไปว่าเอาแต่โจมตีเรื่องความล้มเหลวของรัฐบาล .. ไม่แถลงไม่เป็นไร แต่บางเรื่องควรถือโอกาส “สร้างผลงาน” กรณีกรรมาธิการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้ยกเลิกสัญญาที่เสียเปรียบ กับ “กลุ่มคิง เพาเวอร์” อะไรที่ถูกที่ควรก็รีบๆ ทำ สปท. ชุดปราบโกงของ ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ชงหวานเจี๊ยบ - ละเอียดยิบมาขนาดนี้แล้ว ยังเงื้อง่าขอดูกฎหมาย - หลักการอะไรอีก ก็ชัดๆ อยู่ว่าสัญญาที่ผูกพันตอนนี้ รัฐเสียเปรียบเต็มประตู อีกฝ่ายก็อู้ฟู่รวยล้นฟ้า ถือเป็นบทพิสูจน์ “ดาบปราบโกง” ในมือ “ลุงตู่” ได้เป็นอย่างดี ... ประเด็น “ใครสนิทสนมกับใคร” ก็อีก คนนามสกุลเดียวยืนคนละฝั่งอยู่ฝ่ายรัฐ - เอกชน ในหน่วยงานที่มีส่วนได้ส่วนเสียชัดเจน แถม “บิ๊กเอกชน” ยังไปมีตำแหน่งแห่งที่ในมูลนิธิของ “บิ๊กบราเทอร์ส” อีก หลักฐานทนโท่ว่าโตขึ้นมาแบบผิดธรรมชาติ มาจาก “คอนเนกชั่น - สายสัมพันธ์” ล้วนๆ หรือโมเดล “เอกชนตั้งบิ๊กข้าราชการ” ก็อีก ลองไปดูปูมหลัง นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ดูซิว่าสมัยอยู่ “แบงก์ใบโพธิ์” ดูแลอะไรให้ “คิง เพาเวอร์” .

เห็นหน้าค่าตากันไปแล้วกับ 8 ผู้สมัครเข้าสรรหาเป็น “ผอ.ไทยพีบีเอส” แค่โค้งแรกลือสนั่นวางตัวเสร็จสรรพ ใครนั่ง ผอ. ใครนั่ง รอง ผอ. สะพัดว่า วิลาสินี อดุลยานนท์ มาเต็งหนึ่ง ดีกรีเด็กในคาถา จุมพล รอดคำดี ประธานบอร์ดไทยพีบีเอส ประวัติเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัย “จุมพล” เป็นคณบดีนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ “วิลาสินี” นั่งรองคณบดีฯ ต่อมาอยู่ในรั้ว สสส. ด้วยกันอีก

พอมีเต็งจ๋าแบเบอร์ แคนดิเดตคนอื่นก็พร้อมหลีก ล็อกเก้าอี้กันล่วงหน้าแล้วอย่างน้อย 3 ที่นั่ง “วิสาลินี” ขึ้นเบอร์หนึ่ง อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตบิ๊กเนชั่น ขอนั่ง รอง ผอ.คุมฝ่ายข่าว พร้อมดึง อนุพงษ์ ไชยฤทธ์ อดีตรอง ผอ.ไทยพีบีเอส ผู้มีส่วนสำคัญทำให้ กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ตกเก้าอี้เรื่องไปลงทุนซื้อหุ้นกู้ เช่นเดียวกับ “วิสาลินี” ที่ต้องลาออกยกคณะ นี่ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ “ตลกร้าย” ที่เอา “ผู้สมรู้ร่วมคิด” เรื่องหุ้นกู้กลับมาคุมไทยพีบีเอส ทีวีสาธารณะ ... มาแนวนี้ไม่ต้องตั้งปะรำทำพิธีสรรหาให้เมื่อยตุ้ม ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานกรรมการ ธรรมาภิบาลไทยพีบีเอส ต้องขยับบ้างแล้ว.



ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น